คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 243

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 785 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบพยาน: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจย้อนสำนวนเพื่อวินิจฉัยพยานจำเลยที่ถูกละเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยต่อสู้ว่าข้อสัญญามิได้เป็นดังโจทก์อ้างแต่เป็นดังที่จำเลยต่อสู้ โจทก์ทำผิดสัญญาจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายดังนี้เรียกว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องของโจทก์ทุกข้อ โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน
ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบผิดโดยให้จำเลยสืบก่อนแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยเสีย เลย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยนั้นไม่ชอบและที่ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบให้จำเลยสืบ ก่อนก็ไม่ชอบ ดังนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่แล้วพิพากษาตามรูปคดีโดยถือว่าโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยกรรมสิทธิ์ในที่ดินก่อนพิจารณาประเด็นบุกรุก: ศาลต้องชี้ขาดกรรมสิทธิ์ก่อน หากกรรมสิทธิ์ไม่ชัดเจน ประเด็นบุกรุกจึงไม่สามารถวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องว่าที่วิวาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องสอดและจำเลยมิได้บุกรุก ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามา ก็ให้การยืนยันว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาท ดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงมีเป็นประการแรกว่า ที่พิพาทเป็นของใคร ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่เป็นของผู้ร้องสอดข้อบุกรุกก็ตกไป ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียโดยไม่ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้นั้นจึงมิได้เป็นการตัดสินคดีตามข้อหาในฟ้องของโจทก์ทุกข้อเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142,246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริตและการครอบครองปรปักษ์ ศาลต้องฟังพยานทั้งสองฝ่าย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินและเรือนจาก ป.กับได้โอนโฉนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยเข้าครอบครองโดยไม่มีสิทธิ ขอให้ขับไล่จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ซื้อไปโดยไม่สุจริตโดยโจกท์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยเป็นเจ้าของครอบครองขณะโจทก์รับโอนดังนี้ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโดยเห็นว่า โฉนดมีชื่อ ป.เป็นเจ้าของโจทก์ไม่มีหน้าที่จะต้องไปรู้ถึงการครอบครองของจำลเย แล้วพิพากษาขับไล่จำเลย หาชอบไม่ ศาลต้องดำเนินการ การพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต ศาลต้องรับฟังพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์การครอบครองของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินและเรือนจาก ป. กับได้โอนโฉนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยเข้าครอบครองโดยไม่มีสิทธิ ขอให้ขับไล่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ซื้อไปโดยไม่สุจริตโดยโจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยเป็นเจ้าของครอบครองขณะโจทก์รับโอน ดังนี้ ศาลชั้นต้นจะสั่งงดสืบพยานโดยเห็นว่า โฉนดมีชื่อ ป. เป็นเจ้าของโจทก์ไม่มีหน้าที่จะต้องไปรู้ถึงการครอบครองของจำเลย แล้วพิพากษาขับไล่จำเลย หาชอบไม่ ศาลต้องดำเนินการการพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในโกดังที่ซื้อจากสหประชาชาติ: การพิสูจน์อำนาจขายของผู้ขายและการครอบครองทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจากที่ดินของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้บริษัทมิตซุยฯ ซึ่งเป็นชนชาติญี่ปุ่นเช่าที่ดินปลูกโกดัง โดยมีข้อสัญญาว่าสิ่งปลูกสร้างนี้เป็นของบริษัทมิตซุยฯ บริษัทรื้อถอนไปได้ และเมื่อประเทศญี่ปุ่นแพ้สงคราม สิ่งปลูกสร้างนี้ตกอยู่ในความครอบครองดูแลของก.ท.ส.โดยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและควบคุมจัดกิจการ ฯลฯ และจำเลยรับว่าต่อมาสหประชาชาติได้ขายเลหลังโกดังหมายเลข 1,2,8,9 บนที่ดินพิพาทโดยโจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ แต่จำเลยยังเถียงว่าสหประชาชาติไม่มีอำนาจขายดังนี้ ถ้าหากเป็นจริงดังข้อเถียงของจำเลย โจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของโกดังจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดในการใช้โกดังนั้นต่อโจทก์ ฉะนั้นการที่ศาลล่างชี้ขาดปัญหาเบื้องต้นตามมาตรา 24ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าโกดังหมายเลข 1,2,8,9 เป็นของโจทก์จึงไม่ชอบ
