พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2915/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมและทางจำเป็น: การมีอยู่จริงของสิทธิ และที่ดินติดถนนสาธารณะ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390 ที่ห้ามมิให้เจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไป หรือเสื่อมความสะดวกนั้น เป็นบทบัญญัติที่ใช้กับทางที่เป็นภารจำยอมโดยถูกต้องสมบูรณ์แล้วซึ่งอาจเป็นโดยนิติกรรมหรืออายุความก็ได้แล้วแต่กรณี ดังนั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้ภารจำยอมในทางพิพาทโดยอายุความ ทางพิพาทจึงมิได้ตกอยู่ในภารจำยอม แม้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของทางพิพาทจะถมดินทับทางดังกล่าวแล้วปลูกสร้างอาคารโจทก์ก็ไม่มีสิทธิยกกฎหมายดังกล่าวขึ้นอ้างได้ ที่ดินของโจทก์ติดถนนซึ่งเป็นทางสาธารณะ แม้ถนนดังกล่าวมีทางระบายน้ำริมถนนซึ่งเป็นของเทศบาลและโจทก์ไม่สามารถทำทางออกสู่ถนนได้ก็ตาม ที่ดินโจทก์ย่อมไม่เป็นที่ดินที่ถูกปิดล้อมไม่มีทางออกอันจะมีสิทธิผ่านที่ดินของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคหนึ่ง และไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นในวรรคสองโจทก์จึงไม่มีสิทธิผ่านที่ดินจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1855/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินฟ้องเปิดทางจำเป็น แม้ไม่ครอบครอง และฟ้องซ้ำที่ไม่เป็นเหตุต้องห้าม
โจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีอำนาจฟ้องให้จำเลยเปิดทางพิพาทที่โจทก์อ้างว่าตกเป็นทางจำเป็นได้โดยโจทก์ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ครอบครองทางพิพาทและการที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้วขอถอนฟ้องและนำมูลคดีนั้นมาฟ้องเป็นคดีนี้ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมาย มิใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ถอนฟ้องคดีก่อน ศาลชั้นต้นจึงยังมิได้มีคำพิพากษาวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี การที่โจทก์นำมูลคดีเดียวกันมาฟ้องเป็นคดีนี้ จึงมิใช่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีก ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ดังนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามป.วิ.พ. มาตรา 148 ที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่โดยรอบ โจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางออกสู่ทางสาธารณะมา 40 กว่าปี โดยไม่ได้ใช้ทางอื่น ทางพิพาทอยู่ริม สุดของเขตที่ดินของจำเลยทำให้ที่ดินของจำเลยที่ 2 เสียหายน้อยที่สุดและเป็นทางจำเป็นซึ่งพอควรแก่ความจำเป็นของโจทก์ ดังนี้จำเลยไม่มีสิทธิก่อกำแพงปิดกั้นทางพิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1855/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์มีอำนาจฟ้องเปิดทางจำเป็น แม้ไม่ครอบครอง และฟ้องซ้ำไม่สำเร็จหากยังไม่มีคำพิพากษา
โจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีอำนาจฟ้องให้จำเลยเปิดทางจำเป็นได้โดยโจทก์ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ครอบครองทางพิพาท โจทก์ถอนฟ้องคดีก่อน ศาลชั้นต้นจึงยังมิได้มีคำพิพากษาวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี การที่โจทก์นำมูลคดีเดียวกันมาฟ้องจำเลยคนเดียวกันอีก จึงมิใช่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4908/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นแม้มีทางอื่น ทางพิพาทเดิมมีผลบังคับใช้ได้ แม้มีการยกเลิกภาระจำยอม
ที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะโดยตรงได้ แม้จะได้ความว่าโจทก์จะผ่านที่ดินของบุคคลอื่นออกไปสู่ทางสาธารณะทางด้านอื่นได้ก็ตาม แต่ก็ต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่นเช่นกัน ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิใช้ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 เดิม เจ้าของที่ดินของโจทก์เคยใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะ และต่อมาได้มีการจดทะเบียนภารจำยอมให้ที่ดินของโจทก์ใช้ที่พิพาทเป็นทางออกสู่ทางสาธารณะได้ แม้ภายหลังมีการจดทะเบียนยกเลิกภารจำยอม แต่ก็ทำเพื่อประโยชน์ของจำเลย กับทั้งยังมีการตกลงให้โจทก์ใช้ทางพิพาทของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะได้ดังนี้ เป็นการสมควรที่โจทก์เลือกใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะ กรณียังไม่มีเหตุสมควรที่โจทก์จะเปลี่ยนแปลงไปใช้ทางอื่น สัญญาจะซื้อขายซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับอาคารชุดจำเลยที่ขัดกับพ.