พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276-277/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณะและการครอบครองที่ดิน: การพิสูจน์สภาพคลองเพื่อใช้เป็นทางสัญจร
แม่น้ำลำคลองนั้น โดยสภาพย่อมถือว่าเป็นทางซึ่งสาธารณะชนใช้สัญจรไปมา อันถือได้ว่าเป็นทางสาธารณะหรือทางหลวงตามกฎหมายเว้นแต่จะได้ความว่า แม่น้ำลำคลองนั้นตื้นเขินจนสาธารณะชนไม่อาจอยู่เป็นทางสัญจรไปมาต่อไปได้
ที่ดินของจำเลยตกอยู่ในที่ล้อมแต่ด้านหนึ่งติดคลอง ปรากฎว่าคลองนี้เวลาน้ำขึ้นเรือเดินไปมาได้ เวลาน้ไแห้งเรือเดินไม่ได้ และมีน้ำขึ้นลง และมีน้ำขึ้นลงทุกวัน ดังนี้ เมื่อจำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบก่อน ไม่ได้สืบให้ได้ความชัดเจนว่า คลองดังกล่าวเป็นคลองตื้นเขินจนสาธารณะชนไม่อาจจะใช้เป็นทางสัญจรไปมาได้ ดังนี้ จะฟังว่า คลองนั้นไม่ใช่ทางสาธารณะไม่ได้ ฉะนั้น จึงถือไม่ได้ว่า ที่ดินจำเลยตกอยู่ในที่ล้อมตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1349
ที่ดินของจำเลยตกอยู่ในที่ล้อมแต่ด้านหนึ่งติดคลอง ปรากฎว่าคลองนี้เวลาน้ำขึ้นเรือเดินไปมาได้ เวลาน้ไแห้งเรือเดินไม่ได้ และมีน้ำขึ้นลง และมีน้ำขึ้นลงทุกวัน ดังนี้ เมื่อจำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบก่อน ไม่ได้สืบให้ได้ความชัดเจนว่า คลองดังกล่าวเป็นคลองตื้นเขินจนสาธารณะชนไม่อาจจะใช้เป็นทางสัญจรไปมาได้ ดังนี้ จะฟังว่า คลองนั้นไม่ใช่ทางสาธารณะไม่ได้ ฉะนั้น จึงถือไม่ได้ว่า ที่ดินจำเลยตกอยู่ในที่ล้อมตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1349
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภาระจำยอมเกิดขึ้นจากการใช้ทางต่อเนื่องแม้เจ้าของที่ดินจะก่อสร้างกีดขวาง
ผู้ขายที่ดินทำทางในที่ของตนให้บรรดาผู้ซื้อที่ดินของตนใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วนั้น ย่อมถือว่าเป็นทางภาระจำยอมเมื่อผู้ขายไปปลูกเรือนลงในทางนี้เสียครึ่งหนึ่ง ทำให้ใช้ทางไม่สะดวกเหมือนเช่นเดิมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกซึ่งต้องด้วยข้อห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390 เจ้าของที่ดินจึงต้องรับผิด
คำว่า 'อาศัยใช้'ทางเดินไม่หมายความว่าเป็นการอาศัยสิทธิเสมอไปอาจเป็นภาระจำยอมก็ได้
คำว่า 'อาศัยใช้'ทางเดินไม่หมายความว่าเป็นการอาศัยสิทธิเสมอไปอาจเป็นภาระจำยอมก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมเกิดขึ้นจากการเปิดทางให้ผู้ซื้อที่ดินใช้ร่วมกัน การปลูกสร้างกีดขวางถือเป็นการลดประโยชน์ของภาระจำยอม
ผู้ขายที่ดินทำทางในที่ของตนให้บรรดาผู้ซื้อที่ดินของตนใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วนั้นย่อมถือว่าเป็นทางภาระจำยอมเมื่อผู้ขายไปปลูกเรือนลงในทางนี้เสียครึ่งหนึ่ง ทำให้ใช้ทางไม่สดวกเหมือนเช่นเดิมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสดวก ซึ่งต้องด้วยข้อห้ามตาม ป.ม.แพ่งมาตรา 1390 เจ้าของที่ดินจึงต้องรับผิด
คำว่า " อาศัยใช้" ทางเดินไม่หมายความว่า เป็นการอาศัยสิทธิเสมอไป อาจเป็นภาระจำยอมก็ได้
