พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3265/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกรณีละเมิดสิทธิใช้ทาง: ผู้เช่ามีหน้าที่เปิดทางจำเป็น/ภารจำยอมได้ แม้ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน
จำเลยที่ 2 ผู้เช่าที่ดินภารยทรัพย์นำรถแทรกเตอร์ไปไถทางภารจำยอมและทางจำเป็นของโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้เป็นการกระทำละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ในการใช้ทาง โจทก์มีอำนาจฟ้องให้เปิดทางเพื่อให้โจทก์สามารถใช้เป็นทางเข้าออกถนนสาธารณะได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2454/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกล้อมรอบ – ไม่ต้องจดทะเบียน
ที่ดินของโจทก์และที่ดินของจำเลยอยู่ติดกัน ที่ดินของโจทก์มีที่ดินของจำเลยและที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ เมื่อปรากฏว่าหากโจทก์จะออกสู่ทางสาธารณะ ทางที่ใกล้ที่สุดจะต้องผ่านที่ดินของจำเลยตามที่พิพาท โจทก์จึงมีสิทธิจะใช้ที่พิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านไปสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 เมื่อที่พิพาทเป็นทางจำเป็น โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางดังกล่าวโดยอำนาจของกฎหมายไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกแบ่งแยกและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน
ที่ดินโจทก์จำเลยเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เมื่อแบ่งแยกแล้วที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน และเมื่อฟังว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้วก็ไม่เป็นทางภาระจำยอมอีก ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอเปิดทางจำเป็นเมื่อที่ดินไม่มีทางออกสู่สาธารณะ และผลกระทบต่อทางภาระจำยอม
ที่ดินโจทก์จำเลยเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เมื่อแบ่งแยกแล้วที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1350 โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน และเมื่อฟังว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้ว ก็ไม่เป็นทางภาระจำยอมอีก ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นในที่ดินของผู้อื่น เมื่อที่ดินถูกล้อมรอบและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ
โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินที่โจทก์ครอบครอง ที่ดินแปลงดังกล่าวมีที่ดินของผู้อื่นล้อมอยู่ทุกด้านรวมทั้งที่ดินของจำเลยด้านทิศใต้ซึ่งอยู่ติดกับทางสาธารณะโจทก์ใช้ทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยออกสู่ทางสาธารณะมาแล้ว 30 ปีเศษ แม้จะปรากฏว่าโจทก์ใช้ทางเดินตามแนวคันนาด้านทิศตะวันออกผ่านที่ดินของบุคคลอื่นบ้าง ก็ต้องถือว่ามีที่ดินแปลงอื่นล้อมที่ดินของโจทก์อยู่ โจทก์จึงมีสิทธิใช้ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น-ค่าทดแทน: ศาลยืนตามเดิม สิทธิเรียกร้องทางจำเป็นและสิทธิเรียกค่าทดแทนเป็นไปตามกฎหมาย
