คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 163

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2665/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิแก้คำให้การในคดีอาญา: เหตุผลอันควรเมื่อจำเลยปรึกษาทนายความและเข้าใจสิทธิในการต่อสู้คดี
จำเลยถูกฟ้องว่าพยายามฆ่าผู้อื่น ตอนแรกจำเลยให้การรับสารภาพ และไม่ต้องการทนาย ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยได้แต่งทนาย และยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม ขอให้การใหม่ว่ามิได้กระทำผิด อ้างเหตุผลว่ารับสารภาพเพราะเข้าใจผิด และไม่ตรงต่อความจริงดังนี้ เป็นเหตุผลที่อาจเป็นไปได้ เพราะขณะจำเลยให้การรับสารภาพ จำเลยไม่มีทนายความต่อเมื่อได้ปรึกษาทนายความแล้ว จึงเกิดความเข้าใจถูกต้องในการต่อสู้คดี นับว่าเป็นเหตุอันควรเมื่อประกอบกับในคดีอาญา จำเลยย่อมมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165วรรคหนึ่ง ตามรูปคดีจึงสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การได้ เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ และสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องอาญาต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดหรือฐานความผิดใหม่
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยไปไถ่จำนองที่ดินของโจทก์จากนางประหยัดสุวเทพ เพื่อจะได้นำไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยจากธนาคาร แต่จำเลยบังอาจทุจริตนำที่ดินโจทก์ซึ่งไถ่จำนองแล้วไปขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเบียดบังเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอแก้ฟ้องจากข้อความที่ว่า 'ให้ไปไถ่จำนองที่ดินจากนางประหยัด สุวเทพ เพื่อจำเลยจะได้นำที่ดินแปลงนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้มาจากธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท' เป็นว่า 'ให้นำที่ดินแปลงนี้ไปจำนองกับธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปไถ่จำนองที่ดินแปลงนี้จากนางประหยัดสุวเทพ และจากข้อความที่ว่า 'โดยเจตนาทุจริต จำเลยได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาที่ดินดังกล่าวไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย เป็นว่า 'จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตร่วมกันไปไถ่จำนองที่ดินดังกล่าวจากธนาคารและนำไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุข แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย' ดังนี้ ข้อความที่ขอแก้คงมีผลตรงกันกับฟ้องเดิมในใจความสำคัญไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็เป็นเพียงเรียกการกระทำให้ชัดขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเติมบทลงโทษ ก็หาทำให้จำเลยหลงต่อสู้ไม่ จึงไม่อาจถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเช่นกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องอาญา: ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้เพิ่มเติมรายละเอียดหรือฐานความผิด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยไปไถ่จำนองที่ดินของโจทก์จากนางประหยัดสุวเทพ เพื่อจะได้นำไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยจากธนาคาร แต่จำเลยบังอาจทุจริตนำที่ดินโจทก์ซึ่งไถ่จำนองแล้วไปขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเบียดบังเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอแก้ฟ้องจากข้อความที่ว่า'ให้ไปไถ่จำนองที่ดินจากนางประหยัด สุวเทพ เพื่อจำเลยจะได้นำที่ดินแปลงนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้มาจากธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท' เป็นว่า 'ให้นำที่ดิน แปลงนี้ไปจำนองกับธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปไถ่จำนองที่ดินแปลงนี้จากนางประหยัด สุวเทพและจากข้อความที่ว่า 'โดยเจตนาทุจริต จำเลยได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาที่ดินดังกล่าวไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย เป็นว่า'จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตร่วมกันไปไถ่จำนองที่ดินดังกล่าวจากธนาคารและนำไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุข แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย' ดังนี้ ข้อความที่ขอแก้คงมีผลตรงกันกับฟ้องเดิมในใจความสำคัญไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็เป็นเพียงเรียกการกระทำให้ชัดขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเติมบทลงโทษก็หาทำให้จำเลยหลงต่อสู้ไม่ จึงไม่อาจถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเช่นกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำเลยในคดีอาญา: ผลของการจำหน่ายคดีและฟ้องใหม่
โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยในคดีอื่น แต่ปรากฏว่าในคดีอื่นนั้นจำเลยปฏิเสธโดยมีจำเลยอื่นรับสารภาพ ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลย โดยให้โจทก์แยกฟ้องเป็นคดีใหม่ เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่แล้ว โจทก์ไม่มีคำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโจทก์ในคดีใหม่ศาลย่อมพิพากษาให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีใหม่ไม่ได

