พบผลลัพธ์ทั้งหมด 83 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานอ่อนแอ-เหตุผลสมควร: ยกประโยชน์แห่งความสงสัยในคดียาเสพติดและขัดขวางเจ้าพนักงาน
พยานโจทก์ไม่มีใครรู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ได้ช่วยจำเลยที่ 4 แบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดพลาสติก ที่อ้างว่าทำการสืบสวนทราบมาก็ไม่ได้ความว่าสืบสวนมาอย่างไร และเหตุใดไม่ดำเนินการจับกุมก่อนหน้านั้นต้องรอมาจนถึงวันเกิดเหตุ เฮโรอีนของกลางที่สิบตำรวจเอก ว และ ว นำมาซุกซ่อนในบ้านเกิดเหตุอาจมีการบรรจุหลอดพลาสติกมาก่อนแล้วก็ได้ การที่จำเลยที่ 1 พูดห้ามจำเลยที่ 4 ไม่ให้เปิดประตูบ้านให้เจ้าพนักงานเข้าตรวจค้นในเวลา24 นาฬิกา และมีการดับไฟในบ้านด้วยนั้น จำเลยที่ 1 อาจเข้าใจว่าเป็นผู้อื่นอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อมากระทำการโดยมิชอบก็ได้ พยานหลักฐานโจทก์ยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ได้กระทำผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสาม
เจ้าพนักงานแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นยาเสพติดในบ้านเกิดเหตุโดยขอให้จำเลยที่ 4 เปิดประตู จำเลยที่ 4 ไม่ยอมเปิด จำเลยที่ 1 พูดห้ามมิให้จำเลยที่ 4 เปิดประตูพร้อมกับเรียกจำเลยที่ 4 เข้าไปในบ้าน จากนั้นไฟฟ้าในบ้านดับลงโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนดับ เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4ทำการอื่นใดนอกจากนี้ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำการใดบ้าง จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 กระทำความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ในบ้านเกิดเหตุด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 4 ไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่
เจ้าพนักงานแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นยาเสพติดในบ้านเกิดเหตุโดยขอให้จำเลยที่ 4 เปิดประตู จำเลยที่ 4 ไม่ยอมเปิด จำเลยที่ 1 พูดห้ามมิให้จำเลยที่ 4 เปิดประตูพร้อมกับเรียกจำเลยที่ 4 เข้าไปในบ้าน จากนั้นไฟฟ้าในบ้านดับลงโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนดับ เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4ทำการอื่นใดนอกจากนี้ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำการใดบ้าง จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 กระทำความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ในบ้านเกิดเหตุด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 4 ไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีจำหน่ายยาเสพติดและขัดขวางเจ้าพนักงาน: ยกประโยชน์แห่งความสงสัยเมื่อหลักฐานไม่ชัดเจน
พยานโจทก์ไม่มีใครรู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3ได้ช่วยจำเลยที่ 4 แบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดพลาสติก ที่อ้างว่าทำการสืบสวนทราบมาก็ไม่ได้ความว่าสืบสวนมาอย่างไรและเหตุใดไม่ดำเนินการจับกุมก่อนหน้านั้นต้องรอมาจนถึงวันเกิดเหตุ เฮโรอีนของกลางที่สิบตำรวจเอกวและวนำมาซุกซ่อนในบ้านเกิดเหตุอาจมีการบรรจุหลอดพลาสติกมาก่อนแล้วก็ได้ การที่จำเลยที่ 1 พูดห้ามจำเลยที่ 4 ไม่ให้เปิดประตูบ้านให้เจ้าพนักงานเข้าตรวจค้นในเวลา 24 นาฬิกาและมีการดับไฟในบ้านด้วยนั้น จำเลยที่ 1 อาจเข้าใจว่าเป็นผู้อื่นอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อมา กระทำการโดยมิชอบก็ได้พยานหลักฐานโจทก์ยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 ได้กระทำผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสาม เจ้าพนักงานแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นยาเสพติดในบ้านเกิดเหตุโดยขอให้จำเลยที่ 4 เปิดประตู จำเลยที่ 4 ไม่ยอมเปิดจำเลยที่ 1 พูดห้ามมิให้จำเลยที่ 4 เปิดประตูพร้อมกับเรียกจำเลยที่ 4 เข้าไปในบ้าน จากนั้นไฟฟ้าในบ้านดับลงโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนดับ เมื่อไม่ได้ ความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 ทำการอื่นใดนอกจากนี้ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำการใดบ้าง จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 กระทำความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3อยู่ในบ้านเกิดเหตุด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 4ไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องเขตป่าสงวนและที่ดินทำประโยชน์ การยกประโยชน์แห่งความสงสัยเมื่อพยานหลักฐานไม่ชัดเจน