ร.บ. อาคารชุดฯ มาตรา 10 ซึ่งห้ามมิให้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินและห้ามผู้ขอจดทะเบียนอาคารชุดก่อภาระผูกพันเกี่ยวกับอาคารชุดเมื่อได้มีการจดทะเบียนอาคารชุดแล้ว แม้ข้อตกลงเป็นโมฆะ ก็หา กระทบกระทั่งถึงสิทธิของโจทก์ที่จะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะตามกฎหมายไม่ เพราะกรณีเป็นเรื่องทางจำเป็นที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4908/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกล้อมรอบ แม้มีทางออกอื่นแต่ต้องผ่านที่ดินผู้อื่น การตกลงใช้ทางจำเป็นไม่ขัดต่อกฎหมายอาคารชุด
ที่ดินของโจทก์มีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะโดยตรงได้แม้โจทก์จะผ่านที่ดินของบุคคลอื่นทางทิศเหนือและทิศตะวันออกไปสู่ทางสาธารณะได้ก็ตาม แต่ก็ต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่นเช่นกัน โจทก์จึงมีสิทธิจะใช้ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะได้ เดิมเจ้าของที่ดินของโจทก์เคยใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยออกสู่ทางสาธารณะต่อมาก็ได้มีการจดทะเบียนภารจำยอมให้ที่ดินของโจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้ แม้ต่อมาจะมีการจดทะเบียนยกเลิกภารจำยอม แต่ก็เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของจำเลย ทั้งยังได้มีการตกลงกันให้โจทก์ใช้ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยเป็นทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้จึงเป็นการสมควรที่โจทก์เลือกใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะ ข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 10เป็นกรณีเมื่อมีการจดทะเบียนอาคารชุดแล้ว ห้ามมิให้ผู้ขอจดทะเบียนอาคารชุดนั้นก่อภารผูกพันเกี่ยวกับอาคารชุด ดังกล่าว แต่คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองมิได้บังคับให้ไปจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินของจำเลยแต่อย่างใด และกรณีเป็นเรื่องทางจำเป็นที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349หาใช่เป็นเรื่องที่ผู้ขอจดทะเบียนอาคารชุดนั้นเป็นผู้ก่อภารผูกพันดังกล่าวขึ้นไม่ ฉะนั้นแม้ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะตกเป็นโมฆะก็ตาม แต่ก็หา กระทบกระทั่งถึงสิทธิของโจทก์ที่จะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3252/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ: ประเด็นข้อพิพาทจำกัดเฉพาะส่วนที่เกิน 1 เมตร ไม่ใช่ทางจำเป็น
ตามคำฟ้องโจทก์ยอมรับว่าจำเลยยังเปิดทางกว้าง 1 เมตร จากที่ดินโจทก์ผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะได้ แต่โจทก์ขอให้จำเลยเปิดทางกว้างไม่น้อยกว่า 4 เมตร เพื่อให้รถยนต์แล่นผ่านเข้าออกได้ด้วย โจทก์จำเลยจึงมีข้อพิพาทกันเฉพาะทางส่วนที่กว้างเกินกว่า 1 เมตร ที่พอจะให้รถยนต์แล่นเข้าออกได้เท่านั้น แม้โจทก์จะบรรยายมาในฟ้องอ้างว่าที่ดินของโจทก์และจำเลยเป็นที่ดินที่แบ่งแยกมาจากโฉนดเดียวกัน เป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ด้านในไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ แต่ปรากฏจากคำฟ้องว่ามีทางออกจากที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะแล้ว และโจทก์บรรยายฟ้องต่อไปว่า โจทก์ได้ใช้บางส่วนของที่ดินของจำเลยเป็นทางสำหรับรถยนต์ผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะเรื่อยมาเป็นเวลาติดต่อกันรวม 31 ปีโดยไม่มีผู้ใดห้ามปราม แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะอ้างว่า ทางพิพาทส่วนที่กว้างเกินกว่า 1 เมตรนั้น เป็นทางภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความซึ่งจำเลยก็เข้าใจคำฟ้องของโจทก์ว่าเป็นเช่นนั้น เพราะจำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่เคยใช้ที่ดินบางส่วนของจำเลยเป็นทางสำหรับรถยนต์เข้าออกสู่ทางสาธารณะเป็นเวลา 31 ปี ตามคำฟ้องโจทก์เพิ่งจะนำรถยนต์เข้าจอดในที่ดินของจำเลยเมื่อประมาณ 3 ปีมานี้ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่า โจทก์ได้ใช้รถยนต์ผ่านเข้าออกทางพิพาทสู่ทางสาธารณะจนได้อายุความหรือไม่เท่านั้น ไม่มีประเด็นเรื่องทางจำเป็น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาเรียกร้องให้จำเลยรื้อรั้วคอนกรีตเปิดทางให้รถยนต์แล่นผ่านเข้าออกทางพิพาทเพราะเป็นทางจำเป็นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นในที่ดินแปลงอื่นเมื่อที่ดินถูกล้อม และการกำหนดขนาดทางที่เหมาะสม
