คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 243

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 785 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้ออาคารผิดกฎหมาย: จำเลยผู้รับเหมาต้องพิสูจน์ก่อนว่ามอบอาคารให้เจ้าของแล้ว
การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้ออาคารที่สร้างขึ้นผิดเทศบัญญัติและจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยเป็นเพียงรับเหมาก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็มอบอาคารให้เจ้าของ มีผู้เช่าเต็ม ดังนี้ แม้จะฟังว่าการสร้างอาคารไม่มีอนุญาตจริงก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยต่อสู้ไว้เสียก่อนที่จะวินิจฉัยถึงปัญหาอื่นว่าจะสั่งให้รื้อหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัยคำสั่งรื้ออาคาร กรณีจำเลยอ้างเป็นเพียงผู้รับเหมา
การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้ออาคารที่สร้างขึ้นผิดเทศบัญญัติและจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยเป็นเพียงรับเหมาก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็มอบอาคารให้เจ้าของ มีผู้เช่าเต็ม ดังนี้ แม้จะฟังว่าการสร้างอาคารไม่มีอนุญาตจริง ก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยต่อสู้ไว้เสียก่อนที่จะวินิจฉัยถึงปัญหาอื่นว่าจะสั่งให้รื้อหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273-274/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางการจำนอง: การนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์สภาพที่แท้จริงของสัญญา
โจทก์จำนองที่ดินไว้เป็นประกันเงินกู้แต่ทำหลักฐานทางทะเบียนเป็นการขายฝากและโจทก์คงครอบครองที่ดินมาดังนี้ โจทก์ย่อมนำสืบว่าสัญญาขายฝากที่ทำต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนองได้ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร อันต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะถ้าสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนองก็เป็นโมฆะเสียเปล่าใช้บังคับไม่ได้(ฎีกา 272/2498ประชุมใหญ่4/2498)
เมื่อคู่ความยังโต้เถียงข้อเท็จจริงกันว่ามีการทำนิติกรรมอำพรางนิติกรรมที่แท้จริงไว้และยังไม่ได้ความที่จะฟังว่าเป็นไปในทางใดศาลชั้นต้นก็สั่งงดสืบพยานเสียดังนี้ ศาลฎีกามีอำนาจให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์แผงลอยให้เทศบาล และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยคดี
ในเรื่องแผงลอยเป็นของเทศบาลหรือไม่และโจทก์เสียหายหรือไม่นั้น ได้เป็นประเด็นในคดีซึ่งทั้งโจทก์จำเลยได้นำสืบเสร็จสำนวนมาแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยพิพากษาให้เสร็จไปได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่.
(อ้างฎีกาที่ 144/2492)
ร้านแผงลอยเป็นสังหาริมทรัพย์
จำเลยอ้างพยานเอกสารไว้ด้วยในการประกอบข้อต่อสู้ที่ว่าโจทก์ได้ยกร้านแผงลอยซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ ให้เทศบาลแล้ว แต่เมื่อจำเลยเพียงนำพยานบุคคลมาสืบก็รับฟังได้เช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำพยานเอกสารเช่นว่านั้นมาสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกทรัพย์สินให้เทศบาลและการรับฟังพยานหลักฐาน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยได้
ในเรื่องแผงลอยเป็นของเทศบาลหรือไม่และโจทก์เสียหายหรือไม่นั้น ได้เป็นประเด็นในคดีซึ่งทั้งโจทก์จำเลยได้นำสืบเสร็จสำนวนมาแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยพิพากษาให้เสร็จไปได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ (อ้างฎีกาที่ 144/2492)
ร้านแผงลอยเป็นสังหาริมทรัพย์
จำเลยอ้างพยานเอกสารไว้ด้วยในการประกอบข้อต่อสู้ที่ว่าโจทก์ได้ยกร้านแผงลอยซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ ให้เทศบาลแล้วแต่เมื่อจำเลยเพียงนำพยานบุคคลมาสืบก็รับฟังได้เช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำพยานเอกสารเช่นว่านั้นมาสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดกับข้อห้ามอุทธรณ์: คดีค่าเช่า
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกกฎหมาย เพราะเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ ในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงไปเสียตรงข้าม ดังนี้ ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาโดยถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา ไปได้ทีเดียว (โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดกับข้อจำกัดการอุทธรณ์
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกกฎหมาย เพราะเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงไปเสียตรงข้าม ดังนี้ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาโดยถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา ไปได้ทีเดียว (โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย และการไม่ตรงกับประเด็นฟ้อง
การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากคำพยานหลักฐานในท้องสำนวน แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นยังหาได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้ว และเรื่องจำเลยใช้สถานที่ประกอบการค้า ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยไม่ตรงตามข้อหาในชั้นฟ้องอุทธรณ์ เป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินกรอบที่ศาลชั้นต้นพิจารณา ถือเป็นการไม่ชอบ
การวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากคำพยานหลักฐานในท้องสำนวน แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นยังหาได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้ว และเรื่องจำเลยใช้สถานที่ประกอบการค้า ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยไม่ตรงตามข้อหาในชั้นฟ้องอุทธรณ์ เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมโนสาเร่: ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากศาลชั้นต้น ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นตันฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนที่จะตกมาเป็นของโจทก์ และฟังว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายที่ชนะคดีตามที่ท้ากันไว้นั้น แต่ศาลอุทธรณ์ กลับฟังว่าจำเลยไม่ได้เช่าจากเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้แก่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารเสียนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะคดีมโนสาเร่คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฏหมายเท่านั้น.
of 79