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับที่ดินนั้น จำเลยไม่ได้แสดงว่ามีสิทธิอย่างไร การห้ามจำเลยไม่ให้ใช้ที่ดินจึงเป็นการชอบแล้ว
ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลล่างโดยให้ยกคำชี้ขาดบางข้อเสียแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ ส่วนนอกนั้นยืนตามได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นนอกเหนือจากที่โจทก์อุทธรณ์ ถือเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์อุทธรณ์ว่า พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ถูกรัฐธรรมนูญฉะบับชั่วคราว 2490 ยกเลิกไปสิ้นเชิงแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในปัญหาที่ว่าห้องพิพาทเป็นเคหะตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ หรือไม่ ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ตรงตามข้อหาในคำฟ้องอุทธรณ์ โดยวินิจฉัยในปัญหาที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ อันเป็นการมิชอบด้วย ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142, 242, 243, 246.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเด็นนอกข้อหาอุทธรณ์: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นที่ไม่ได้รับการอุทธรณ์จากโจทก์ ถือเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
โจทก์อุทธรณ์ว่า พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ถูกรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2490 ยกเลิกไปสิ้นเชิงแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในปัญหาที่ว่าห้องพิพาทเป็นเคหะตามความหมายของพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่ ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ตรงตามข้อหาในคำฟ้องอุทธรณ์ โดยวินิจฉัยในปัญหาที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ อันเป็นการมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142,242,243,246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการอนุญาตถอนฟ้องหลังมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น และการทำประนีประนอมเพื่อแก้ไขคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์หามีอำนาจที่จะสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องที่ได้ยื่นไว้ต่อศาลชั้นต้นจนศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาไปเสร็จแล้วนั้นได้ไม่ ฉะนั้นเมื่อมีการถอนฟ้องในชั้นศาลอุทธรณ์ ก็ย่อมหมายความว่าผู้อุทธรณ์จะขอถอนฟ้องได้แต่ฟ้องอุทธรณ์เท่านั้น
เมื่อคู่ความประสงค์จะตกลงกันเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นประการใด คู่ความก็ชอบที่จะมาทำประนีประนอมกันต่อหน้าศาล และขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมนั้น คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงจะถูกงดเว้นเปลี่ยนแปลงการบังคับได้โดยอำนาจของคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิฆ่าสัตว์ทำลายทรัพย์สิน ต้องพิจารณาความจำเป็นและเหตุผลสมควร หากเกินกว่าเหตุ เจ้าของทรัพย์ต้องรับผิดค่าเสียหาย
เจ้าของไร่ได้ใช้ปืนยิงสุกรที่เข้ามากินผลไม้ในไร่ปรากฏว่าเป็นสุกรบ้านไม่ดุร้าย มีทางที่จะจับกุมโดยละม่อมได้ และตามรูปเรื่องเจ้าของไร่ยิงไปโดยโทสะ จึงไม่เป็นนิรโทษกรรม และต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทน
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นว่า ไม่เป็นละเมิดให้ยกฟ้อง เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นละเมิด ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องค่าเสียหายที่คู่ความได้นำสืบกันมาแล้วไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
ในคดีเรียกค่าเสียหายค่าสุกรที่สุกรเข้าไปกินผลไม้ในไร่เขาเสียหายเจ้าของไร่ใช้ปืนยิงสุกรตายนั้น เมื่อปรากฏว่าเจ้าของสุกรปล่อยปละละเลยสุกรเข้าไปในไร่ของเขาบ่อยๆ เป็นการมีส่วนในการผิดอยู่ด้วย ศาลมีอำนาจลดค่าเสียหายให้ตามสมควร ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ทางปรปักษ์ vs. สิทธิจากนิติกรรมซื้อขาย: การครอบครองที่ดินโดยอาศัย vs. การซื้อขายจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าอาศัย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ทางปรปักษ์ให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างโจทก์กับผู้โอนตามฟ้องแย้งของจำเลย โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้รับโอนโดยสุจริต ให้ขับไล่จำเลย จำเลยฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยถึงประเด็นข้อที่ว่า จำเลยอยู่โดยปรปักษ์หรือโดยอาศัย
of 79