พบผลลัพธ์ทั้งหมด 380 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: การใช้สิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่ใช่การใช้โดยปรปักษ์, สิทธิทางผ่านในที่ดินแบ่งแยก
เมื่อก่อนแยกโฉนดที่ดินกัน ที่ดินโฉนดที่ 7371 ของจำเลยกับโฉนดที่ 7372 ของโจทก์ และที่ดินโฉนดอื่นๆ รวมอยู่ในที่ดินโฉนดที่ 3604 ซึ่งเดิมเป็นของโจทก์กับบุคคลอื่น ดังนั้น แม้โจทก์จะได้เดินในที่ดินซึ่งภายหลังออกเป็นโฉนดที่ 7371 มานานเท่าใด ก็เป็นการใช้สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์ มิใช่เป็นการใช้โดยปรปักษ์อันจะทำให้เกิดภารจำยอมโดยอายุความ
ที่ของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมโดยรอบ มีความจำเป็นจะต้องมีทางออกสู่ทางสาธารณะ แต่ที่โจทก์เป็นที่ที่แบ่งแยกออกมาจากที่ดินโฉนดที่ 3604 โจทก์มีสิทธิจะเรียกร้องเอาทางเดินจากที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกได้ จะเอาทางเดินจากที่ดินแปลงอื่นหาได้ไม่
ที่ของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมโดยรอบ มีความจำเป็นจะต้องมีทางออกสู่ทางสาธารณะ แต่ที่โจทก์เป็นที่ที่แบ่งแยกออกมาจากที่ดินโฉนดที่ 3604 โจทก์มีสิทธิจะเรียกร้องเอาทางเดินจากที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกได้ จะเอาทางเดินจากที่ดินแปลงอื่นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางเดินในที่ดินเดิมของเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน และสิทธิเรียกร้องทางเดินจากที่ดินแบ่งแยก
เมื่อก่อนแยกโฉนดที่ดินกัน ที่ดินโฉนดที่ 7371 ของจำเลยกับโฉนดที่ 7372 ของโจทก์ และที่ดินโฉนดอื่นๆ รวมอยู่ในที่ดินโฉนดที่ 3604 ซึ่งเดิมเป็นของโจทก์กับบุคคลอื่น. ดังนั้น แม้โจทก์จะได้เดินในที่ดินซึ่งภายหลังออกเป็นโฉนดที่ 7371 มานานเท่าใด. ก็เป็นการใช้สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์ มิใช่เป็นการใช้โดยปรปักษ์อันจะทำให้เกิดภารจำยอมโดยอายุความ.
ที่ของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมโดยรอบ มีความจำเป็นจะต้องมีทางออกสู่ทางสาธารณะ. แต่ที่โจทก์เป็นที่ที่แบ่งแยกออกมาจากที่ดินโฉนดที่ 3604. โจทก์มีสิทธิจะเรียกร้องเอาทางเดินจากที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกได้ จะเอาทางเดินจากที่ดินแปลงอื่นหาได้ไม่.
ที่ของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมโดยรอบ มีความจำเป็นจะต้องมีทางออกสู่ทางสาธารณะ. แต่ที่โจทก์เป็นที่ที่แบ่งแยกออกมาจากที่ดินโฉนดที่ 3604. โจทก์มีสิทธิจะเรียกร้องเอาทางเดินจากที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกได้ จะเอาทางเดินจากที่ดินแปลงอื่นหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้ทางน้ำในที่ดินของผู้อื่น: การถมลำเหมืองโดยเจ้าของที่ดินและความรับผิดทางละเมิด
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีกล่าวหาว่าจำเลยกระทำละเมิดเอาดินถมปิดลำเหมืองของโจทก์ ซึ่งตั้งอยู่ในป่าไม่มีเจ้าของ มิได้ฟ้องว่าลำเหมืองอยู่ในที่ดินของจำเลยและจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ กระทำการกลบลำเหลืองอันเป็นภารจำยอม เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ทรัยพ์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองโดยอายุความหาได้ไม่ เพราะนอกประเด็นในคำฟ้อง
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้อ้างสิทธิว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ทรงทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ลำเหมืองพิพาทตั้งอยู่ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 กลบลำเหมืองพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ บทบัญญัติมาตรา 1337 หาลบล้างสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในอันที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 1336 ไม่
กรณีที่จะเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 นั้น จะต้องเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผล คือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น แม้ผู้กระทำจะเห็นว่าผู้อื่นจะได้รับความเสียหายบ้างก็ไม่เป็นละเมิด
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้อ้างสิทธิว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ทรงทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ลำเหมืองพิพาทตั้งอยู่ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 กลบลำเหมืองพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ บทบัญญัติมาตรา 1337 หาลบล้างสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในอันที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 1336 ไม่
กรณีที่จะเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 นั้น จะต้องเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผล คือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น แม้ผู้กระทำจะเห็นว่าผู้อื่นจะได้รับความเสียหายบ้างก็ไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดต้องระบุสิทธิที่ชัดเจน การกลบลำเหมืองในที่ดินของตน เจ้าของสิทธิทำได้
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีกล่าวหาว่าจำเลยกระทำละเมิดเอาดินถมปิดลำเหมืองของโจทก์ ซึ่งตั้งอยู่ในป่าไม่มีเจ้าของ มิได้ฟ้องว่าลำเหมืองอยู่ในที่ดินของจำเลย และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ กระทำการกลบลำเหมืองอันเป็นภารจำยอม เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองโดยอายุความหาได้ไม่ เพราะนอกประเด็นในคำฟ้อง