คำว่า " อาศัยใช้" ทางเดินไม่หมายความว่า เป็นการอาศัยสิทธิเสมอไป อาจเป็นภาระจำยอมก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทำทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกล้อม และการแยกแปลงที่ดินเพื่อพิจารณาทางภาระจำยอม
เป็นเจ้าของที่ดินอยู่แปลงหนึ่งแล้ว ต่อมาได้รับโอนที่ดินมาอีกแปลงหนึ่งแม้ที่ดินที่ได้รับโอนมาใหม่จะมีเขตติดต่อกับที่ดินแปลงเดิมก็ย่อมต้องถือว่า เป็นที่ดินคนละแปลง ฉะนั้นเมื่อโอนขายที่ดินแปลงที่ได้รับโอนมาภายหลังให้แก่คนอื่นไปทั้งแปลง ดังนี้จะถือว่าเป็นที่ดินแบ่งแยกหรือแบ่งโอนจากที่ดินแปลงเดิมของเจ้าของตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1350 ไม่ได้ เพราะเป็นที่ดินต่างแปลงกันมาแต่เดิมเมื่อปรากฎว่าที่ดินแปลงหลังถูกล้อมไม่มีทางออกก็จะนำมาตรา 1350 มาใช้บังคับไม่ได้ ต้องใช้มาตรา 1349 บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินถูกล้อมไม่มีทางออก สิทธิทำทางจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349
เป็นเจ้าของที่ดินอยู่แปลงหนึ่งแล้ว ต่อมาได้รับโอนที่ดินมาอีกแปลงหนึ่ง แม้ที่ดินที่ได้รับโอนมาใหม่จะมีเขตติดต่อกับที่ดินแปลงเดิม ก็ย่อมต้องถือว่าเป็นที่ดินคนละแปลง ฉะนั้นเมื่อโอนขายที่ดินแปลงที่ได้รับโอนมาภายหลังให้แก่คนอื่นไปทั้งแปลง ดังนี้ จะถือว่าเป็นที่ดินแบ่งแยกหรือแบ่งโอนจากที่ดินแปลงเดิมของเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 ไม่ได้ เพราะเป็นที่ดินต่างแปลงกันมาแต่เดิม เมื่อปรากฏว่า ที่ดินแปลงหลังถูกล้อมไม่มีทางออก ก็จะนำมาตรา 1350 มาใช้บังคับไม่ได้ ต้องใช้มาตรา 1349 บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินติดคลองสาธารณะ ไม่อาจอ้างไม่มีทางออกเพื่อขอทางจำเป็นได้
ตามธรรมดาถือว่า คลองเป็นทางสาธารณะ เพราะเป็นทางอาศัยสัญจรไปมาในทางน้ำ
ที่ดินอันมีเขตติดคลอง ซึ่งเป็นทางสาธารณะแล้ว เจ้าของที่ดินจะอ้างว่าไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 ย่อมฟังไม่ได้ที่ดินในลักษณะเช่นที่กล่าวนี้ เจ้าของจะเรียกร้องขอทางจำเป็นจากเจ้าของที่ดินติดต่อไม่ได้
ที่ดินอันมีเขตติดคลอง ซึ่งเป็นทางสาธารณะแล้ว เจ้าของที่ดินจะอ้างว่าไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 ย่อมฟังไม่ได้ที่ดินในลักษณะเช่นที่กล่าวนี้ เจ้าของจะเรียกร้องขอทางจำเป็นจากเจ้าของที่ดินติดต่อไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินฟ้องแสดงกรรมสิทธิ์ - การนำเสนอคดีไม่มีข้อพิพาท - หลักฐานการอุทิศทางสาธารณะ
การที่โจทก์จะมาขอให้ศาลสั่งแสดงว่า ที่ดินแปลงใดเป็นกรรมสิทธิของโจทก์เด็ดขาดทั้งสิ้นโดยปราศจากทางเดินสาธารณนั้น โจทก์ย่อมทำได้ แม้แต่จะเสนอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทเมื่อโจทก์จะต้องใช้สิทธิทางศาลตาม ป.ม.วิแพ่งมาตรา 55 แต่โจทก์ก็จะต้องนำพะยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลให้เพียงพอแก่การที่จะสั่งตามคำขอของโจทก์นั้นได้
จำเลยเคยไปร้องต่อตำรวจว่า ทางในที่ดินของโจทก์เป็นทางสาธารณะ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยขอให้แสดงว่าที่ของโจทก์ไม่มีทางสาธารณะได้
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2492
