คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 177 วรรคสาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 406 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาฟ้องแย้งค่าก่อสร้างเพิ่มเติมควบคู่กับฟ้องขับไล่ และอำนาจศาลในการพิจารณา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าจำเลยให้การว่าจำเลยเช่าห้องของโจทก์จริง โดยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิจะอยู่ในห้องเช่าต่อไป ทั้งมิได้ต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ แต่จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชดใช้เงินค่าก่อสร้างเพิ่มเติมห้องเช่าให้จำเลยในเมื่อจำเลยจะต้องออกจากห้องเช่าของโจทก์ไป ดังนี้ ถือว่าฟ้องแย้งของจำเลยไม่มีเงื่อนไขและสามารถพิจารณารวมกับคำฟ้องเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ การนำสืบพยาน และหน้าที่แถลงประเด็นของคู่ความ
(1) ในกรณีที่คู่ความทำสัญญาซื้อขายของและฝ่ายหนึ่งต่อสู้ว่าได้แปลงหนี้ แต่นำสืบได้เพียงว่า อีกฝ่ายหนึ่งได้พูดว่าให้หาเงินมาให้เร็ว ถ้าช้าจะคิดดอกเบี้ยบ้าง นั้นตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสองยังไม่ได้เป็นหลักฐานมั่นคงถึงกับจะฟังว่าได้มีการแปลงหนี้กันใหม่
(2) จำเลยเท่านั้นมีหน้าที่รับหรือปฏิเสธตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามฉะนั้น ในการที่จำเลยต่อสู้คดีมีข้ออ้างบางประการขึ้นนั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องแถลงรับหรือปฏิเสธ
(3) โดยเหตุผลในข้อ (2) ข้างบนนี้และเมื่อจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้ออ้างของจำเลยโจทก์ก็ย่อมนำสืบหักล้างได้ เพราะถ้าพยานหลักฐานใดเกี่ยวถึงข้อเท็จจริง ที่ฝ่ายใดจะต้องนำสืบ พยานหลักฐานนั้นก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 87(1) คือ มิใช่ว่าจะมีสิทธินำสืบแต่เฉพาะข้อที่ตนอ้างและมีหน้าที่ตามมาตรา 84,85 เท่านั้น ข้อความที่ฝ่ายหนึ่งอ้างขึ้นฝ่ายเดียวอีกฝ่ายหนึ่งแม้จะไม่ได้อ้างข้อความนั้นก็สืบหักล้างได้จะเป็นการสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนหรือหักล้างข้ออ้างของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็คงเป็นพยานในประเด็นเดียวกัน ซึ่งต่างนำสืบโต้เถียงกันนั่นเอง
(4) การนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยชำระหนี้รายอื่นเช่นนี้จะถือว่าโจทก์รับตามข้ออ้างของจำเลยแล้ว และโจทก์อ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะโจทก์ไม่ได้รับว่าได้แปลงหนี้ใหม่ตามที่จำเลยอ้าง
(5) เมื่อศาลสอบถามโจทก์ตามข้ออ้างของจำเลยแล้ว โจทก์มิได้แถลงให้เป็นประเด็นไว้ตามมาตรา 183 โจทก์ย่อมไม่มีประเด็นนำสืบ ตามฎีกาที่ 972/2492 แต่ถ้าศาลไม่ได้สอบถาม โจทก์มีสิทธินำสืบหักล้างได้ และเมื่อโจทก์ได้ถามค้านไว้ตามมาตรา 89 แล้ว ศาลย่อมรับฟังข้อนำสืบของโจทก์ได้ว่าเงินที่จำเลยชำระนั้นเป็นการชำระหนี้รายอื่น
