พบผลลัพธ์ทั้งหมด 785 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฟ้องหย่า: ความสะดวกในการดำเนินคดีและภูมิลำเนาของคู่ความ
โจทก์ซึ่งเป็นสามีจำเลยมีภูมิสำเนาอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ฟ้องขอหย่าขาดกับจำเลยต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครในเขตศาลแพ่ง แต่มูลคดีอันเป็นเหตุขอหย่าตามที่โจทก์ฟ้อง เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งตัวโจทก์และพยานโจทก์มีภูมิลำเนาในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถ้าดำเนินการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จะเป็นการสดวกจึงขออนุญาตยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่นนี้ บทกฎหมายอันว่าด้วยการฟ้องคดีแพ่งนั้น บัญญัติขึ้นเพื่อจะให้ความสดวกแก่การฟ้องร้องคดีการต่อสู้คดีและการพิจารณาคดีประกอบกัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) จะเห็นได้ว่า กฎหมายให้พิจารณาถึงความสดวกเป็นสำคัญ จะว่าหากให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จำเลย จะต้องลำบากในการไปจากจังหวัดพระนคร แต่การให้ไปฟ้องยังศาลในจังหวัดพระนคร โจทก์ก็ต้องลำบากเช่นเดียวกันตามเหตุที่อ้างในคำร้องของโจทก์นั้น ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ก็เป็นศาลที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) และการให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นการสดวกแก่พยาน หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ยังไม่เป็นที่พอใจตามคำร้องของโจทก์หรือสงสัยประการใด ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะสอบถามหรือไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 ก่อนก็ได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ่จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ่จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฟ้องหย่า: พิจารณาความสะดวกของคู่ความและพยานเป็นสำคัญ
โจทก์ซึ่งเป็นสามีจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ฟ้องขอหย่าขาดกับจำเลยต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครในเขตศาลแพ่ง แต่มูลคดีอันเป็นเหตุขอหย่าตามที่โจทก์ฟ้องเกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งตัวโจทก์และพยานโจทก์มีภูมิลำเนาในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถ้าดำเนินการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะเป็นการสดวกจึงขออนุญาตยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่นนี้ บทกฎหมายอันว่าด้วยการฟ้องคดีแพ่งนั้นบัญญัติขึ้นเพื่อจะให้ความสดวกแก่การฟ้องร้องคดีการต่อสู้คดีและการพิจารณาคดีประกอบกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) จะเห็นได้ว่ากฎหมายให้พิจารณาถึงความสดวกเป็นสำคัญ จะว่าหากให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จำเลยจะต้องลำบากในการไปจากจังหวัดพระนคร แต่การให้ไปฟ้องยังศาลในจังหวัดพระนครโจทก์ก็ต้องลำบากเช่นเดียวกัน ตามเหตุที่อ้างในคำร้องของโจทก์นั้น ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นศาลที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) และการให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นการสดวกแก่พยาน หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ยังไม่เป็นที่พอใจตามคำร้องของโจทก์หรือสงสัยประการใด ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะสอบถามหรือไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 ก่อนก็ได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายข้ามประเทศ: เจ้าหนี้ต่างประเทศมีสิทธิในไทยได้หากเจ้าหนี้ไทยมีสิทธิในต่างประเทศ
เมื่อฟังว่าเจ้าหนี้ในประเทศไทยมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในศาลแห่งประเทศอังกฤษได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศอังกฤษก็มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในศาลไทยได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ม.178 (1)
แต่เมื่อศาลแพ่งยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นเงินจำนวนเท่าใด โดยศาลแพ่งเห็นว่า ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีสิทธิอื่นคำขอรับชำระหนี้และให้ยกคำขอรับชำระหนี้เสียเช่นนี้การที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ยกคำสั่งศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่งวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใดแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปความ โดยศาลอุทธรณ์ไม่พิพากษาบังคับไปเลย ย่อมเป็นการชอบแล้ว
แต่เมื่อศาลแพ่งยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นเงินจำนวนเท่าใด โดยศาลแพ่งเห็นว่า ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีสิทธิอื่นคำขอรับชำระหนี้และให้ยกคำขอรับชำระหนี้เสียเช่นนี้การที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ยกคำสั่งศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่งวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใดแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปความ โดยศาลอุทธรณ์ไม่พิพากษาบังคับไปเลย ย่อมเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายข้ามประเทศ: เจ้าหนี้ต่างประเทศมีสิทธิยื่นขอรับชำระหนี้ในไทยได้
เมื่อฟังว่าเจ้าหนี้ในประเทศไทยมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในศาลแห่งประเทศอังกฤษได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศอังกฤษก็มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในศาลไทยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 178(1)