จำเลยเคยไปร้องต่อตำรวจว่า ทางในที่ดินของโจทก์เป็นทางสาธารณะ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยขอให้แสดงว่าที่ของโจทก์ไม่มีทางสาธารณะได้
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2492
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินและยืนยันไม่มีทางสาธารณะ แม้เป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอ
การที่โจทก์จะมาขอให้ศาลสั่งแสดงว่า ที่ดินแปลงใดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เด็ดขาดทั้งสิ้นโดยปราศจากทางเดินสาธารณะนั้น โจทก์ย่อมทำได้ แม้แต่จะเสนอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท เมื่อโจทก์จะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แต่โจทก์ก็จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลให้เพียงพอแก่การที่จะสั่งตามคำขอของโจทก์นั้นได้
จำเลยเคยไปร้องต่อตำรวจว่า ทางในที่ดินของโจทก์เป็นทางสาธารณะ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยขอให้แสดงว่าที่ของโจทก์ไม่มีทางสาธารณะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/92)
จำเลยเคยไปร้องต่อตำรวจว่า ทางในที่ดินของโจทก์เป็นทางสาธารณะ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยขอให้แสดงว่าที่ของโจทก์ไม่มีทางสาธารณะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/92)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น vs. ภาระจำยอม: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหนังสืออนุญาตของสามี แม้มีคำขอภาระจำยอมแต่ไม่ได้บรรยายเหตุ
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหญิงมีสามี ไม่อาจดำเนินคดีฟ้องร้องโดยลำพังตนเองได้เท่านั้น จำเลยไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับอนุญาตจากสามี หรือหนังสืออนุญาตใช้ไม่ได้ เพราะเหตุใด เมื่อศาลพอใจในความสามารถของโจทก์ตามหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ที่ติดมาท้ายฟ้องแล้วเป็นอันฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดี ไม่จำต้องนำสืบอีก
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอทางผ่าน (ทางจำเป็น) ในที่ดินที่ถูกล้อม การเสนอค่าทดแทนไม่ใช่เงื่อนไขที่จำเป็น
จำเลยปิดกั้นทางเดินซึ่งโจทก์ใช้เดินออกถนนใหญ่อยู่โดยปรกติ แม้โจทก์อาจเดินออกมาทางอื่นได้ แต่เป็นทางร่องสวน และต้องเปิดรั้วบ้านบุคคลอื่น ซึ่งไม่ใช่ทางของปรกติชนใช้ไปมา ดังนี้ถือได้ว่าที่โจทก์อยู่ในที่ล้อม
ที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อม โจทก์มีสิทธิ์จะขอทางผ่านที่ดินที่ล้อมอยู่ไป สู่ทางสาธารณะได้
จำเลยให้การลอย ๆ ว่าโจทก์มิได้เสนอค่าทดแทนที่จะผ่าน มิได้เถียงว่าจำเลยไม่เปิดทางให้โจทก์เดินเพราะโจทก์ไม่ให้ค่าทดแทนดังนี้ ย่อมไม่มีประเด็นที่จะนำสืบถึงเรื่องค่าทดแทน
ที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อม โจทก์มีสิทธิ์จะขอทางผ่านที่ดินที่ล้อมอยู่ไป สู่ทางสาธารณะได้
จำเลยให้การลอย ๆ ว่าโจทก์มิได้เสนอค่าทดแทนที่จะผ่าน มิได้เถียงว่าจำเลยไม่เปิดทางให้โจทก์เดินเพราะโจทก์ไม่ให้ค่าทดแทนดังนี้ ย่อมไม่มีประเด็นที่จะนำสืบถึงเรื่องค่าทดแทน