(ข้อ (2),(3),(4),(5), ประชุมใหญ่ ครั้งที่44/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ศาลต้องตัดสินตามประเด็นที่ฟ้องแย้ง แม้มีหนี้เก่า แต่เรียกค่าหนี้ใหม่ไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งซื้อเครื่องสีข้าว(รายใหม่)4 เครื่อง ชำระราคาทั้งหมด 11,700 บาท ให้จำเลยเสร็จแล้ว จำเลยไม่ส่งเครื่องสีข้าวให้ ขอเรียกเงินทั้งหมดนี้คืน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้รับเครื่องสีข้าว 4 เครื่อง(รายใหม่)นี้ไปแล้ว และก่อนนั้นโจทก์ได้ซื้อเครื่องสีข้าว(รายเก่า) ไป 8 เครื่อง เมื่อคิดบัญชีกันแล้ว รวมที่โจทก์สั่งซื้อทั้งรายเก่าและรายใหม่ โจทก์ยังค้างชำระอยู่อีก 6,700 บาท ขอให้โจทก์ชำระ
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ยังเป็นลูกหนี้ค่าเครื่องรายเก่าอยู่ 6,700 บาท แต่จำเลยกลับฟ้องแย้งผิดจากความจริงไปว่า โจทก์เป็นหนี้ค่าเครื่องรายเก่าและเครื่องรายใหม่(รายที่โจทก์ฟ้อง) ศาลก็จะต้องชี้ขาดตัดสินไปตามประเด็นในฟ้องแย้ง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 กล่าวคือ จำนวนหนี้ที่ยังค้างชำระกัน 6,700 บาทนั้น ต้องถือตามฟ้องแย้งของจำเลยว่า เป็นค่าเครื่องรายใหม่รวมอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ และทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ยังไม่ได้รับเครื่องรายใหม่ 4 เครื่องนั้น จำเลยก็เรียกค่าเครื่องรายใหม่จากโจทก์ไม่ได้ เมื่อเรียกไม่ได้แล้วและหนี้ที่ค้างอยู่ 6,700 บาท ก็มีจำนวนไม่ท่วมค่าเครื่องรายใหม่ 4 เครื่อง ตามที่จำเลยนำสืบว่าเป็นเงิน 8,900 บาท เช่นนี้ คดีไม่มีทางที่จะบังคับให้ตามฟ้องแย้งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ของผู้เช่าช่วง: กรณีผู้เช่าช่วงเข้าใช้พื้นที่เกินสิทธิที่ได้รับ
จำเลยเช่าห้องพิพาทจากสำนักงานทรัพย์สินฯ แล้วจำเลยให้โจทก์เช่าต่อ 1 ห้องแต่โจทก์เข้าอยู่ 2 ห้อง จำเลยย่อมมีอำนาจฟ้องแย้งให้ขับไล่โจทก์ออกจากห้องที่จำเลยไม่ได้ให้เช่า และเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1195/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์เรือนพิพาท & หุ้นส่วน: ศาลฎีกาพิพากษาเรื่องกรรมสิทธิ์เรือน และชำระบัญชีหุ้นส่วนควบคู่กันไป
โจทก์ฟ้องว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารจำเลยต่อสู้ว่า เป็นของจำเลย และฟ้องแย้งว่าได้เข้าหุ้นกับโจทก์ ขอให้โจทก์คืนทุนและแบ่งกำไรให้ ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม เพราะเป็นฟ้องแย้งเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม แต่เมื่อโจทก์จำเลยไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใดแล้วก็แล้วแต่ศาลจะสั่งตามที่เห็นสมควร
อนึ่งฟ้องแย้งของจำเลยขอให้คืนทุนและแบ่งกำไรจากโจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วน เมื่อปรากฏว่าหุ้นส่วนยังไม่เลิกจากกันดังนี้ฟ้องไม่ได้ แต่คดีนี้เมื่อศาลล่างได้รับไว้พิจารณาและสืบพยานเรื่องหุ้นส่วนมาจนสิ้นกระแสร์ความแล้วเช่นนี้ ศาลฎีกาจะรื้อฟื้นให้พิจารณาเรื่องชำระบัญชีหุ้นส่วนกันอีกครั้งหนึ่งก็จะเป็นการเสียหายแก่คู่ความโดยไม่ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นแต่ประการใด ดังนี้เมื่อศาลเห็นควรก็พิพากษาไปเสียทีเดียวได้
of 41