พบผลลัพธ์ทั้งหมด 105 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3293/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการปลอมเอกสารเบิกจ่ายเงินค่าแรงและเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อชำระหนี้
จำเลยเป็นข้าราชการ ตำแหน่งนายช่างควบคุมหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง สังกัดกรมชลประทาน มีหน้าที่ควบคุมดูแลการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง จัดซื้อดูแลรักษาพัสดุ และน้ำมันเชื้อเพลิงและควบคุมการใช้จ่ายเงินตลอดทั้งเบิกเงินและจ่ายเงินให้แก่คนงาน จำเลยร่วมกับ ค.พนักงานบัญชีปลอมเอกสารบัญชีรายชื่อคนงาน และลายมือชื่อคนงาน และใช้เอกสารปลอมดังกล่วไปเบิกเงินค่าแรง เมื่อได้รังเงินที่เบิกตามเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยก็ลงชื่อเป็นผู้จ่ายเงิน และค.ลงชื่อเป็นพยานในเอกสาร โดยไม่ได้มีการจ่ายเงินค่าแรงนั้นให้แก่บุคคลที่มีชื่อในเอกสาร แต่จำเลยเบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้ การที่จำเลยปลอม ใช้เอกสารปลอมและรับรองข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารดังกล่าวข้างต้น ก็โดยมีเจตนาเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังเงินค่าแรงที่เบิกมาเป็นประโยชน์ส่วนตัว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่โดยทางราชการได้ขอยืมวัสดุและสิ่งของมาเพื่อประโยชน์ ต่อมาจำเลยซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เพื่อใช้ราชการในหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง แต่ไม่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อไป คงฝากไว้ที่ห้างฯ เพราะที่หน่วยก่อสร้างไม่มีที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อต้องการใช้ก็จะไปรับน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างฯ ดังกล่าวเป็นคราวๆ ตามหลักฐานใบนำส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของห้างฯ ปรากฏว่าได้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อให้หน่วยก่อสร้างครบถ้วนแล้ว แต่ความจริงหน่วยก่อสร้างได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ครบ เพราะมีการหักชำระหนี้ซึ่งห้างฯ เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่การที่จำเลยไม่ตั้งงบประมาณและเบิกเงินจากงบประมาณมาชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. กลับเอาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง ไปชำระหนี้ให้แก่ห้างฯ ดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงปฏิบัติผิดระเบียบของทางราชการเท่านั้น ไม่เป็นการเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิงอันจะเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เบียดบังยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่โดยทางราชการได้ขอยืมวัสดุและสิ่งของมาเพื่อประโยชน์ ต่อมาจำเลยซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เพื่อใช้ราชการในหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง แต่ไม่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อไป คงฝากไว้ที่ห้างฯ เพราะที่หน่วยก่อสร้างไม่มีที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อต้องการใช้ก็จะไปรับน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างฯ ดังกล่าวเป็นคราวๆ ตามหลักฐานใบนำส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของห้างฯ ปรากฏว่าได้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อให้หน่วยก่อสร้างครบถ้วนแล้ว แต่ความจริงหน่วยก่อสร้างได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ครบ เพราะมีการหักชำระหนี้ซึ่งห้างฯ เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่การที่จำเลยไม่ตั้งงบประมาณและเบิกเงินจากงบประมาณมาชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. กลับเอาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง ไปชำระหนี้ให้แก่ห้างฯ ดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงปฏิบัติผิดระเบียบของทางราชการเท่านั้น ไม่เป็นการเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิงอันจะเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เบียดบังยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขรก.ปลอมเอกสารราชการเพื่อฉ้อโกง ผู้กระทำผิดไม่ต้องมีความผิดตามมาตรา 161 แต่ผิดฐานฉ้อโกงและใช้เอกสารปลอม
จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนพนักงานที่ดินอำเภอ มีหน้าที่เก็บรักษาแบบพิมพ์ต่าง ๆ จ่ายแบบพิมพ์ น.ส. 3 หรือใบแทน ฯลฯ ไม่มีหน้าที่ทำเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร การที่จำเลยที่ 1 ปลอมหนังสือรับรองการทำประโยชน์อละสัญญาขายฝากขึ้น จึงไม่ใช่กระทำโดยอาศัยที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161
จำเลยทำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และทำสัญญาขายฝากปลอมขึ้น แล้วนำไปฉ้อโกงผู้เสียหายให้มอบเงินแก่จำเลยตามเอกสารปลอมดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266, 268, 341 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วย 255
จำเลยทำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และทำสัญญาขายฝากปลอมขึ้น แล้วนำไปฉ้อโกงผู้เสียหายให้มอบเงินแก่จำเลยตามเอกสารปลอมดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266, 268, 341 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วย 255
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสารราชการและการฉ้อโกง โดยจำเลยไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจ
จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนพนักงานที่ดินอำเภอ มีหน้าที่เก็บรักษาแบบพิมพ์ต่าง ๆ จ่ายแบบพิมพ์ น.ส.3 หรือใบแทน ฯลฯ ไม่มีหน้าที่ทำเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร การที่จำเลยที่ 1 ปลอมหนังสือรับรองการทำประโยชน์และสัญญาขายฝากขึ้น จึงไม่ใช่กระทำโดยอาศัยที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161
จำเลยทำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และทำสัญญาขายฝากปลอมขึ้น แล้วนำไปใช้ฉ้อโกงผู้เสียหายให้มอบเงินแก่จำเลยตามเอกสารปลอมดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266,268,341 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วย 266
จำเลยทำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และทำสัญญาขายฝากปลอมขึ้น แล้วนำไปใช้ฉ้อโกงผู้เสียหายให้มอบเงินแก่จำเลยตามเอกสารปลอมดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266,268,341 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วย 266
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปลอมเอกสาร กรณีแก้ไขจำนวนเงินในใบเสร็จรับเงินค่าปรับ
ตำรวจได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เสมียนเปรียบเทียบ และได้ทำงานในหน้าที่นั้น แม้ไม่ได้เซ็นทราบคำสั่งถือว่าได้ทราบการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่แล้วการแก้หรือลงจำนวนเงินในสำเนาใบเสร็จให้น้อยลงกว่าต้นฉบับ แล้วส่งเงินต่ำกว่าจำนวนที่ได้รับจริง เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกตาม มาตรา147 ฐานปลอมเอกสารในหน้าที่ของตนตาม มาตรา161,266 ต่างกระทงแต่ละรายที่ได้กระทำ ไม่ใช่ มาตรา162 ซึ่งเป็นการทำเอกสารเท็จ การกระทำก่อนใช้ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2 ให้ลงโทษตามกระทงที่หนักที่กระทำหลังจากนั้นต้องลงโทษทุกกรรมในกระทงความผิด ตามมาตรา161,266 ลงโทษตาม มาตรา 266 ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยฎีกาว่า ระเบียบของกรมตำรวจให้นายตำรวจผู้ปกครองสถานีตำรวจรับผิดชอบในเงินค่าเปรียบเทียบปรับ ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลยซึ่งเป็นเสมียนเปรียบเทียบข้อนี้จำเลยไม่ได้อ้างในศาลชั้นต้น จำเลยปฏิเสธว่าไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับเงินค่าปรับ จึงไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า ระเบียบของกรมตำรวจให้นายตำรวจผู้ปกครองสถานีตำรวจรับผิดชอบในเงินค่าเปรียบเทียบปรับ ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลยซึ่งเป็นเสมียนเปรียบเทียบข้อนี้จำเลยไม่ได้อ้างในศาลชั้นต้น จำเลยปฏิเสธว่าไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับเงินค่าปรับ จึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดผู้ช่วยนายทะเบียนจดทะเบียนบ้านเท็จ
จำเลยเป็นผู้ช่วยนายทะเบียนแขวง จดลงในทะเบียนบ้าน และลงลายมือชื่อรับรองว่า ต. ย้ายมาเข้าบ้านนั้นจากต่างจังหวัดอันเป็นเท็จเป็นความผิดตาม มาตรา 157,161,162,265 ลงโทษตาม มาตรา 161ซึ่งเป็นบทหนักในเวลานั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาต่อผู้พิพากษา: การกระทำต้องมีเจตนาทุจริตและมีมูลความผิดชัดเจน
โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญา ฟ้องผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นจำเลยโดยกล่าวหาว่าจำเลยแกล้งหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ โดยข่มขืนใจให้ ส.แก้ราคาหลักทรัพย์ของ ย.ผู้ขอประกันตัวโจทก์จากราคา 120,000 บาท ให้เหลือเพียง 60,000 บาทจนไม่พอประกัน กับแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาทุจริตไม่ยอมตีราคาหลักทรัพย์ของผู้ขอประกันเมื่อ 9 นาฬิกา จนเมื่อเวลาศาลจะปิดทำการแล้วจึงแจ้งแก่โจทก์ว่าหลักทรัพย์ไม่พอ ทำให้โจทก์ไม่มีโอกาสไปหาหลักทรัพย์มาเพิ่มได้ทันทำให้โจทก์ถูกขังต่อมา แต่เมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยผู้ทำหน้าที่ศาลได้ตรวจดูหลักประกันตามบัญชีทรัพย์ที่ผู้ขอประกันยื่นมานั้นว่าจะเชื่อถือได้เพียงใดหรือไม่แล้วเห็นว่าตีราคาสูงกว่าราคาที่แท้จริงมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลเห็นว่าผู้ประกันไม่ควรตีราคาหลักประกันให้สูงผิดความจริงไปมากอันจะทำให้ศาลสิ้นความเชื่อ ถือจึงได้ให้แก้ไขเสียให้ใกล้เคียงกับราคาจริง หากจะต้องเสียเวลาไปบ้างก็เป็นการกระทำที่อยู่ในการใช้ดุลยพินิจภายในขอบอำนาจของผู้พิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเมื่อข้อเท็จตามคำบรรยายฟ้องก็ไม่มีข้อที่จะแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ชอบด้วย กฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาทุจริตดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้อง การกระทำของจำเลยดังที่โจทก์ฟ้องจึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310 ที่โจทก์ขอให้ลงโทษที่ศาลยกฟ้องโดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องจึงชอบแล้ว
ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยข่มขืนใจให้ ส.แก้ราคาหลักทรัพย์ในบัญชีทรัพย์ที่ ย.ยื่นขอประกันจำเลย บัญชีทรัพย์นี้จึงเป็นเอกสารซึ่งผู้ขอประกันทำยื่นต่อศาลหาใช่เอกสารซึ่งจำเลยมีหน้าที่ทำไม่ และจำเลยมิได้รับรองเป็นหลักฐานหรือละเว้นไม่จดข้อความอันใดลงในเอกสารนั้น จึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 161 และ 162
ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยข่มขืนใจให้ ส.แก้ราคาหลักทรัพย์ในบัญชีทรัพย์ที่ ย.ยื่นขอประกันจำเลย บัญชีทรัพย์นี้จึงเป็นเอกสารซึ่งผู้ขอประกันทำยื่นต่อศาลหาใช่เอกสารซึ่งจำเลยมีหน้าที่ทำไม่ และจำเลยมิได้รับรองเป็นหลักฐานหรือละเว้นไม่จดข้อความอันใดลงในเอกสารนั้น จึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 161 และ 162
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องกล่าวหาผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยทุจริตและข่มขืนใจ ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างว่าไม่มีมูล
โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญา ฟ้องผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นจำเลยโดยกล่าวหาว่าจำเลยแกล้งหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ โดยข่มขืนใจให้ ส. แก้ราคาหลักทรัพย์ของ ย. ผู้ขอประกันตัวโจทก์จากราคา 120,000 บาทให้เหลือเพียง 60,000 บาทจนไม่พอประกันกับแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาทุจริตไม่ยอมตีราคาหลักทรัพย์ของผู้ขอประกันเมื่อ 9 นาฬิกา จนเมื่อเวลาศาลจะปิดทำการแล้วจึงแจ้งแก่โจทก์ว่าหลักทรัพย์ไม่พอ ทำให้โจทก์ไม่มีโอกาสไปหาหลักทรัพย์มาเพิ่มได้ทันทำให้โจทก์ถูกขังต่อมา แต่เมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยผู้ทำหน้าที่ศาลได้ตรวจดูหลักประกันตามบัญชีทรัพย์ที่ผู้ขอประกันยื่นมานั้นว่าจะเชื่อถือได้เพียงใดหรือไม่แล้วเห็นว่าตีราคาสูงกว่าราคาที่แท้จริงมากนักซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลเห็นว่าผู้ประกันไม่ควรตีราคาหลักประกันให้สูงผิดความจริงไปมากอันจะทำให้ศาลสิ้นความเชื่อถือจึงได้แก้ไขเสียให้ใกล้เคียงกับราคาจริงหากจะต้องเสียเวลาไปบ้าง ก็เป็นการกระทำที่อยู่ในการใช้ดุลพินิจภายในขอบอำนาจของผู้พิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเมื่อข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องก็ไม่มีข้อที่จะแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาทุจริตดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้อง การกระทำของจำเลยดังที่โจทก์ฟ้องจึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310 ที่โจทก์ขอให้ลงโทษที่ศาลยกฟ้องโดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องจึงชอบแล้ว
ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยข่มขืนใจให้ ส. แก้ราคาหลักทรัพย์ในบัญชีทรัพย์ที่ ย. ยื่นขอประกันจำเลย บัญชีทรัพย์นี้จึงเป็นเอกสารซึ่งผู้ขอประกันทำยื่นต่อศาลหาใช่เอกสารซึ่งจำเลยมีหน้าที่ทำไม่และจำเลยมิได้รับรองเป็นหลักฐานหรือละเว้นไม่จดข้อความอันใดลงในเอกสารนั้นจึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 161 และ 162
ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยข่มขืนใจให้ ส. แก้ราคาหลักทรัพย์ในบัญชีทรัพย์ที่ ย. ยื่นขอประกันจำเลย บัญชีทรัพย์นี้จึงเป็นเอกสารซึ่งผู้ขอประกันทำยื่นต่อศาลหาใช่เอกสารซึ่งจำเลยมีหน้าที่ทำไม่และจำเลยมิได้รับรองเป็นหลักฐานหรือละเว้นไม่จดข้อความอันใดลงในเอกสารนั้นจึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 161 และ 162
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารไต่สวนที่ดินไม่เป็นเอกสารปลอม แม้ข้อความไม่ตรงจริง ความผิดฐานสนับสนุนยังต้องฟังข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนที่ดินอำเภอมีหน้าที่ทำการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินโดยการสมคบสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารรายการไต่สวนฯ ที่ดินของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 มีที่ดิน 1 แปลง มีเนื้อที่และอาณาเขตตามรายละเอียดในฟ้อง และจำเลยที่ 1 ทำแผนที่ปลอมในเอกสารการพิสูจน์ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัด ตรวจสอบและพิสูจน์ แต่ได้กรอกข้อความดังกล่าวลงในเอกสาร เพื่อสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ได้ลงชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าว ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ได้นำจำเลยที่ 1 สำรวจพิสูจน์และปักหลักเขตไว้ถูกต้องตรงตามความจริง มิได้ล้ำแนวเขตที่ดินข้างเคียงหรือที่สาธารณประโยชน์ และรับรองแผนที่ว่าถูกต้อง โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ทราบดีว่าไม่มีการรังวัด และจำเลยที่ 2 ไม่มีที่ดินดังแผนที่ และทิศข้างเคียงในใบตรวจสอบก็ไม่ตรงตามความจริง เป็นการสมคบกันปลอมเอกสาร ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะหากที่ดินของจำเลยที่ 2มีรายการดังที่จำเลยที่1 ทำปลอมขึ้นก็จะทับที่ของโจทก์ที่อยู่ข้างเคียงและต่อมาจำเลยได้บังอาจนำเอกสารดังกล่าวมาเป็นพยานในคดีแพ่ง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชน
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 264, 266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7 บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 264, 266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7 บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนพิสูจน์ที่ดิน - เอกสารอันแท้จริง vs. เอกสารปลอม - ความผิดฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนที่ดินอำเภอ มีหน้าที่ทำการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินโดยการสมคบสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารรายการไต่สวนฯ ที่ดินของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 มีที่ดิน 1 แปลง มีเนื้อที่และอาณาเขตตามรายละเอียดในฟ้อง และจำเลยที่ 1 ทำแผนที่ปลอมในเอกสารการพิสูจน์ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัด ตรวจสอบ และพิสูจน์ แต่ได้กรอกข้อความดังกล่าวลงในเอกสาร เพื่อสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ได้ลงชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าว ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ได้นำจำเลยที่1 สำรวจพิสูจน์และปักหลักเขตไว้ถูกต้องตรงตามความจริง มิได้ล้ำแนวเขตที่ดินข้างเคียงหรือที่สาธารณประโยชน์ และรับรองแผนที่ว่าถูกต้อง โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7ทราบดีว่าไม่มีการรังวัด และจำเลยที่ 2 ไม่มีที่ดินดังแผนที่ และทิศข้างเคียงในใบตรวจสอบก็ไม่ตรงตามความจริง เป็นการสมคบกันปลอมเอกสาร ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะหากที่ดินของจำเลยที่ 2 มีรายการดังที่จำเลยที่1 ทำปลอมขึ้น ก็จะทับที่ของโจทก์ที่อยู่ข้างเคียงและต่อมาจำเลยได้บังอาจนำเอกสารดังกล่าวมาเป็นพยานในคดีแพ่ง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชน
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161,264,266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161,264,266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้ผู้อื่นใช้เอกสารปลอมได้ประโยชน์
จำเลยซึ่งเป็นปลัดอำเภอมีหน้าที่ทำตั๋วรูปพรรณสัตว์พาหนะลงลายมือชื่อประทับตราตำแหน่งลงในตั๋วรูปพรรณที่รู้ว่า ปลอมลายพิมพ์นิ้วมือเจ้าของสัตว์ ทำให้มีผู้ใช้เอกสารนั้นอ้างเมื่อถูกตรวจค้น แม้จะไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับผลประโยชน์แต่ประการใด แต่ก็เป็นการทำให้จำเลยอื่นได้รับประโยชน์ในการใช้เอกสารนั้นไปอ้างเมื่อถูกตรวจค้นหรือถูกจับ ถือว่าเป็นการกระทำโดยทุจริตเช่นกัน จึงมีความผิดตามมาตรา 157,161 และ 162(2)