พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10569/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีบริษัทจำกัดต้องมีกรรมการผู้มีอำนาจ และการแยกความผิดผลิต-ขายปุ๋ยเคมี
การฟ้องคดีอาญาต่อบริษัทจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคล ต้องมีกรรมการผู้อำนาจกระทำการแทนบริษัทซึ่งเป็นผู้แทนบริษัทจึงจะดำเนินคดีได้ ขณะยื่นฟ้อง ส. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 โจทก์จึงต้องนำตัว ส. มาส่งศาลชั้นต้นพร้อมกับฟ้อง โจทก์ไม่ได้นำตัว ส. มาศาลต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีตัวอยู่อย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายและต้องถือว่าโจทก์ไม่มีตัวจำเลยที่ 1 มาศาลในวันฟ้องด้วย การที่ศาลชั้นต้นประทับรับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 จึงเป็นการไม่ชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 165 วรรคหนึ่ง และทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาสำหรับจำเลยที่ 1 หลังจากนั้นเป็นการไม่ชอบด้วย
การร่วมกันผลิตปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยเคมีที่ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนเพื่อการค้ากับการร่วมกันขายปุ๋ยเคมีเป็นความผิดซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแยกต่างหากจากกันได้ แม้ปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยเคมีที่ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนที่ขายไปจะเป็นส่วนหนึ่งของปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยเคมีที่ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันผลิตเพื่อการค้า กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ขายไปในช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีเจตนาแยกการร่วมกันผลิตปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยเคมีที่ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนเพื่อการค้าต่างหากจากการร่วมกันขายปุ๋ยเคมีตั้งแต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันขายให้แก่ร้าน ฉ. แล้ว การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตาม ป.อ. มาตรา 91
การร่วมกันผลิตปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยเคมีที่ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนเพื่อการค้ากับการร่วมกันขายปุ๋ยเคมีเป็นความผิดซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแยกต่างหากจากกันได้ แม้ปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยเคมีที่ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนที่ขายไปจะเป็นส่วนหนึ่งของปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยเคมีที่ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันผลิตเพื่อการค้า กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ขายไปในช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีเจตนาแยกการร่วมกันผลิตปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยเคมีที่ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนเพื่อการค้าต่างหากจากการร่วมกันขายปุ๋ยเคมีตั้งแต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันขายให้แก่ร้าน ฉ. แล้ว การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตาม ป.อ. มาตรา 91
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำรับสารภาพในคดีอาญา: เหตุผลความข่มขู่หลอกลวงเป็นเหตุอันควรให้แก้ไขคำให้การได้
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยเสร็จแล้วและจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ระหว่างนัดรอฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่รับสารภาพ ขอให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์โดยอ้างเหตุว่าจำเลยถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายฝ่ายขู่เข็ญหลอกลวงให้รับสารภาพ ให้คำมั่นว่าแม้จะรับสารภาพก็ไม่ต้องถูกจำคุกเพราะจะออกกฎหมายไม่เอาโทษภายหลัง จำเลยหลงเชื่อจึงให้การรับสารภาพ ต่อเมื่อจำเลยได้รับคำชี้แจงจากทนายความว่าไม่เป็นความจริง จึงขอต่อสู้คดีนั้น เมื่อปรากฏว่าขณะจำเลยให้การรับสารภาพนั้น จำเลยไม่มีทนาย และเหตุผลที่จำเลยอ้างกล่าวก็อาจเป็นไปได้ ทั้งในคดีอาญาจำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่อยู่แล้ว รูปคดีสมควรให้จำเลยแก้คำให้การได้ตามคำร้อง