พบผลลัพธ์ทั้งหมด 105 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการโดยเจ้าพนักงาน: การกระทำที่เป็นการสร้างเอกสารใหม่ให้เข้าใจผิดว่าเป็นเอกสารเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนายกเทศมนตรีออกหนังสืออนุญาตให้บุคคลหนึ่งปลูกสร้างอาคารประชิดที่ดินข้างเคียงได้แล้วต่อมาจำเลยขอหนังสือนั้นคืน และปลอมเอกสารราชการโดยอาศัยโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่ขึ้นทั้งฉบับ เป็นไม่อนุญาตให้สร้างอาคารนำเข้าเก็บในเรื่องแทนสำเนาหนังสืออนุญาตตัวจริง ดังนี้ เป็นฟ้องที่แสดงอยู่ว่าจำเลยได้กระทำเอกสารขึ้นฉบับหนึ่งโดยมุ่งหมายให้เข้าใจว่าเป็นเอกสารอีกฉบับหนึ่งอันเป็นการปลอมเอกสาร อาจมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการโดยเจ้าพนักงาน: การสร้างเอกสารใหม่ให้เข้าใจผิดว่าเป็นของเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนายกเทศมนตรีออกหนังสืออนุญาตให้บุคคลหนึ่งปลูกสร้างอาคารประชิดที่ดินข้างเคียงได้ แล้วต่อมาจำเลยขอหนังสือนั้นคืน และปลอมเอกสารราชการโดยอาศัยโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่ขึ้นทั้งฉบับ เป็นไม่อนุญาตให้สร้างอาคารนำเข้าเก็บในเรื่องแทนสำเนาหนังสืออนุญาตตัวจริง ดังนี้ เป็นฟ้องที่แสดงอยู่ว่าจำเลยได้กระทำเอาสารขึ้นฉบับหนึ่งโดยมุ่งหมายให้เข้าใจว่าเป็นเอกสารอีกฉบับหนึ่ง อันเป็นการปลอมเอกสาร อาจมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 161 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982-983/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำเอกสารสอบสวนเท็จ: ความผิดฐานจดหลักฐานเท็จ vs. ปลอมเอกสาร และความรับผิดของผู้สนับสนุน
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารจดหลักฐานการสอบสวนเท็จ ย่อมมีความผิดฐานจดหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 แต่ไม่ผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 161 ส่วนจำเลยอื่น ๆ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดนั้น ย่อมมีความผิดตามมาตรา 162,86 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982-983/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานจดหลักฐานเท็จ vs. ปลอมเอกสาร: เจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จในนามตนเอง ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารจดหลักฐานการสอบสวนเท็จย่อมมีความผิดฐานจดหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 แต่ไม่ผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 161 ส่วนจำเลยอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดนั้น ย่อมมีความผิดตาม มาตรา 162,86 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษจำคุกสำหรับความผิดเจ้าพนักงานปลอมหนังสือ และการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงที่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
ในความผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมหนังสือแม้กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 229 และ 230 กำหนดโทษจำคุก ตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไปจนถึง 10 ปีก็จริง แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 กำหนดโทษว่า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ซึ่งไม่กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ เมื่อกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะศาลทำการพิจารณาเป็นเช่นนี้ ในการวินิจฉัยกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 จึงต้องถือเอาตามนั้น แม้จะไม่ได้ระบุว่า มาตรา ใดตรงกับมาตรา ของกฎหมายเดิมมาตราไหน แต่ก็อาจเห็นจากบทบัญญัติของกฎหมายเก่า และใหม่ได้อยู่ในตัวแล้ว เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงสั่งไม่ให้สืบพยาน เช่นนี้ ย่อมเป็นการชอบแล้ว เพราะการที่ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์หรือไม่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2503)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยจะฎีกาว่า จำเลยมีเหตุบรรเทาโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 โดยบิดาจำเลยได้นำเงินส่วนตัวมอบให้ผู้เสียหายหมดสิ้นแล้ว และว่าการที่ศาลมิให้จำเลยสืบพยาน ทำให้ศาลไม่ทราบถึงข้อควรคำนึงตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะการฎีกาดังกล่าวขัดกับที่ปรากฏในรายงานพิจารณาที่ว่า จำเลยแถลงว่าจำเลยไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าทุกข์ ได้ จำเลยขอให้ศาลพิพากษาไป การที่จำเลยบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้าม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยจะฎีกาว่า จำเลยมีเหตุบรรเทาโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 โดยบิดาจำเลยได้นำเงินส่วนตัวมอบให้ผู้เสียหายหมดสิ้นแล้ว และว่าการที่ศาลมิให้จำเลยสืบพยาน ทำให้ศาลไม่ทราบถึงข้อควรคำนึงตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะการฎีกาดังกล่าวขัดกับที่ปรากฏในรายงานพิจารณาที่ว่า จำเลยแถลงว่าจำเลยไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าทุกข์ ได้ จำเลยขอให้ศาลพิพากษาไป การที่จำเลยบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้าม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษและความชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา กรณีเจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสาร และการฎีกาที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
ในความผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมหนังสือแม้กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 229 และ 230 กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไปจนถึง 10 ปี ก็จริง แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 กำหนดโทษว่า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีซึ่งไม่มีกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ เมื่อกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะศาลทำการพิจารณาเป็นเช่นนี้ ในการวินิจฉัยกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 จึงต้องถือเอาตามนั้น แม้จะไม่ได้ระบุว่ามาตราใดตรงกับมาตราของกฎหมายเดิมมาตราไหน แต่ก็อาจเห็นจากบทบัญญัติของกฎหมายเก่าและใหม่ได้อยู่ในตัวแล้ว เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงสั่งไม่ให้สืบพยาน เช่นนี้ ย่อมเป็นการชอบแล้ว เพราะการที่ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์หรือไม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2503)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยจะฎีกาว่าจำเลยมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 โดยบิดาจำเลยได้นำเงินส่วนตัวมอบให้ผู้เสียหายหมดสิ้นแล้ว และว่าการที่ศาลมิให้จำเลยสืบพยาน ทำให้ศาลไม่ทราบถึงข้อควรคำนึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะการฎีกาดังกล่าวขัดกับที่ปรากฏในรายงานพิจารณาที่ว่า จำเลยแถลงว่าจำเลยไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าทุกข์ได้ จำเลยขอให้ศาลพิพากษาไป การที่จำเลยบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยจะฎีกาว่าจำเลยมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 โดยบิดาจำเลยได้นำเงินส่วนตัวมอบให้ผู้เสียหายหมดสิ้นแล้ว และว่าการที่ศาลมิให้จำเลยสืบพยาน ทำให้ศาลไม่ทราบถึงข้อควรคำนึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะการฎีกาดังกล่าวขัดกับที่ปรากฏในรายงานพิจารณาที่ว่า จำเลยแถลงว่าจำเลยไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าทุกข์ได้ จำเลยขอให้ศาลพิพากษาไป การที่จำเลยบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-765/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตหน้าที่ เรียกรับเงินเกินกว่าที่กำหนด และทำหลักฐานเท็จ
ปลัดอำเภอออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจ และรู้อยู่ว่าขัดขืนต่อคำสั่งระเบียบปฏิบัติ โดยเห็นแก่เงินที่เรียกร้องจากคนต่างด้าวเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เอาส่วนเกินเป็นประโยชน์ของตนและแสร้งทำหลักฐานว่า ได้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ เพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230 และ 138 วรรค 2 แต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวล ก.ม.อาญา ม.3 ให้ใช้ ประมวล ก.ม.อาญา ม.161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230, และ ม.149 แทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.138 วรรค 2.
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ เพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230 และ 138 วรรค 2 แต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวล ก.ม.อาญา ม.3 ให้ใช้ ประมวล ก.ม.อาญา ม.161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230, และ ม.149 แทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.138 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-765/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตเรียกรับเงินจากต่างด้าว และทำหลักฐานเท็จ
ปลัดอำเภอออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจและรู้อยู่ว่าขัดขืนต่อคำสั่งระเบียบปฏิบัติ โดยเห็นแก่เงินที่เรียกร้องจากคนต่างด้าวเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เอาส่วนเกินเป็นประโยชน์ของตนและแสร้งทำหลักฐานว่าได้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือเพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม กฎหมายลักษณะอาญา ม.230 และ138วรรคสองแต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3 ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทนกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230 และ มาตรา149 แทน กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา138 วรรคสอง
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือเพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม กฎหมายลักษณะอาญา ม.230 และ138วรรคสองแต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3 ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทนกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230 และ มาตรา149 แทน กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา138 วรรคสอง