คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 177 วรรคสาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 406 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3319/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย: สิทธิยังไม่เกิดก่อนมีคำพิพากษา
ฟ้องแย้งของจำเลยสืบเนื่องมาจากการที่โจทก์ทั้งสองใช้สิทธิตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในเรื่องวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ซึ่งมีข้อกำหนดให้ผู้ขอใช้วิธีการชั่วคราวซึ่งใช้สิทธิโดยมิชอบต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไว้แล้ว ดังนั้น หากการใช้สิทธิของโจทก์ทั้งสองเป็นไปโดยมิชอบ ก็ต้องบังคับตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในลักษณะนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งสองรู้ว่าทางพิพาทไม่ตกอยู่ในภารจำยอม แต่ยังฟ้องคดีโดยไม่สุจริตและยื่นคำขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล จนทำให้จำเลยเสียหายต้องรื้อรั้วและยอมให้บุคคลอื่นใช้ทางพิพาท เป็นการกล่าวอ้างว่าเหตุที่ศาลมีคำสั่ง อนุญาตตามคำขอคุ้มครองชั่วคราวของโจทก์ทั้งสองเป็นความผิด ของโจทก์ทั้งสอง ซึ่งโจทก์ทั้งสองจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 263(1) แต่ตามบทบัญญัติดังกล่าวโจทก์ทั้งสองจะต้องรับผิดชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนเมื่อศาลตัดสินให้โจทก์ทั้งสองเป็นฝ่ายแพ้คดี ขณะจำเลยยื่นฟ้องแย้งศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีคำพิพากษา ทั้งยัง ไม่แน่นอนว่าศาลชั้นต้นจะตัดสินให้โจทก์ทั้งสองเป็นฝ่ายแพ้คดีด้วยสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของจำเลยยังไม่เกิด จำเลยยัง ไม่มีสิทธิฟ้องร้อง จึงไม่อาจรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2363/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรื่องความเสียหายทางชื่อเสียงไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิมเรื่องหนี้สัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาทรัสต์รีซีทกับโจทก์หลายคราว กับขอให้โจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต แล้วผิดนัดไม่ชำระหนี้ แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญามูลคดีสืบเนื่องจากจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญา ส่วนฟ้องแย้ง ของจำเลยอ้างว่า โจทก์ทำให้จำเลยขาดความเชื่อถือ ในทางการค้า ต้องเสียหายขาดประโยชน์รายได้จากการ ประกอบธุรกิจ ขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหาย ฟ้องแย้ง เป็นการตั้งประเด็นว่า การฟ้องคดีของโจทก์เป็นการแกล้งฟ้อง เป็นการละเมิดต่อจำเลย ทำให้ชื่อเสียงของจำเลยเสียหาย ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นมูลเหตุคนละเรื่องกัน ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่อาจจะรวมการพิจารณาชี้ขาดตัดสิน เข้าด้วยกันได้ ตามที่บัญญัติใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและ วิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 26

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากความเท็จในการฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา เหตุไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้อง
ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 กล่าวอ้าง ใช้สิทธิทางศาลอันเนื่องมาจากการที่โจทก์ทั้งสองกระทำละเมิด ต่อจำเลยที่ 2 เพราะโจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเอาความเท็จมาฟ้องต่อศาล ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเป็น ฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุแห่งการฟ้องของโจทก์ทั้งสองมาเป็น ข้อกล่าวอ้างซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของ จำเลยที่ 2 จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะ รวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเกี่ยวกับสิทธิในเงินค่ารถเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยทั้งสามส่งมอบรถยนต์ อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาซื้อขายที่มีสภาพบกพร่องให้แก่โจทก์ เป็นการประพฤติผิดสัญญา ทำให้โจทก์เสียหายขอให้บังคับ จำเลยทั้งสามคืนเงิน 70,000 บาท ที่รับไปจากโจทก์และ ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย จำเลยทั้งสามให้การว่า ได้ขับรถยนต์ และได้รับเงิน 70,000 บาทจากโจทก์จริง แต่ไม่จำเป็นต้อง คืนเงินดังกล่าวเพราะโจทก์ตกลงเลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลย ทั้งสามแล้ว โดยโจทก์เปลี่ยนใจเช่าซื้อรถยนต์คันใหม่และยอมให้ถือ เอาเงิน 70,000 บาทนั้นเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าซื้อ นอกจากนี้ โจทก์ยังเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อ ทำให้จำเลยทั้งสามเสียหาย ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าเสียหายแก่จำเลยทั้งสาม เห็นได้ว่า โจทก์และจำเลยทั้งสามมีข้อพิพาทโดยตรงว่า โจทก์มีสิทธิ เรียกเงิน 70,000 บาทคืนจากจำเลยทั้งสามหรือไม่ แม้จะมีข้อเรียกร้องอื่นเกี่ยวกับค่าเสียหายที่ต่างฝ่ายยกขึ้น เป็นข้ออ้างข้อเพียงก็เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับเงินจำนวน 70,000 บาทนั้นเอง ฉะนั้น คำฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสาม ที่อ้างว่ามีสิทธิริบเงิน 70,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ฟ้องเดิมของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5684/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งมีเงื่อนไขไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา
ฟ้องเดิมเป็นเรื่องโจทก์เรียกร้องหนี้เงินอันเกิดจากการที่โจทก์เป็นตัวแทนนายหน้าของจำเลยในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยจำเลยกู้เงินโจทก์แล้วหักชำระหนี้กัน ส่วนจำเลยให้การต่อสู้ในชั้นแรกอ้างว่าไม่ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์แต่ต่อมากลับฟ้องแย้งว่า หากจะฟังว่าจำเลยต้องรับผิด โจทก์ทำให้จำเลยเสียหายขอให้โจทก์ชดใช้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงมีเงื่อนไขและไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคท้าย ชอบที่ศาลจะไม่รับฟ้องแย้งไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5684/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งมีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา
ฟ้องเดิมเป็นเรื่องโจทก์เรียกร้องหนี้เงินอันเกิดจากการที่โจทก์เป็นตัวแทนนายหน้าของจำเลยในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยจำเลยกู้เงินโจทก์แล้วหักชำระหนี้กัน ส่วนจำเลยให้การ ต่อสู้ในชั้นแรกอ้างว่าไม่ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ แต่ต่อมา กลับฟ้องแย้งว่า หากจะฟังว่าจำเลยต้องรับผิด โจทก์ทำให้จำเลย เสียหายขอให้โจทก์ชดใช้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงมีเงื่อนไขและ ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินไป ด้วยกันได้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย ชอบที่ศาลจะไม่รับฟ้องแย้งไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5545/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งขอคืน/ทำลายเอกสารค้ำประกันเมื่อศาลต้องยกฟ้องอยู่แล้ว ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยให้การว่า หนังสือสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้องเป็นเอกสารที่จำเลยลงลายมือชื่อโดยที่ยังไม่ได้กรอกข้อความโจทก์หรือตัวแทนโจทก์กรอกข้อความลงในเอกสารดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย จึงเป็นเอกสารปลอมขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งบังคับโจทก์คืนเอกสารดังกล่าวแก่จำเลย หากไม่คืนขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งทำลายเอกสารดังกล่าวโดยถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน ซึ่งหากพิจารณา ได้ความตามคำให้การจำเลยดังกล่าว ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง จำเลยย่อมได้รับผลตามคำพิพากษาอยู่แล้ว กรณีไม่มีเหตุจำเป็น ที่จำเลยจะฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์คืนเอกสารหรือทำลายเอกสาร ดังกล่าวอีก จึงชอบที่ศาลจะไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5545/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งซ้ำซ้อนหลังศาลพิพากษายกฟ้อง ไม่มีเหตุผล ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยให้การว่า หนังสือสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้องเป็นเอกสารที่จำเลยลงลายมือชื่อโดยที่ยังไม่ได้กรอกข้อความ โจทก์หรือตัวแทนโจทก์กรอกข้อความลงในเอกสารดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย จึงเป็นเอกสารปลอมขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งบังคับโจทก์คืนเอกสารดังกล่าวแก่จำเลย หากไม่คืนขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งทำลายเอกสารดังกล่าวโดยถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน ซึ่งหากพิจารณาได้ความตามคำให้การจำเลยดังกล่าว ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง จำเลยย่อมได้รับผลตามคำพิพากษาอยู่แล้ว กรณีไม่มีเหตุจำเป็นที่จำเลยจะฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์คืนเอกสารหรือทำลายเอกสารดังกล่าวอีก จึงชอบที่ศาลจะไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งจำนำทรัพย์ไม่เกี่ยวเนื่องกับความรับผิดฝากทรัพย์ ศาลไม่รับฟ้องแย้งชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับฝากสินค้าปุ๋ยของโจทก์ไว้ในคลังสินค้าของจำเลยโดยได้รับบำเหน็จ จำเลยหา ได้ใช้ ความระมัดระวังและฝีมือเพื่อสงวนรักษาปุ๋ยของโจทก์ เหมือนเช่นวิญญูชนพึงประพฤติ เป็นเหตุให้ปุ๋ยของโจทก์ ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายไปบางส่วน ซึ่งจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยรับฝากปุ๋ยของโจทก์ตามฟ้อง ขณะเกิดเหตุอุทกภัยจำเลย ได้ใช้ความระมัดระวังเช่นวิญญูชนพึงประพฤติและใช้ฝีมือพิเศษเฉพาะการณ์แล้วแต่น้ำได้เพิ่มสูงรวดเร็วและไหลแรงสุดวิสัยที่จะป้องกันได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดกับโจทก์ได้สลักหลังใบประทวนสินค้าและทำสัญญาจำนำสินค้าดังกล่าวมอบไว้กับจำเลย โจทก์รับเงินไปครบถ้วนแล้วแต่โจทก์ไม่ชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยบางส่วนดังนี้แม้ทรัพย์ที่ฝากและทรัพย์ที่จำนำจะเป็นทรัพย์รายเดียวกันแต่มูลเหตุให้ใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อให้รับผิดตามฟ้องและฟ้องแย้งนั้น โจทก์จำเลยต่างอาศัยมูลเหตุของสัญญาต่างกัน ฟ้องแย้งเกี่ยวกับเรื่องโจทก์ผิดสัญญาจำนำจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมซึ่งเป็นเรื่องความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์ ทั้งฟ้องแย้งเกี่ยวกับจำนำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังการฝากทรัพย์แล้วจึงไม่เกี่ยวพันกันฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งขัดแย้งกับคำให้การ: สัญญาโมฆะไม่อาจบังคับได้
จำเลยให้การว่าสัญญาซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้องตกเป็นโมฆะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ ฉะนั้นที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินให้จำเลยตามสัญญาดังกล่าวจึงขัดกับคำให้การของจำเลย และหากจำเลยชนะคดีก็ไม่อาจบังคับตามคำขอได้ ถือได้ว่าฟ้องแย้งดังกล่าวไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม
of 41