แต่เมื่อศาลแพ่งยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใด โดยศาลแพ่งเห็นว่า ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้และให้ยกคำขอรับชำระหนี้เสียเช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ยกคำสั่งศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่งวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใดแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปความ โดยศาลอุทธรณ์ไม่พิพากษาบังคับไปเลย ย่อมเป็นการชอบแล้ว
แต่เมื่อศาลแพ่งยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใด โดยศาลแพ่งเห็นว่า ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้และให้ยกคำขอรับชำระหนี้เสียเช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ยกคำสั่งศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่งวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใดแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปความ โดยศาลอุทธรณ์ไม่พิพากษาบังคับไปเลย ย่อมเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีแพ่งต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน แม้มีคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง
ในคดีอาญาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกโดยจำเลยขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินบางส่วนของโจทก์ต่อมาโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยบุกรุกและให้ออกจากที่ดินส่วนเลยขึ้นไปทางด้านหนืออีก ซึ่งในคดีอาญาเดิมนั้น ศาลฎีกายังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือ เช่นนี้ ศาลจะงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยถือเอาข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาและเอกสารที่คู่ความส่งอ้างในคดีแพ่งเท่านั้นมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งหาเพียงพอไม่ เพราะในคดีอาญาศาลยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือนั้นเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีแพ่งต้องพิจารณาประเด็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ตัดสินในคดีอาญา
ในคดีอาญาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกโดยจำเลยขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินบางส่วนของโจทก์ ต่อมาโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยบุกรุกและให้ออกจากที่ดินส่วนเลยขึ้นไปทางด้านเหนืออีก ซึ่งในคดีอาญาเดิมนั้นศาลฎีกายังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือ เช่นนี้ ศาลจะงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยถือเอาข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาและเอกสารที่คู่ความส่งอ้างในคดีแพ่งเท่านั้นมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งหาเพียงพอไม่ เพราะในคดีอาญาศาลยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือนั้นเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นที่ศาลล่างงดสืบพยาน หากศาลอุทธรณ์ยกฟ้องด้วยเหตุอื่น
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยและฟังว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยเหตุอื่นนั้น จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพื่อจะได้วินิจฉัยว่าการเช่าเป็นเคหะหรือไม่ ศาลฎีกาไม่จำต้องพิจารณาฎีกาคัดค้านคดีของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องโดยเหตุอื่น ทำให้ศาลไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นที่ยังไม่ได้ตัดสินในชั้นต้น
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยและฟังว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยเหตุอื่นนั้น จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพื่อจะได้วินิจฉัยว่าการเช่าเป็นเคหะหรือไม่ ศาลฎีกาไม่จำต้องพิจารณาฎีกาคัดค้านคดีของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากผู้รับเนรคุณ ไม่ต้องบรรยายถ้อยคำหมิ่นประมาท และสิทธิถอนคืนเฉพาะส่วนเจ้าของร่วม
คำฟ้องคดีแพ่งเรียกทรัพย์คืนอ้างว่าผู้รับเนรคุณโดยกล่าวหมิ่นประมาทผู้ให้นั้น ไม่จำต้องบรรยาถ้อยคำหมิ่นประมาทก็นำสืบได้
เจ้าของร่วมแต่ผู้เดียวก็อาจฟ้องขอถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับเนรคุณได้ในทรัพย์ส่วนที่เป็นของตน
เมื่อศาลล่างพิจารณายกฟ้องโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงซึ่งจำต้องฟังเมื่อวินิจฉัยคดี ศาลฎีกาย่อมยกคำพิพากษาศาลล่างและให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
เจ้าของร่วมแต่ผู้เดียวก็อาจฟ้องขอถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับเนรคุณได้ในทรัพย์ส่วนที่เป็นของตน
เมื่อศาลล่างพิจารณายกฟ้องโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงซึ่งจำต้องฟังเมื่อวินิจฉัยคดี ศาลฎีกาย่อมยกคำพิพากษาศาลล่างและให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกทรัพย์คืนเนื่องจากผู้รับเนรคุณ แม้ไม่บรรยายคำหมิ่นประมาทก็สืบได้ และเจ้าของร่วมฟ้องได้เฉพาะส่วนของตน
คำฟ้องคดีแพ่งเรียกทรัพย์คืนอ้างว่าผู้รับเนรคุณโดยกล่าวหมิ่นประมาทผู้ให้นั้น ไม่จำต้องบรรยายถ้อยคำหมิ่นประมาทก็นำสืบได้
เจ้าของร่วมแต่ผู้เดียวก็อาจฟ้องขอถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับเนรคุณได้ในทรัพย์ส่วนที่เป็นของตน
เมื่อศาลล่างพิจารณายกฟ้องโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงซึ่งจำต้องฟังเมื่อวินิจฉัยคดี ศาลฎีกาย่อมยกคำพิพากษาศาลล่างและให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
เจ้าของร่วมแต่ผู้เดียวก็อาจฟ้องขอถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับเนรคุณได้ในทรัพย์ส่วนที่เป็นของตน
เมื่อศาลล่างพิจารณายกฟ้องโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงซึ่งจำต้องฟังเมื่อวินิจฉัยคดี ศาลฎีกาย่อมยกคำพิพากษาศาลล่างและให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่