ที่ดินโจทก์ถูกที่ดินของจำเลยและบุคคลอื่นล้อมรอบอยู่แม้จะปรากฏว่าโจทก์เคยใช้ที่ดินของ บ. เดินออกสู่ทางสาธารณะแต่เป็นการขอเดินผ่านเข้าออกในขณะที่จำเลยปิดกั้นทางพิพาท จำเลยเคยฟ้องโจทก์ให้เปิดทางจำเป็นในที่ดินของโจทก์เพื่อให้จำเลยสามารถเดินจากที่ดินของจำเลยแปลงซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโจทก์ด้านทิศเหนือเพื่อผ่านไปยังที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของที่ดินโจทก์แล้วออกสู่ทางสาธารณะโดยมิได้ฟ้อง บ. กับบุคคลอื่นที่มีที่ดินติดกับจำเลยให้เปิดทางจำเป็นแก่จำเลย เป็นการยอมรับว่าทางพิพาทเป็นทางที่ออกสู่ทางสาธารณะใกล้ที่สุดและสะดวกมากกว่าทางอื่น จึงฟังได้ว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโจทก์จำเลยเคยฟ้องให้โจทก์เปิดทางจำเป็นในที่ดินของโจทก์ให้จำเลยผ่านกว้าง 2 เมตร และเป็นทางแนวเดียวกับทางพิพาทขนาดทางกว้าง2 เมตร เหมาะสมแก่การใช้ประโยชน์ตามสภาพบ้านเมืองในปัจจุบันแล้ว บทบัญญัติ ป.พ.พ. มาตรา 1349 มิได้บังคับให้ผู้มีสิทธิผ่านทางจำเป็นในที่ดินของผู้อื่นนั้นต้องเสนอใช้ค่าทดแทนก่อนจึงจะใช้สิทธิได้ โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกเอาทางจำเป็นโดยไม่ต้องเสนอให้ค่าทดแทนแก่จำเลยก่อน โจทก์ไม่ได้เสนอค่าทดแทนแก่จำเลย และจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งเรียกค่าทดแทนจากโจทก์ คดีจึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยในเรื่องค่าทดแทน และปัญหานี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวมาจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 และถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.พ. มาตรา 249 ปัญหาว่าผู้มีสิทธิใช้ทางจำเป็นต้องใช้ค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 หรืออาจไม่ต้องใช้ค่าทดแทนตามมาตรา 1350 ไม่เป็นประเด็นวินิจฉัยในคดีนี้ จึงชอบที่จำเลยจะไปว่ากล่าวในเรื่องค่าทดแทนจากโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากรูปคดีมีเหตุผลอันสมควรที่ศาลจะระบุในคำพิพากษาให้ชัดเจนว่าไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะไปว่ากล่าวในเรื่องค่าทดแทนจากโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก และคำพิพากษาดังกล่าวไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องใช้ค่าทดแทนแก่จำเลยในคดีนี้ จึงไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอของจำเลย ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกปิดล้อมและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทน
แม้ว่าที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออกอยู่ติดกับบริเวณที่ดินที่ พ. ได้อุทิศแบ่งแยกไว้เป็นทางสาธารณะ แต่ที่ดินของพ. บริเวณดังกล่าวมีห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างอื่นปลูกอยู่ก่อนแล้วไม่อาจใช้สัญจรออกไปสู่ทางสาธารณะได้ที่ดินบริเวณที่ พ. แบ่งไว้จึงเป็นที่ดินซึ่งประชาชนทั่วไป และโจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ในการสัญจรหรือการจราจรได้จริง ที่ดินของโจทก์จึงถูกที่ดินแปลงอื่นปิดกั้นไม่อาจออกสู่ทางสาธารณะได้ตามสภาพที่เป็นจริง ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 โจทก์ย่อมมีสิทธิขอเปิดทางจำเป็นที่พิพาทผ่านที่ดินของจำเลยไปออก สู่ทางสาธารณะที่ใช้สัญจรไปมาตามความเป็นจริงได้ ภายหลังแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมที่ดินมีโฉนด ออกมาเป็นโฉนดแปลงย่อยของโจทก์ของจำเลย และแปลงอื่น ๆ ทำให้ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้เลย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ถูกแบ่งแยกออกมามีสิทธิเรียกร้องเอาทางจำเป็นจากที่ดินที่แบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันออกมา ไปสู่ทางสาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องทางจำเป็นเมื่อที่ดินไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทน
เดิมที่ดินโจทก์และจำเลยเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เมื่อมีการแบ่งแยกทำให้ที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ แม้ปรากฏว่าที่ดินโจทก์ด้านทิศตะวันออกจะติดกับบริเวณที่ดินซึ่งเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้แบ่งแยกไว้เป็นทางสาธารณะ แต่บริเวณดังกล่าวโจทก์และบุคคลทั่วไปไม่สามารถเดินได้เพราะมีตึกแถวและสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นปิดกั้นอยู่ก่อนแล้ว ที่ดินโจทก์จึงมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะตามสภาพที่เป็นจริง โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นในที่ดินของผู้อื่น แม้มีข้อตกลงยกเลิก แต่ต้องทำเป็นหนังสือจดทะเบียนจึงมีผลผูกพัน สิทธิเดินผ่านไม่มีอายุความ
เดิมที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 402 เป็นของจำเลย ต่อมาโจทก์ ได้ซื้อที่ดินดังกล่าวบางส่วนเนื้อที่ 3 งาน ซึ่งอยู่ด้านหลังก่อนแย่งแยกหรือแบ่งโอน จำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ว่าจะ เปิดทางเดินกว้าง 2.5 เมตร ให้โจทก์เดินออกสู่ทางสาธารณะแต่ต่อมาจำเลยล้อมรั้วปิดกั้นในที่ดินของจำเลยทำให้โจทก์ไม่สามารถออกสู่ทางสาธารณะได้ ที่ดินของโจทก์ที่แบ่งแยกจากที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 402 อยู่ในที่ล้อม จึงมีสิทธิผ่าน ที่ดินของจำเลยที่แบ่งแยกที่แบ่งหรือแบ่งโอนไปสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 การยกเลิกสัญญาที่จำเลยยินยอมให้โจทก์ใช้ทางผ่านกว้าง 2.5 เมตร เป็นข้อจำกัดสิทธิแห่งเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องทำนิติกรรมเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1338 วรรคสองเพียงแต่ตกลงยกเลิกกันด้วยปากเปล่า ไม่มีผลผูกพัน ทางจำเลยโดยผลของกฎหมายไม่จำต้องไปจดทะเบียน สิทธิของโจทก์ที่จะเดินผ่านในที่ดินของจำเลยเกิดขึ้นโดย ผลของกฎหมาย โจทก์ย่อมจะฟ้องให้จำเลยเปิดทางได้โดยไม่มีอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินไม่มีทางออกสู่สาธารณะ การยกเลิกสิทธิทางผ่านต้องทำเป็นหนังสือ
เดิมที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 402 เป็นของจำเลย ต่อมาโจทก์ได้ซื้อที่ดินดังกล่าวบางส่วนเนื้อที่ 3 งาน ซึ่งอยู่ด้านหลัง ก่อนแบ่งแยกหรือแบ่งโอน จำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ว่าจะเปิดทางเดินกว้าง 2.5 เมตร ให้โจทก์เดินออกสู่ทางสาธารณะ แต่ต่อมาจำเลยล้อมรั้วปิดกั้นในที่ดินของจำเลยทำให้โจทก์ไม่สามารถออกสู่ทางสาธารณะได้ ที่ดินของโจทก์ที่แบ่งแยกจากที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 402 อยู่ในที่ล้อม จึงมีสิทธิผ่านที่ดินของจำเลยที่แบ่งแยกหรือแบ่งโอนไปสู่ทางสาธารณะได้ตามป.พ.พ. มาตรา 1350
การยกเลิกสัญญาที่จำเลยยินยอมให้โจทก์ใช้ทางผ่านกว้าง2.5 เมตร เป็นข้อจำกัดสิทธิแห่งเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ต้องทำนิติกรรมเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1338 วรรคสอง เพียงแต่ตกลงยกเลิกกันด้วยปากเปล่า ไม่มีผลผูกพัน
ทางจำเป็นโดยผลของกฎหมายไม่จำต้องไปจดทะเบียน
สิทธิของโจทก์ที่จะเดินผ่านในที่ดินของจำเลยเกิดขึ้นโดยผลของกฎหมาย โจทก์ย่อมจะฟ้องให้จำเลยเปิดทางได้โดยไม่มีอายุความ
การยกเลิกสัญญาที่จำเลยยินยอมให้โจทก์ใช้ทางผ่านกว้าง2.5 เมตร เป็นข้อจำกัดสิทธิแห่งเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ต้องทำนิติกรรมเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1338 วรรคสอง เพียงแต่ตกลงยกเลิกกันด้วยปากเปล่า ไม่มีผลผูกพัน
ทางจำเป็นโดยผลของกฎหมายไม่จำต้องไปจดทะเบียน
สิทธิของโจทก์ที่จะเดินผ่านในที่ดินของจำเลยเกิดขึ้นโดยผลของกฎหมาย โจทก์ย่อมจะฟ้องให้จำเลยเปิดทางได้โดยไม่มีอายุความ