พบผลลัพธ์ทั้งหมด 380 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอม ทางพิพาท การใช้สิทธิในที่ดินของผู้อื่น การห้าม และการครอบครองปรปักษ์
การผ่านหรือเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1353 แม้จะเป็นการใช้สิทธิในทรัพย์ของผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นซึ่งมิใช่เจ้าของซึ่งผ่านหรือเข้าไปพ้นจากการเป็นผู้ทำละเมิด แต่เจ้าของที่ดินห้ามได้เสมอ เมื่อห้ามแล้วยังฝ่าฝืนก็ต้องตกเป็นผู้ละเมิด ถ้าไม่ห้ามและการผ่านหรือเข้าไปในที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจของตนเอง ถ้าเป็นเวลา 10 ปีหรือกว่า 10 ปีขึ้นไปที่ดินนั้นก็ต้องตกอยู่ในภาระจำยอม
ฤดูแล้งคนทั่วไป วัวควาย ล้อเลื่อน ใช้ทางพิพาทกว้าง 4 ศอกฤดูทำนาเฉพาะคนอย่างเดียวเท่านั้นใช้ทางพิพาทกว้าง 1 ศอก โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร เป็นเวลา 10 ปี หรือเกิน 10 ปีขึ้นไป ทางพิพาทย่อมตกเป็นภาระจำยอมในฤดูทำนากว้าง 1 ศอก ฤดูนอกนั้นกว้าง 4 ศอกโจทก์เพิ่งได้เอากระบือไปทำนาและพากลับบ้านด้วย โดยผ่านทางพิพาทเป็นเวลา 2 ปี ไม่ทำให้ทางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมเกินกว่า 1 ศอกเพื่อให้กระบือผ่านในฤดูทำนาด้วย
ฤดูแล้งคนทั่วไป วัวควาย ล้อเลื่อน ใช้ทางพิพาทกว้าง 4 ศอกฤดูทำนาเฉพาะคนอย่างเดียวเท่านั้นใช้ทางพิพาทกว้าง 1 ศอก โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร เป็นเวลา 10 ปี หรือเกิน 10 ปีขึ้นไป ทางพิพาทย่อมตกเป็นภาระจำยอมในฤดูทำนากว้าง 1 ศอก ฤดูนอกนั้นกว้าง 4 ศอกโจทก์เพิ่งได้เอากระบือไปทำนาและพากลับบ้านด้วย โดยผ่านทางพิพาทเป็นเวลา 2 ปี ไม่ทำให้ทางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมเกินกว่า 1 ศอกเพื่อให้กระบือผ่านในฤดูทำนาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมสิ้นสุดลงเมื่อมีการหยุดใช้ทางเป็นระยะเวลานาน และขนาดทางไม่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์เดิม
ทางซึ่งเคยตกเป็นภาระจำยอมขนาดเกวียนเดินผ่านได้แต่เจ้าของที่ปลูกกั้นไม่ให้เกวียนเดินมาช้านานถึง 15-16 ปี ย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 คงเหลือแต่ภาระจำยอมเฉพาะคนเดินเท่านั้น เมื่อสภาพแห่งภาระจำยอมที่จะใช้เกวียนสิ้นไปแล้ว แม้จะกลับใช้เกวียนใหม่อีกเพียง 3 ปี ก็ไม่ทำให้ภาระจำยอมกลับมีขึ้นอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 หรือ 1401
และการวินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่า ภาระจำยอมสิ้นไปแล้วโดยอายุความนี้เป็นอายุความได้สิทธิและเสียสิทธิ ไม่ใช่อายุความฟ้องคดี ศาลจึงยกขึ้นเป็นประเด็นวินิจฉัยเองได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 193
และการวินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่า ภาระจำยอมสิ้นไปแล้วโดยอายุความนี้เป็นอายุความได้สิทธิและเสียสิทธิ ไม่ใช่อายุความฟ้องคดี ศาลจึงยกขึ้นเป็นประเด็นวินิจฉัยเองได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 193
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมสิ้นสุดลงเมื่อถูกปิดกั้นการใช้ประโยชน์นานเกินกว่า 15 ปี แม้จะกลับมาใช้ประโยชน์อีกก็ไม่ฟื้นคืนสภาพ