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้อ้างสิทธิ ว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ทรงทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ลำเหมืองพิพาทตั้งอยู่ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 กลบลำเหมืองพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ บทบัญญัติ มาตรา 1337 หาลบล้างสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในอันที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 1336 ไม่
กรณีที่จะเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 นั้น จะต้องเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น แม้ผู้กระทำจะเห็นว่าผู้อื่นจะได้รับความเสียหายบ้างก็ไม่เป็นละเมิด
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้อ้างสิทธิ ว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ทรงทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ลำเหมืองพิพาทตั้งอยู่ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 กลบลำเหมืองพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ บทบัญญัติ มาตรา 1337 หาลบล้างสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในอันที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 1336 ไม่
กรณีที่จะเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 นั้น จะต้องเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น แม้ผู้กระทำจะเห็นว่าผู้อื่นจะได้รับความเสียหายบ้างก็ไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในลำเหมืองเมื่อฟ้องไม่ชัดเจน: เจ้าของที่ดินมีสิทธิใช้ประโยชน์และขัดขวางการสอดเข้าเกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีกล่าวหาว่าจำเลยกระทำละเมิดเอาดินถมปิดลำเหมืองของโจทก์ ซึ่งตั้งอยู่ในป่าไม่มีเจ้าของ.มิได้ฟ้องว่าลำเหมืองอยู่ในที่ดินของจำเลย.และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ กระทำการกลบลำเหมืองอันเป็นภารจำยอม. เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก. ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองโดยอายุความหาได้ไม่. เพราะนอกประเด็นในคำฟ้อง.
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้อ้างสิทธิ.ว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท. ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ทรงทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท. จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ลำเหมืองพิพาทตั้งอยู่ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 กลบลำเหมืองพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้. บทบัญญัติมาตรา 1337 หาลบล้างสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในอันที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 1336 ไม่.
กรณีที่จะเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา421 นั้น. จะต้องเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว. แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น. แม้ผู้กระทำจะเห็นว่าผู้อื่นจะได้รับความเสียหายบ้างก็ไม่เป็นละเมิด.
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้อ้างสิทธิ.ว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท. ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ทรงทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท. จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ลำเหมืองพิพาทตั้งอยู่ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 กลบลำเหมืองพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้. บทบัญญัติมาตรา 1337 หาลบล้างสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในอันที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 1336 ไม่.
กรณีที่จะเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา421 นั้น. จะต้องเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว. แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น. แม้ผู้กระทำจะเห็นว่าผู้อื่นจะได้รับความเสียหายบ้างก็ไม่เป็นละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์ ต้องเป็นการครอบครองโดยสงบ เปิดเผย และมีเจตนาเป็นเจ้าของ
โจทก์ปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ในที่ดินของ ส.ถือได้ว่าโจทก์ครอบครองที่ดินแทน ส. ต่อมา ส.ขายที่ดินให้แก่จำเลย ดังนี้แม้โจทก์จะเคยใช้ทางเดินในที่ดินที่ขายให้จำเลยเดินผ่านออกสู่ถนนตลอดมาก็ตาม ก็เรียกไม่ได้ว่าโจทก์ครอบครองใช้ที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงมิใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์อายุความได้สิทธิทางภารจำยอมจะเริ่มนับได้ตั้งแต่ ส.ขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่จำเลย ซึ่งตามกฎหมายมีกำหนดเวลา 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์ ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของและครอบครองโดยสงบ เปิดเผย
โจทก์ปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ในที่ดินของ ส.ถือได้ว่าโจทก์ครอบครองที่ดินแทน ส. ต่อมาส.ขายที่ดินให้แก่จำเลย ดังนี้แม้โจทก์จะเคยใช้ทางเดินในที่ดินที่ขายให้จำเลยเดินผ่านออกสู่ถนนตลอดมาก็ตาม ก็เรียกไม่ได้ว่าโจทก์ครอบครองใช้ที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงมิใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์อายุความได้สิทธิทางภารจำยอมจะเริ่มนับได้ตั้งแต่ ส.ขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่จำเลย ซึ่งตามกฎหมายมีกำหนดเวลา 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์และอายุความ การครอบครองแทนเจ้าของไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ในที่ดินของ ส.ถือได้ว่าโจทก์ครอบครองที่ดินแทน ส..ต่อมาส.ขายที่ดินให้แก่จำเลย. ดังนี้แม้โจทก์จะเคยใช้ทางเดินในที่ดินที่ขายให้จำเลยเดินผ่านออกสู่ถนนตลอดมาก็ตาม. ก็เรียกไม่ได้ว่าโจทก์ครอบครองใช้ที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ. จึงมิใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์.อายุความได้สิทธิทางภารจำยอมจะเริ่มนับได้ตั้งแต่ ส.ขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่จำเลย ซึ่งตามกฎหมายมีกำหนดเวลา 10 ปี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ ทางพิพาทปิดกั้น ค่าเสียหายละเมิด และอำนาจฟ้องจำเลยร่วม
