คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 243

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 785 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและสินสมรส: เจ้าหนี้มีสิทธิขอแยกสินบริคณห์โดยคำร้องได้ ไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีใหม่
การร้องขอแยกสินบริคณห์ในชั้นบังคับคดีเพื่อดำเนินการไปตามคำพิพากษานั้น ทำเป็นคำร้องต่อศาลได้โดยไม่ต้องฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นใหม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1483 มิได้บังคับไว้โดยชัดแจ้งว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องฟ้องร้องเป็นคดีใหม่เพื่อขอให้แยกสินบริคณห์เสียก่อน
ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสิทธิ แม้ยังไม่มีกฎหมายรับรองสิทธินั้นโดยตรง
การโต้แย้งสิทธิตาม ป.วิ.แพ่ง ม.55 นั้นหาจำต้องมีกฎหมายรับรองสิทธินั้นไว้โดยตรงเสียก่อนอย่างใดไม่ เมื่อผู้ใดโต้แย้งผู้นั้นก็อาจมาขอความคุ้มครองจากศาลได้เสมอ เช่นในกรณีขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อมีข้อโต้แย้งว่าใครจะมีสิทธิดีกว่าในการที่จะจดทะเบียนก่อน ดังนี้ศาลก็ต้องรับวินิจฉัยให้ อย่าว่าแต่ในระหว่างผู้ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนด้วยกันเลยเจ้าของเครื่องหมายการค้าอ้นแท้จริงแม้จะยังมิได้จดทะเบียน จะยกขึ้นต่อสู้กับผู้ที่จดทะเบียนแล้วในศาลก็ยังได้ตามมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ออุทธรณ์ใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน (อ้างฎีกาที่ 277/2496)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการงดสืบพยานและวินิจฉัยคดีเมื่อมีหลักฐานเพียงพอ กรณีเช่าทรัพย์สิน
เมื่อศาลเห็นว่าข้อที่คู่ความประสงค์จะนำสืบไม่เป็นประโยชน์ต่อคดี ศาลย่อมมีอำนาจที่จะงดสืบพยานนั้นเสียได้ และเมื่อเห็นว่าพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่พอเพียงจะเชื่อฟังเป็นยุติได้แล้ว ก็พิพากษาคดีนั้นได้ ไม่จำต้องสืบพยานต่อไปตามที่คู่ความขออีก
ศาลชั้นต้นสองถามคู่ความแล้วงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีเสียใหม่ โดยยังไม่ไม่วินิจฉัยข้อพิพาทในคดีนั้นเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคดีมีหลักฐานพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยได้แล้ว ก็ไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการงดสืบพยานเมื่อมีหลักฐานเพียงพอ และการวินิจฉัยคดีโดยไม่ต้องย้อนสำนวน
เมื่อศาลเห็นว่าข้อที่คู่ความประสงค์จะนำสืบไม่เป็นประโยชน์ต่อคดีศาลย่อมมีอำนาจที่จะงดสืบพยานนั้นเสียได้และเมื่อเห็นว่าพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่พอเพียงจะเชื่อฟังเป็นยุติได้แล้วก็พิพากษาคดีนั้นได้ ไม่จำต้องสืบพยานต่อไปตามที่คู่ความขออีก
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีเสียใหม่โดยยังไม่ได้วินิจฉัยข้อพิพาทในคดีนั้นเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคดีมีหลักฐานพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยได้แล้วก็ไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ หากผู้ซื้อครอบครองนานเกิน 10 ปี โดยเจตนาเป็นเจ้าของ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกัน แต่วินิจฉัยว่าแม้โจทก์ผู้ซื้อจะครอบครองที่ดินมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายกฟ้องยืนตามศาลชั้นต้น แต่ไปวินิจฉัยว่าการซื้อขายไม่สมบูรณ์เพราะทำไม่ถูกแบบ และฟังไม่ได้ว่าซื้อขายกัน ซึ่งไม่มีประเด็นมาสู่ศาลอุทธรณ์ และไม่ปรากฏว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยความข้อนี้ผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใดคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว จึงฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(3) ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องถือตามข้อเท็จจริงข้อนี้ตามมาตรา 250 ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นได้
ตกลงจะซื้อขายที่ดินกัน ชำระเงินราคาที่ดินครบถ้วนแล้ว และส่งมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว.พฤติการณ์เช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่าคู่กรณีไม่ได้คำนึงถึงการที่จะแก้ทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียแล้วผู้ซื้อคงครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในฐานที่ได้ครอบครองมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานของจำเลยและการพิจารณาคดีอาญา ศาลต้องรับฟังพยานจำเลยเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีเหตุลงโทษ
จำเลยในคดีอาญาได้ระบุอ้างพยานไว้แล้ว แต่ศาลสั่งงดสืบพยานของจำเลยเสียแล้ว พิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อพยานโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีฝ่ายโจทก์มั่นคงจะลงโทษจำเลยก็จำจะต้องฟังคำพยานฝ่ายจำเลยให้สิ้นกระแสร์ความก่อน ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยไปทีเดียวโดยไม่ได้ฟังคำพยานจำเลยแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษา ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยให้สิ้นกระแสร์ความแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการสืบพยาน – ศาลอุทธรณ์ต้องรับฟังก่อนพิพากษา
จำเลยในคดีอาญาได้ระบุอ้างพยานไว้แล้ว แต่ศาลสั่งงดสืบพยานของจำเลยเสียแล้ว พิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อพยานโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีฝ่ายโจทก์มั่นคงจะลงโทษจำเลยก็จำจะต้องฟังคำพยานฝ่ายจำเลยให้สิ้นกระแสความก่อน ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยไปทีเดียวโดยไม่ได้ฟังคำพยานจำเลยแล้ว ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยให้สิ้นกระแสความแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนเครื่องหมายการค้า: ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิจารณาใหม่ในประเด็นข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์จำเลยต่อสู้ว่า เครื่องหมายมีลักษณะต่างกัน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเครื่องหมายโจทก์จำเลยต่างกันมาก เมื่อปรากฏว่าคู่ความรับกันในรูปเครื่องหมายแล้ว คงเถียงกันว่าจะเป็นการเลียนหรือไม่ จึงเป็นปัญหาในข้อกฎหมาย คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์โดยเห็นว่า ต้องห้าม ศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์เป็นปัญหากฎหมายไม่ต้องห้าม ก็ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเครื่องหมายการค้า: ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการเลียนเครื่องหมายที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินผิด
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเครื่องหมายมีลักษณะต่างกันศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเครื่องหมายโจทก์จำเลยต่างกัน มาก เมื่อปรากฎว่าคู่ความรับกันในรูปเครื่องหมายแล้ว คงเถียงกันว่าจะเป็นการเลียนหรือไม่ จึงเป็นปัญหาในข้อกฎหมาย คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์โดยเห็นว่าต้องห้าม ศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์เป็นปัญหากฎหมายไม่ต้องห้าม ก็ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบพยานในคดีแพ่ง: จำเลยปฏิเสธฟ้องทุกข้อ โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับ จำเลยต่อสู้ว่า ข้อสัญญามิได้เป็นดังโจทก์อ้าง แต่เป็นดังที่จำเลยต่อสู้ โจทก์ทำผิดสัญญา จึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ เรียกว่า จำเลยปฏิเสธฟ้องของโจทก์ทุกข้อโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน
ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบผิดโดยให้จำเลยสืบก่อนแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยเสียเลย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยนั้นไม่ชอบ และที่ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบให้จำเลยสืบก่อนก็ไม่ชอบ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่แล้วพิพากษาตามรูปคดี โดยถือว่า โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนได้
of 79