ทางซึ่งเคยตกเป็นภารจำยอมขนาดเกวียนเดินผ่านได้ แต่เจ้าของที่ปลูกกั้นไม่ให้เกวียนเดินมาช้านานถึง 15-16ปีย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399คงเหลือแต่ภารจำยอมเฉพาะคนเดินเท่านั้น เมื่อสภาพแห่งภารจำยอมที่จะใช้เกวียนสิ้นไปแล้ว แม้จะกลับใช้เกวียนใหม่อีกเพียง 3 ปี ก็ไม่ทำให้ภารจำยอมกลับมีขึ้นอีกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 หรือ 1401และการวินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่า ภารจำยอมสิ้นไปแล้วโดยอายุความนี้ เป็นอายุความได้สิทธิและเสียสิทธิ ไม่ใช่อายุความฟ้องคดี ศาลจึงยกขึ้นเป็นประเด็นวินิจฉัยเองได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 193
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมต้องเกิดเมื่อกรรมสิทธิ์แยกขาด การใช้ทางเดินต่อเนื่องหลังแบ่งแยกที่ดินยังไม่ทำให้เกิดภาระจำยอม
ทางเดินพิพาทอยู่ในที่ดินโฉนดแปลงเดียวกัน ซึ่งมีเจ้าของรวม 2 ฝ่ายครอบครองร่วมกันมาโดยมิได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด และในระหว่างนั้น ถึงแม้ผู้เช่าห้องแถวของเจ้าของรวมอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ใช้ทางเดินพิพาทนั้นมาเป็นเวลา 20 ปีเศษก็ตาม และภายหลังเมื่อได้แบ่งแยกโฉนดครอบครองกันเป็นส่วนสัดแล้ว แต่ก็ยังใช้ทางเดินพิพาทนั้นไม่ถึง 10 ปี นับแต่ได้แยกกันครอบครองทางเดินพิพาทย่อมไม่เป็นทางภาระจำยอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยอายุความและสิทธิในการรักษา/ใช้ประโยชน์ แม้ไม่มีคำพิพากษา
คำพิพากษาที่ให้บุคคลหนึ่งเปิดทางภาระจำยอมผ่านที่ดินนั้น ย่อมไม่ผูกพัน เจ้าของที่ดินข้างเคียงคนอื่นซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แม้ขณะทำแผนที่พิพาทจะปรากฎเส้นทางภาระจำยอมผ่านที่ดินของบุคคลนั้น และบุคคลนั้นได้มาอยู่รู้เห็นในการทำแผนที่พิพาทอยู่ด้วยก็ตาม
ผู้ที่ได้ทางภาระจำยอมมาโดยอายุความแล้วนั้น ย่อมมีสิทธิขุดโค่นหัวคันนาซึ่งอยู่ในเส้นทางอันเป็นภาระจำยอมนั้นได้เท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมนั้น โดยไม่จำเป็นต้องให้มีคำพิพากษาว่าที่ดินนั้นตกเป็นภาระจำยอมเสียก่อน
ผู้ที่ได้ทางภาระจำยอมมาโดยอายุความแล้วนั้น ย่อมมีสิทธิขุดโค่นหัวคันนาซึ่งอยู่ในเส้นทางอันเป็นภาระจำยอมนั้นได้เท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมนั้น โดยไม่จำเป็นต้องให้มีคำพิพากษาว่าที่ดินนั้นตกเป็นภาระจำยอมเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความได้สิทธิภาระจำยอม & ที่ดินสูงต่ำตามธรรมชาติ
อายุความได้สิทธิที่จะนำมาใช้แก่การจำยอม โดยอนุโลมดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 นั้น ได้แก่อายุความตามมาตรา 1382 มาตรานี้กำหนดอายุความไว้ 10 ปี โดยไม่แยกว่าจะเป็นที่ดินมือเปล่าหรือที่ดินมีโฉนด ส่วนอายุความตามมาตรา 1375 นั้น หาใช่อายุความได้สิทธิไม่
คำว่าที่ดินสูง ที่ดินต่ำตามมาตรา 1339, 1340 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น หมายถึงที่ดินสูงต่ำตามธรรมชาติ เจ้าของที่ดินต่ำหาจำต้องรับน้ำจากที่ดินที่ถมให้สูงขึ้นไม่
คำว่าที่ดินสูง ที่ดินต่ำตามมาตรา 1339, 1340 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น หมายถึงที่ดินสูงต่ำตามธรรมชาติ เจ้าของที่ดินต่ำหาจำต้องรับน้ำจากที่ดินที่ถมให้สูงขึ้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องขอทางจำเป็นสงวนไว้สำหรับเจ้าของที่ดินเท่านั้น ผู้เช่าหรือผู้อาศัยไม่มีสิทธิฟ้อง
ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ตกอยู่ในที่ล้อม ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349
โจทก์ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้อื่นโดยเป็นเพียงผู้อาศัย (แม้จะอ้างว่าโจทก์ต้องใช้ทางเดินสายที่ผ่านเข้าไปในที่ดินของจำเลยมาราว 50 ปีแล้ว) แต่โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นสามายทรัพย์ จะมาฟ้องขอให้เปิดทางซึ่งเป็นภารจำยอมเองไม่ได้
