คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 96

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 260 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความความผิดเช็ค: เริ่มนับเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่เมื่อรู้ความผิด
โจทก์ร่วมมีเช็คของจำเลยในธนาคารเดียวกันซึ่งถึงกำหนดแล้วรวม 4 ฉบับ ได้นำเช็คไปขึ้นเงินในวันที่ 19 มีนาคม 2519 สองฉบับ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมาโจทก์ร่วมได้นำเช็คอีก 2 ฉบับในคดีนี้ไปขึ้นเงินเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2519 เช่นนี้ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค เช็ค 4 ฉบับแยกการกระทำออกจากกันได้เป็น 4 กรรม จึงไม่จำเป็นต้องนำไปขึ้นเงินพร้อมกัน เมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค 2 ฉบับคดีนี้ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2519 และโจทก์ร่วมร้องทุกข์ยังไม่เกิน 3 เดือน คดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2252/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความความผิดเช็ค: เริ่มนับจากปฏิเสธการจ่ายเงิน แม้เป็นการปฏิเสธด้วยวาจา
เมื่อโจทก์นำเช็คไปเบิกเงิน ธนาคารมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 แต่ปรากฏว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจะจ่ายตามเช็คนั้น จึงให้ติดต่อกับผู้สั่งจ่าย ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น แม้จะเป็นการปฏิเสธด้วยวาจา เพราะตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดวันจากการใช้เช็คก็ดี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช็คก็ดีไม่ได้บัญญัติไว้ว่าการปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คต้องทำเป็นหนังสือ ความผิดของจำเลยจึงเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น เมื่อโจทก์มิได้ร้องทุกข์และนำคดีมาฟ้องภายหลังรู้เรื่องความผิด และรู้ว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นเวลา 8 เดือนเศษคดีโจทก์ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2252/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเช็ค: การปฏิเสธการจ่ายเงินด้วยวาจาถือเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
เมื่อโจทก์นำเช็คไปเบิกเงิน ธนาคารมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 แต่ปรากฏว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจะจ่ายตามเช็คนั้น จึงให้ติดต่อกับผู้สั่งจ่าย ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น แม้จะเป็นการปฏิเสธด้วยวาจา เพราะตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คก็ดี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช็คก็ดี ไม่ได้บัญญัติไว้ว่าการปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คต้องทำเป็นหนังสือ ความผิดของจำเลยจึงเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น เมื่อโจทก์มิได้ร้องทุกข์และนำคดีมาฟ้องภายหลังรู้เรื่องความผิด และรู้ว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นเวลา 8 เดือนเศษ คดีโจทก์ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเช็ค: การยื่นเช็คซ้ำไม่เริ่มนับอายุความใหม่ ความผิดเกิดเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
โจทก์ยื่นเช็คต่อธนาคาร ธนาคารให้ติดต่อผู้สั่งจ่ายเป็นการปฏิเสธการใช้เงินแล้ว อายุความเริ่มนับ โจทก์ยื่นเช็คนั้นต่อธนาคารอีก ไม่ทำให้เริ่มนับอายุความใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2791/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเช็ค: การแจ้งให้เข้าบัญชีซ้ำ ไม่ทำให้อายุความสะดุด
อายุความในคดีอาญานั้นเมื่อเริ่มนับแล้วอายุความก็เดินเรื่อยไป เว้นแต่กรณีที่ได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว ผู้กระทำความผิดหลบหนีหรือวิกลจริตและศาลสั่งงดการพิจารณาไว้ จึงจะเริ่มนับอายุความใหม่แต่วันหลบหนีหรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 วรรคสอง
จำเลยออกเช็คให้โจทก์เมื่อเดือนธันวาคม 2517 โจทก์นำเช็คไปรับเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยได้โทรศัพท์ให้โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีอีกครั้ง โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2518 กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 วรรคสอง จึงเริ่มนับอายุความใหม่ไม่ได้ โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลาเกินกว่า 3 เดือน นับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก คดีจึงขาดอายุความ และการที่จำเลยแจ้งให้โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีอีกครั้งหนึ่งก็มิใช่เป็นการออกเช็ค จะปรับว่าจำเลยกระทำผิดครั้งใหม่ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงสำเร็จเมื่อจ่ายเงินที่สาขา แม้ทำผิดที่สำนักงานใหญ่ อายุความไม่ขาด ฟ้องถูกศาล
นำเช็คที่มีผู้ลักมาจากธนาคารโจทก์ไปขอซื้อดร๊าฟท์จากธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่หลงเชื่อ และออกดร๊าฟท์ให้ไป แล้วนำดร๊าฟท์นั้นไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้จ่ายเงินตามดร๊าฟท์ให้เช่นนี้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารสาขาจ่ายเงินให้ตามดร๊าฟท์ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่า โจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิด คดีไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงสำเร็จเมื่อธนาคารจ่ายเงิน - อำนาจฟ้อง - อายุความ - ความผิดสำเร็จ
นำเช็คที่มีผู้ลักมาจากธนาคารโจทก์ไปขอซื้อดร๊าฟจากธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อและออกดร๊าฟให้ไป แล้วนำดร๊าฟนั้นไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้จ่ายเงินตามดร๊าฟให้เช่นนี้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารจ่ายเงินให้ตรมดร๊าฟ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่าโจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิดคดีไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาแจ้งความร้องทุกข์ต้องมีวัตถุประสงค์ให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด การแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์
คำร้องทุกข์ตามกฎหมายจะต้องเป็นการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ
คำแจ้งความของผู้เสียหายที่แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า "จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐานและขอรับเช็คคืนไปดำเนินการเอง" นั้น เป็นเพียงแจ้งความไว้เพื่อให้เป็นหลักฐานเท่านั้น มิได้มีเจตนาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย ไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาแจ้งความร้องทุกข์ต้องมุ่งหวังให้ดำเนินคดี หากแจ้งเพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย
คำร้องทุกข์ตามกฎหมายจะต้องเป็นการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ
คำแจ้งความของผู้เสียหายที่แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า"จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐานและขอรับเช็คคืนไปดำเนินการเอง" นั้น เป็นเพียงแจ้งความไว้เพื่อให้เป็นหลักฐานเท่านั้น มิได้มีเจตนาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ของตัวแทนบริษัทต่างชาติในไทย: หนังสือมอบอำนาจครอบคลุมการร้องทุกข์ทางอาญา
บริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่เมืองไซ่ง่อน ประเทศสาธารณรัฐเวียตนาม และประธานกรรมการบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้ผู้จัดการสาขาบริษัทของโจทก์ซึ่งมีสาขาอยู่ที่ประเทศไทยมีอำนาจดำเนินการปฏิบัติแทนและในนามของบริษัทในเรื่องการสัมพันธ์ติดต่อรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่และบริษัทเอกชน สำนักงานหนังสือพิมพ์ และสาธารณชนทั่วไปได้ดังนั้น เมื่อต่อมาจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างสาขาบริษัทโจทก์ในประเทศไทยทำหน้าที่พนักงานขายตั๋วโดยสารเครื่องบินแล้วไม่นำเงินค่าตั๋วส่งให้สาขาบริษัทโจทก์ ผู้จัดการสาขาบริษัทโจทก์ในประเทศไทยย่อมมีอำนาจร้องทุกข์หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปร้องทุกข์แทนได้
of 26