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำเลยในคดีอาญาที่จำหน่ายคดีแล้ว และการพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยในคดีอื่น แต่ปรากฏว่าในคดีอื่นนั้นจำเลยปฏิเสธโดยมีจำเลยอื่นรับสารภาพ ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลย โดยให้โจทก์แยกฟ้องเป็นคดีใหม่ เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่แล้ว โจทก์ไม่มีคำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโจทก์ในคดีใหม่ศาลย่อมพิพากษาให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีใหม่ไม่ได

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องคดีเช็ค: วันที่ออกเช็คไม่ใช่ข้อสารสำคัญ การแก้ฟ้องต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
คำฟ้องกล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2511 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจออกเช็คสั่งจ่ายเงินใน วันที่ 8 สิงหาคม 2511 มอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เป็นคำฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้า เช่นนี้ ต้องถือเอาวันถึงกำหนดใช้เงินที่ลงไว้ในเช็คเป็นวันเวลากระทำผิด วันที่จำเลยออกเช็ค หรือวันที่เขียนเช็คส่งมอบให้โจทก์จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคำฟ้อง
การที่โจทก์ขอแก้วันที่จำเลยออกเช็คหรือวันที่เขียนเช็คให้โจทก์ในเวลาภายหลังต่อมา เท่ากับเป็นการแก้ไขในข้อที่ไม่ใช่ข้อสารสำคัญในคำฟ้องและเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่นำสืบรับว่าได้ออกเช็คตามฟ้องจริง แต่ออกให้คนอื่น ดังนี้ ไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือข้อที่โจทก์แก้ฟ้อง
ถึงแม้จะปรากฏว่าวันออกเช็คให้โจทก์หรือวันเขียนเช็คให้โจทก์ตามคำฟ้องจะเป็นวันหนึ่ง ทางพิจารณากลับเป็นอีกวันหนึ่งต่างกัน ก็มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสารสำคัญ และจำเลยหลงต่อสู้อันต้องแยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา: เหตุสมควร, ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ, ก่อนสืบพยาน
ฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด ก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดโดยอ้างว่าพิมพ์ตกไป เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ในข้อนี้ ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ โดยถือว่าวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องกล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา: เหตุสมควรและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
ฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดโดยอ้างว่าพิมพ์ตกไป เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ในข้อนี้ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ โดยถือว่าวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องกล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อเมื่อจำเลยปฏิเสธการเป็นบุคคลเดียวกันในคดีอื่น ศาลไม่นับโทษต่อได้หากไม่มีการรับรอง
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาล.ว่าจำเลยเป็นคนๆ เดียวกับจำเลยในคดีอีกคดีหนึ่ง และขอให้นับโทษจำเลยต่อ. ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยว่าจะเป็นความจริงตามคำร้องของโจทก์หรือไม่. ที่จำเลยให้การเป็นพยานไว้ จำเลยก็ให้การว่าในคดีที่โจทก์ฟ้องเพิ่มเติมนี้. จำเลยไม่ทราบเรื่อง.แสดงว่าจำเลยปฏิเสธคำร้องของโจทก์. โจทก์มิได้สืบให้ปรากฏตามคำร้องขอของโจทก์. เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษา และโจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนั้นแล้ว. ถ้าหากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีนั้นด้วย. จำเลยรับสำเนาคำร้องของโจทก์แล้ว ก็มิได้แถลงในเรื่องนี้ว่าอย่างไร. คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับตามคำร้องของโจทก์ในข้อนี้. จึงนับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำเลยในคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการรับรองจากจำเลย หรือการนำสืบพยานหลักฐานยืนยันความถูกต้อง
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยเป็นคนๆ เดียวกับจำเลยในคดีอีกคดีหนึ่ง และขอให้นับโทษจำเลยต่อศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยว่าจะเป็นความจริงตามคำร้องของโจทก์หรือไม่ ที่จำเลยให้การเป็นพยานไว้ จำเลยก็ให้การว่าในคดีที่โจทก์ฟ้องเพิ่มเติมนี้ จำเลยไม่ทราบเรื่องแสดงว่าจำเลยปฏิเสธคำร้องของโจทก์ โจทก์มิได้สืบให้ปรากฏตามคำร้องขอของโจทก์เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษา และโจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนั้นแล้วถ้าหากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีนั้นด้วย จำเลยรับสำเนาคำร้องของโจทก์แล้ว ก็มิได้แถลงในเรื่องนี้ว่าอย่างไร คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับตามคำร้องของโจทก์ในข้อนี้ จึงนับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอไม่ได้
of 31