โจทก์ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้อื่นโดยเป็นเพียงผู้อาศัย (แม้จะอ้างว่าโจทก์ต้องใช้ทางเดินสายที่ผ่านเข้าไปในที่ดินของจำเลยมาราว 50 ปีแล้ว) แต่โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นสามายทรัพย์ จะมาฟ้องขอให้เปิดทางซึ่งเป็นภารจำยอมเองไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: สิทธิเดินทางแม้เจ้าของเดิมมิได้ใช้เอง หากผู้เช่าใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี
ภารจำยอมในเรื่องทางเดินเป็นทรัพยสิทธิอย่างหนึ่ง กฎหมายเพิ่งเล็งถึงความสำคัญของที่ดินไม่ใช่ส่วนตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ
ตอนแรกโจทก์ที่ 1 เช่าที่ดินซึ่งเป็นสามนทรัพย์ปลูกบ้านอยู่ และโจทก์ที่ 2 เช่าบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ในที่ดินนั้นด้วย ระหว่างนั้นโจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาทเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะเรื่อยมา ตอนหลังโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินนั้นและก็คงใช้ทางพิพาทเดินตลอดมา เมื่อรวมระยะเวลาทั้ง 2 ตอน เกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมในทางพิพาทโดยอายุความ
ตอนแรกโจทก์ที่ 1 เช่าที่ดินซึ่งเป็นสามนทรัพย์ปลูกบ้านอยู่ และโจทก์ที่ 2 เช่าบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ในที่ดินนั้นด้วย ระหว่างนั้นโจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาทเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะเรื่อยมา ตอนหลังโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินนั้นและก็คงใช้ทางพิพาทเดินตลอดมา เมื่อรวมระยะเวลาทั้ง 2 ตอน เกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมในทางพิพาทโดยอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอมโดยอายุความและการปิดกั้นทางสัญจร
จำเลยจะยกการรับโอนกรรมสิทธิ์โดยสุจริตขึ้นเป็นข้อต่อสู้เพื่อให้ภารจำยอมที่มีอยู่ในที่ดินนั้นต้องสิ้นไปเพราะเหตุมิได้จดทะเบียนภารจำยอมหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 800/2502 ซึ่งตัดสินโดยที่ประชุมใหญ่)
นับตั้งแต่ พ.ศ.2485 มารดาโจทก์เข้าอยู่ในที่ดินของโจทก์และได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางสัญจรสำหรับรถ 3 ล้อเข้าออกบ้านสู่ถนนดินสอ และเมื่อสามีโจทก์และโจทก์รับช่วงเป็นเจ้าของที่ดิน มารดาโจทก์ สามีโจทก์และโจทก์ก็ได้ใช้ทางพิพาทนี้สำหรับรถ 3 ล้อ สัญจรเข้าออกบ้านโจทก์สืบต่อกันตลอดมาไม่ขาดสาย จนถึงปี พ.ศ.2499 ซึ่งพิพาทกันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว ย่อมได้สิทธิในภารจำยอมเหนือทางพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของจำเลยยาวตลอดตรอกพิพาทโดยทางอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382,1385,1387 และ 1401 จำเลยจะปิดกั้นตรอกพิพาทแม้เฉพาะในส่วนที่ดินอยู่ในหน้าโฉนดของจำเลยหาได้ไม่ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390) การที่จำเลยปิดกั้นตรอกพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ใช้ประโยชน์ในสิทธิภารจำยอมไม่ได้ ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจะต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
