คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 163

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องคดีอาญาเพื่อเรียกคืนทรัพย์สิน และความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร การพิจารณาความรับผิดของจำเลย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 กำหนดให้ พนักงานอัยการเรียกทรัพย์คืนแทนผู้เสียหายในฟ้องคดีอาญา คำขอ ดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องคดีอาญา การแก้ฟ้องหรือเพิ่มเติมฟ้องในคดีอาญาจึงเป็นไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163,164 โดยขอแก้ฟ้องได้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี โจทก์ บรรยายฟ้องแล้วว่าจำเลยยักยอกเงินไปเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งจำเลยก็ทราบดีแล้ว เพียงแต่โจทก์ขอแก้ฟ้องเป็นว่า ขอให้จำเลยคืนเงินจำนวนที่ยักยอกไปแก่เจ้าทรัพย์หาทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีไม่ จำเลยเบิกเงินทุนหมุนเวียนช่วยเหลือชาวนามาจากคลังจังหวัดโดยทำฎีกาเท็จ แล้วปลอมใบเสร็จรับเงินดังกล่าว ดังนี้ถ้าหากมีผู้รับเงินไปจริง ย่อมเป็นหน้าที่ของผู้รับเงินจะต้องทำใบเสร็จรับเงินมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้จ่ายเงินไว้เป็นหลักฐาน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสารคือใบเสร็จรับเงิน และถือไม่ได้ว่าจำเลยมีหน้าที่ดูแลรักษาใบเสร็จรับเงินดังกล่าวอันจะเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2916/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกลับคำให้การหลังรับสารภาพ: ศาลไม่อนุญาตหากมีเจตนาประวิงคดี
การที่จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาลว่าได้กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์แต่ขอให้ศาลเลื่อนการตัดสินคดีไปก่อนนั้นเป็นการรับสารภาพด้วยความสมัครใจของจำเลยมิได้เกิดขึ้นโดยความสำคัญผิดและการที่จำเลยยื่นคำร้องขอแก้คำให้การที่ให้การรับสารภาพเป็นให้การปฏิเสธเพื่อให้มีการสืบพยานต่อไปอีกโดยอ้างเหตุว่าจำเลยเพิ่งค้นพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำมาอ้างปฏิเสธความรับผิดตามฟ้องโจทก์ได้นั้นเห็นได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประวิงคดีจึงไม่มีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิแก้คำให้การก่อนศาลพิพากษาและอายุความความผิดอันยอมความได้
ในคดีอาญากฎหมายหาได้จำกัดว่าจำเลยมีสิทธิขอแก้คำให้การได้เพียงครั้งเดียวไม่ ตราบใดที่ศาลยังมิได้พิพากษาแม้จะนัดฟังคำพิพากษาไว้แล้ว ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้คำให้การเมื่อมีเหตุอันควรในคดีความผิดอันยอมความได้ ศาลเห็นว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ตามกฎหมาย ย่อมมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การโดยการถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องหลังศาลประทับรับฟ้องและนัดสืบพยาน: อำนาจและข้อจำกัด
ฟ้องไม่ระบุที่เกิดเหตุ ศาลประทับฟ้องและถามคำให้การจำเลยนัดสืบพยานโจทก์แล้ว เลยเวลาที่จะสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161 โจทก์มีอำนาจขอแก้ฟ้องตามมาตรา 163 แต่โจทก์มิได้ขอแก้อ้างว่าพลั้งเผลอศาลยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจโจทก์ร่วม & การขอเพิ่มโทษในชั้นฎีกา: ต้องอุทธรณ์ก่อนจึงฎีกาได้
โจทก์ร่วมจะขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการที่มีอยู่เดิมโดยขอเพิ่มเติมบทลงโทษให้หนักขึ้นหาได้ไม่
โจทก์ร่วมจะฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต ให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้น ศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจโจทก์ร่วม, การเพิ่มเติมฟ้อง, และการขอลงโทษหนักขึ้นในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ร่วมจะขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการที่มีอยู่เดิม โดยขอเพิ่มเติมบทลงโทษให้หนัดขึ้นหาได้ไม่
โจทก์ร่วมจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้นศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมิได้อ้างบทกฎหมายอาวุธปืนฯ แม้มีหลักฐานแสดงการครอบครอง ทำให้ศาลไม่ลงโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนปล้นทรัพย์จับได้พร้อมด้วยปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตแต่โจทก์อ้างบทขอให้ลงโทษแต่ฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้อ้างบทตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯแม้ได้ความตามฟ้องดังนี้ก็แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนและศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องแล้วพ้นเวลาที่จะอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องลงโทษตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมฟ้องขอริบของกลาง: ศาลไม่สั่งคำร้องถือว่าไม่อนุญาต
โจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องขอให้ริบของกลาง แต่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งคำร้องนั้น จะถือว่าศาลอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องแล้วไม่ได้ ศาลจึงไม่ริบของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2575/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องอุทธรณ์โดยการเพิ่มชื่อจำเลยร่วมหลังพ้นกำหนดเวลา และความรับผิดชอบในหนี้เช็ค
จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับคดี โดยฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีระบุแต่ชื่อจำเลยที่ 1 ทนายจำเลยทั้งสามเป็นผู้ลงชื่อในอุทธรณ์และคำร้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และคำร้องไว้แล้ว ต่อมาเมื่อพ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอระบุชื่อจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ดังนี้ เมื่อคำร้องของจำเลยมิได้อ้างเหตุขึ้นมาใหม่ คงอ้างแต่เพียงว่าฟ้องอุทธรณ์ที่ได้ยื่นไว้แล้วเป็นฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม ที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 ผู้เดียวนั้นเพราะพิมพ์ผิดพลาดไป อีกทั้งข้อความในฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ยื่นพร้อมอุทธรณ์มีข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ยื่นอุทธรณ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 จริง ศาลอุทธรณ์ย่อมอนุญาตตามคำร้องของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2575/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องอุทธรณ์โดยเพิ่มชื่อจำเลยร่วมหลังพ้นกำหนดเวลา ศาลอนุญาตได้หากเนื้อหาในฟ้องอุทธรณ์ครอบคลุมถึงจำเลยร่วมนั้น
จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับคดี โดยฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีระบุแต่ชื่อจำเลยที่ 1 ทนายจำเลยทั้งสามเป็นผู้ลงชื่อในอุทธรณ์และคำร้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และคำร้องไว้แล้ว ต่อมาเมื่อพ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอระบุชื่อจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ดังนี้ เมื่อคำร้องของ จำเลยมิได้อ้างเหตุขึ้นมาใหม่ คงอ้างแต่เพียงว่าฟ้องอุทธรณ์ที่ได้ยื่นไว้แล้วเป็นฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม ที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 ผู้เดียวนั้นเพราะพิมพ์ผิดพลาดไป อีกทั้งข้อความในฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ยื่นพร้อมอุทธรณ์มีข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ยื่นอุทธรณ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 จริง ศาลอุทธรณ์ย่อมอนุญาตตามคำร้องของจำเลยได้
of 31