ที่ดินของโจทก์ถูกล้อมจนไม่มีทางออกสู่ถนนอันเป็นทางสาธารณะได้ทั้งการออกทางด้านที่ดินของจำเลยตามแนวทางพิพาทจะทำให้จำเลยได้รับความเสียหายน้อยกว่าการออกทางด้านที่ดินของ ส.ดังนั้น การที่โจทก์ขอผ่านตามแนวทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจึงเป็นทางที่สะดวกและเหมาะสมกับความจำเป็นกว่าทางอื่นโจทก์จึงชอบที่จะขอให้จำเลยเปิดทางผ่านตามแนวทางพิพาทในที่ดินของจำเลยเป็นทางจำเป็นสำหรับให้โจทก์ใช้เป็นทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ตามสภาพการณ์ปัจจุบันรถยนต์เป็นพาหนะที่จำต้องใช้กันโดยทั่วไป และทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทุกตอนก็กว้าง 4 เมตรอยู่แล้วจึงเป็นการชอบที่ศาลกำหนดให้จำเลยเปิดทางพิพาทให้โจทก์กว้าง4 เมตร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทางภารจำยอม ทางจำเป็น และการใช้ทางโดยไม่เป็นปรปักษ์
การที่ ม.เจ้าของที่ดินพิพาทคนก่อนอนุญาตให้โจทก์ใช้สิทธิในที่พิพาทเป็นทางเดิน มิใช่ให้โจทก์ได้สิทธิเป็นทางภารจำยอมแม้โจทก์ได้ใช้สิทธิในทางพิพาทมาเป็นเวลาหลายปีก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิโดยอาการที่ถือว่าเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของก็ต้องถือว่า โจทก์ใช้ทางพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ม. เท่านั้นโจทก์จึงไม่ได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ การใช้ทางจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1349 วรรคสาม บัญญัติให้เลือกที่และวิธีทำทางผ่านให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่านกับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ การที่โจทก์ขอใช้สิทธิในทางพิพาทกว้างถึง 2 เมตร จึงเป็นการเกินความจำเป็นที่จะใช้เป็นสภาพทางเดินและทางระบายน้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอม & ทางจำเป็น: การใช้ทางโดยไม่เป็นปรปักษ์ และความจำเป็นในการกำหนดขนาดทาง
การที่ ม. เจ้าของที่ดินพิพาทคนก่อนอนุญาตให้โจทก์ใช้สิทธิในที่พิพาทเป็นทางเดิน มิใช่ให้โจทก์ได้สิทธิเป็นทางภารจำยอมแม้โจทก์ได้ใช้สิทธิในทางพิพาทมาเป็นเวลาหลายปีก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิโดยอาการที่ถือว่าเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของก็ต้องถือว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ม. เท่านั้นโจทก์จึงไม่ได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ การใช้ทางจำเป็นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 วรรคสาม บัญญัติให้เลือกที่และวิธีทำทางผ่านให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่านกับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ การที่โจทก์ขอใช้สิทธิในทางพิพาทกว้างถึง 2 เมตรจึงเป็นการเกินความจำเป็นที่จะใช้เป็นสภาพทางเดินและทางระบายน้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4166/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นในที่ดินของผู้อื่น โดยพิจารณาความเสียหายที่น้อยที่สุด และค่าทดแทนที่เหมาะสม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางจำเป็นซึ่งไม่ใช่กรณีที่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีเอกสารมาแสดง โจทก์จึงนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ว่าโจทก์ใช้ที่ดินที่เคยเช่าจากจำเลยเพื่อทำสวนเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะกรณีไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารสัญญาเช่า ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม และโจทก์เคยใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ เพราะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดและสะดวกที่สุด ดังนี้ จำเลยจะเกี่ยงให้โจทก์ไปใช้เส้นทางอื่นในที่ดินอื่นที่โจทก์ไม่ได้ใช้เป็นปกติมาก่อนเป็นทางเข้าออกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 การกำหนดทางจำเป็นจะพิจารณาแต่ทางที่โจทก์มีความประสงค์จะใช้แล้วพิพากษาให้ตามที่ขอหาได้ไม่ แต่ต้องคำนึงถึงฝ่ายจำเลยด้วยว่าการเปิดทางนี้ทำให้จำเลยเสียหายน้อยที่สุดหรือไม่