โจทก์มีแต่พยานบุคคลเบิกความกล่าวอ้างลอย ๆ ว่าตอไม้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยปราศจากพยานหลักฐานเอกสารใด ๆ ที่จะยืนยันตามข้อกล่าวอ้าง ทั้งได้ความจากพยานโจทก์ว่าบริเวณตอไม้เป็นไร่นาไม่มีสภาพเป็นป่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลย ที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครองมีแนวเขตจดลำห้วยด้วย ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมายังไม่ชัดแจ้งว่าต้นตะเคียนทอง 2 ต้น อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ กรณีมีความสงสัยตามสมควรว่าไม้แปรรูปของกลางอาจเป็นไม้ที่แปรรูปจากต้นไม้ตะเคียนทองที่มิได้ตัดฟันจากป่าก็ได้ทั้งไม่ใช่เป็นสักหรือไม้ยาง จึงอาจไม่เป็นไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7 ซึ่งอาจได้รับการยกเว้นให้มีไว้ในครอบครองโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามมาตรา 50(4) ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานอ่อนแอ ขาดความน่าเชื่อถือ ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดฐานรับของโจรได้ ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
ท.ด.และต. พยานโจทก์ทั้งสามปากต่างยืนยันว่าจำกระบือของโจทก์ร่วมได้ เพราะมีตำหนิพิเศษคือเดินขาหลังข้างขวาเป๋แต่ไม่ปรากฏว่าพยานทั้งสามได้รีบบอกเรื่องที่เห็นจำเลยจูงกระบือดังกล่าวไปให้โจทก์ร่วม หรือ น. ซึ่งเป็นผู้รับฝากกระบือของโจทก์ร่วมไว้ทราบ หากแต่บอกเมื่อเวลาล่วงเลยหลังเกิดเหตุแล้วหลายเดือน และข้อเท็จจริงปรากฏว่า ท. พยานโจทก์อยู่บ้านใกล้กับน. ข้ออ้างของ ท. ว่าเหตุที่ไม่แจ้งให้ น. ทราบในวันเกิดเหตุเพราะกลัวมีภัยนั้นไม่สมเหตุผล สำหรับ ด.และต. พยานโจทก์ก็ไม่เคยให้การไว้ในชั้นสอบสวน ทำให้มีเหตุระแวงว่าจะเห็นจำเลยจริงหรือไม่ อีกทั้งชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมาพยานโจทก์ไม่มั่นคงพอที่จะฟังลงโทษจำเลย ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ไม่มีของกลางก็ฟังได้จากคำรับสารภาพ
จำเลยพาอาวุธปืนพกเข้าไปร่วมชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย การพาอาวุธปืนของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการมีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธปืนด้วยแม้เจ้าพนักงานตำรวจจะไม่ได้อาวุธปืนนั้นมาเป็นของกลางเพื่อยืนยันว่าเป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับอยู่หรือไม่ก็ตาม แต่ในชั้นสอบสวน จำเลยก็ให้การรับสารภาพในความผิดข้อหานี้คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อไม่ปรากฏว่าอาวุธปืนที่จำเลยนำไปกระทำผิดเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายแล้วหรือไม่จึงต้องฟังในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยว่าเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิดจำเลย ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์มีแต่คำเบิกความของผู้เสียหายคนเดียวโดยขาดพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน ทำให้คำเบิกความของผู้เสียหายมีน้ำหนักน้อยประกอบกับขณะที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน จำเลยกับพวกรวม 4 คน รุม ชกต่อยทำร้ายผู้เสียหาย ผู้เสียหายสวมแว่นสายตา เป็นประจำ คนร้ายเอามือปิดตา และทำร้ายบริเวณใต้ตา จากลักษณะบาดแผลที่ตา ถ้าผู้เสียหายใส่แว่นตาแว่นตาน่าจะแตก เชื่อว่าแว่นสายตาของผู้เสียหายน่าจะหลุดตอนถูกคนร้ายเอามือปิดตา หรือหลุดหรือแตก ขณะถูกทำร้ายใต้ตา ผู้เสียหายอ้างว่าเห็นหน้าจำเลย ขณะที่ผู้เสียหายล้มลงจึงเป็นที่น่าสงสัยว่าผู้เสียหายจะมองเห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจนหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาพยานหลักฐานไม่เพียงพอ โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิดจำเลยโดยปราศจากข้อสงสัย
ในคดีอาญา โจทก์ต้องนำสืบให้ปราศจากความสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิด เมื่อคดีมีปัญหาว่าถ้อยคำที่จำเลยให้การต่อเจ้าพนักงานว่า บ. เป็นบุตรของ ค. นั้นเป็นเท็จหรือไม่ โดยโจทก์มี พ.เท่านั้นที่เบิกความว่า บ.ที่จำเลยพามาให้ดูไม่ใช่บุตรของ ค.กับว. พยานโจทก์นอกจากนี้ก็มีแต่คำให้การที่เจ้าพนักงานบันทึกไว้ มิได้นำพยานบุคคลมาสืบประกอบ จำเลยไม่มีโอกาสซักค้านพยานดังกล่าวได้พยานโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าคดีประทุษร้ายด้วยอาวุธปืน: พฤติการณ์ที่ไม่ชัดเจนทำให้ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ผู้เสียหายเป็นหลานสะใภ้ของจำเลย ตอนเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน ผู้เสียหายยืนจับรถจักรยานเพื่อจะขี่ไปธุระ ได้เกิดทะเลาะโต้เถียงกับจำเลย แล้วปืนลูกซองยาวที่จำเลยถือลงมาจากบ้านได้ลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนปืนถูกโคนต้นมะม่วงขวามือด้านหลังผู้เสียหาย ได้ความว่า ขณะนั้นจำเลยกับผู้เสียหายอยู่ห่างกันประมาณ 5 วา แม้ผู้เสียหายจะอ้างว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย ผู้เสียหายก็รับว่าขณะยิง จำเลยถือปืนด้วยมือทั้งสองข้างในลักษณะอยู่ข้างตัวระดับเอว มิได้ประทับเล็งยิงผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยยิงผู้เสียหายในระยะใกล้ด้วยปืนลูกซองยาว เช่นนี้หากจำเลยตั้งใจจะยิงก็ไม่น่าจะผิดพลาดปรากฏด้วยว่าจำเลยชอบใช้อาวุธปืนขู่เข็ญผู้อื่นเสมอ พฤติการณ์แห่งคดีจึงยังไม่แน่ใจว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย.(ที่มา-ส่งเสริม)