ค่าเสียหายฐานทำละเมิดปิดทางภารจำยอมติดต่อกันตลอดมาคงขาดอายุความเฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งปีก่อนฟ้อง
เมื่อจำเลยจงใจทำผิดกฎหมายโดยแกล้งปิดทาง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายย่อมเป็นผู้ทำละเมิด และจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์นำสืบถึงค่าเสียหายเป็นจำนวนแน่นอนไม่ได้ ศาลก็อาจกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
โจทก์ใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินจำเลยสำหรับล้อเกวียนบรรทุกข้าวเข้าออกระหว่างโรงสีโจทก์ (ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโจทก์)กับทางสาธารณประโยชน์ตลอดมากว่า 10 ปี ทางพิพาทย่อมตกเป็นภารจำยอมโดยทางอายุความ แม้เพื่อประโยชน์การค้าก็ไม่มีกฎหมายจำกัด ว่าจะเป็นภารจำยอมไม่ได้
คำร้องของโจทก์ที่ขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้นไม่ใช่คำฟ้อง แต่เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้หมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความแล้ว บุคคลภายนอกก็ย่อมเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) แม้มิได้เป็นคู่ความตามคำฟ้องมาแต่แรก ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้จำเลยร่วมนั้นเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ได้
เมื่อจำเลยจงใจทำผิดกฎหมายโดยแกล้งปิดทาง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายย่อมเป็นผู้ทำละเมิด และจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์นำสืบถึงค่าเสียหายเป็นจำนวนแน่นอนไม่ได้ ศาลก็อาจกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
โจทก์ใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินจำเลยสำหรับล้อเกวียนบรรทุกข้าวเข้าออกระหว่างโรงสีโจทก์ (ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโจทก์)กับทางสาธารณประโยชน์ตลอดมากว่า 10 ปี ทางพิพาทย่อมตกเป็นภารจำยอมโดยทางอายุความ แม้เพื่อประโยชน์การค้าก็ไม่มีกฎหมายจำกัด ว่าจะเป็นภารจำยอมไม่ได้
คำร้องของโจทก์ที่ขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้นไม่ใช่คำฟ้อง แต่เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้หมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความแล้ว บุคคลภายนอกก็ย่อมเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) แม้มิได้เป็นคู่ความตามคำฟ้องมาแต่แรก ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้จำเลยร่วมนั้นเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความและผลกระทบของการปิดทาง การชดใช้ค่าเสียหายจากการละเมิด และการเป็นคู่ความ
ค่าเสียหายฐานทำละเมิดปิดทางภารจำยอมติดต่อกันตลอดมาคงขาดอายุความเฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งปีก่อนฟ้อง
เมื่อจำเลยจงใจทำผิดกฎหมายโดยแกล้งปิดทาง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายย่อมเป็นผู้ทำละเมิด และจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์นำสืบถึงค่าเสียหายเป็นจำนวนแน่นอนไม่ได้ ศาลก็อาจกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
โจทก์ใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินจำเลยสำหรับล้อเกวียนบรรทุกข้าวเข้าออกระหว่างโรงสีโจทก์ (ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโจทก์) กับทางสาธารณประโยชน์ตลอดมากว่า 10 ปี ทางพิพาทย่อมตกเป็นภารจำยอมโดยทางอายุความ แม้เพื่อประโยชน์การค้าก็ไม่มีกฎหมายจำกัด ว่าจะเป็นภารจำยอมไม่ได้
คำร้องของโจทก์ที่ขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้นไม่ใช่คำฟ้อง แต่เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้หมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความแล้ว บุคคลภายนอกก็ย่อมเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) แม้มิได้เป็นคู่ความตามคำฟ้องมาแต่แรกศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้จำเลยร่วมนั้นเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ได้
เมื่อจำเลยจงใจทำผิดกฎหมายโดยแกล้งปิดทาง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายย่อมเป็นผู้ทำละเมิด และจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์นำสืบถึงค่าเสียหายเป็นจำนวนแน่นอนไม่ได้ ศาลก็อาจกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
โจทก์ใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินจำเลยสำหรับล้อเกวียนบรรทุกข้าวเข้าออกระหว่างโรงสีโจทก์ (ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโจทก์) กับทางสาธารณประโยชน์ตลอดมากว่า 10 ปี ทางพิพาทย่อมตกเป็นภารจำยอมโดยทางอายุความ แม้เพื่อประโยชน์การค้าก็ไม่มีกฎหมายจำกัด ว่าจะเป็นภารจำยอมไม่ได้
คำร้องของโจทก์ที่ขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้นไม่ใช่คำฟ้อง แต่เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้หมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความแล้ว บุคคลภายนอกก็ย่อมเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) แม้มิได้เป็นคู่ความตามคำฟ้องมาแต่แรกศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้จำเลยร่วมนั้นเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ได้