นับตั้งแต่ พ.ศ.2485 มารดาโจทก์เข้าอยู่ในที่ดินของโจทก์และได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางสัญจรสำหรับรถ 3 ล้อเข้าออกบ้านสู่ถนนดินสอ และเมื่อสามีโจทก์และโจทก์รับช่วงเป็นเจ้าของที่ดิน มารดาโจทก์ สามีโจทก์และโจทก์ก็ได้ใช้ทางพิพาทนี้สำหรับรถ 3 ล้อ สัญจรเข้าออกบ้านโจทก์สืบต่อกันตลอดมาไม่ขาดสาย จนถึงปี พ.ศ.2499 ซึ่งพิพาทกันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว ย่อมได้สิทธิในภารจำยอมเหนือทางพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของจำเลยยาวตลอดตรอกพิพาทโดยทางอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382,1385,1387 และ 1401 จำเลยจะปิดกั้นตรอกพิพาทแม้เฉพาะในส่วนที่ดินอยู่ในหน้าโฉนดของจำเลยหาได้ไม่ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390) การที่จำเลยปิดกั้นตรอกพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ใช้ประโยชน์ในสิทธิภารจำยอมไม่ได้ ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจะต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความและการจดทะเบียน: การรับโอนกรรมสิทธิ์โดยสุจริตไม่กระทบสิทธิภารจำยอมที่เกิดขึ้นแล้ว
จำเลยจะยกการรับโอนกรรมสิทธิ์โดยสุจริตขึ้นเป็นข้อสู้เพื่อให้ภารจำยอมที่มีอยู่ในที่ดินนั้นต้องสิ้นไปเพราะเหตุมิ ได้จดทะเบียน - ภารจำยอมหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 800/2502 ซึ่งตัดสินโดยที่ประชุมใหญ่)
นับแต่แต่ พ.ศ. 2485 มารดาโจทก์เข้าอยู่ในที่ดิน ของโจทก์และได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางสัญจรจำหรับรถ 3 ล้อเข้าออกบ้านสู่ถนนดินสอและเมื่อสามีโจทก์และโจทก์รับช่วงเป็นเจ้าของที่ดิน มารดาโจทก์ สามีโจทก์และโจทก์ ก็ได้ใช้ทางพิพาทนี้สำหรับรถ 3 ล้อ สัญจรเข้าออกบ้านโจทก์สืบต่อกันตลอดมาไม่ขาดสาย จนถึงปี พ.ศ. 2499 ซึ่งพิพาทกันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว ย่อมได้สิทธิในการจำยอมเหนือทางพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของจำเลยยาวตลอดตรอกพิพาทโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382, 1385, 1387 และ 1401 จำเลยจะปิดกั้นตรอกพิพาทแม้เฉพาะในส่วนที่ดินอยู่ในหน้าโฉนดของจำเลยหาได้ไม่ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390) การที่จำเลยปิดกั้นตรอกพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ใช้ประโยชน์ในสิทธิภารจำยอมไม่ได้ ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจะต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420)
นับแต่แต่ พ.ศ. 2485 มารดาโจทก์เข้าอยู่ในที่ดิน ของโจทก์และได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางสัญจรจำหรับรถ 3 ล้อเข้าออกบ้านสู่ถนนดินสอและเมื่อสามีโจทก์และโจทก์รับช่วงเป็นเจ้าของที่ดิน มารดาโจทก์ สามีโจทก์และโจทก์ ก็ได้ใช้ทางพิพาทนี้สำหรับรถ 3 ล้อ สัญจรเข้าออกบ้านโจทก์สืบต่อกันตลอดมาไม่ขาดสาย จนถึงปี พ.ศ. 2499 ซึ่งพิพาทกันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว ย่อมได้สิทธิในการจำยอมเหนือทางพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของจำเลยยาวตลอดตรอกพิพาทโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382, 1385, 1387 และ 1401 จำเลยจะปิดกั้นตรอกพิพาทแม้เฉพาะในส่วนที่ดินอยู่ในหน้าโฉนดของจำเลยหาได้ไม่ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390) การที่จำเลยปิดกั้นตรอกพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ใช้ประโยชน์ในสิทธิภารจำยอมไม่ได้ ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจะต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420)