คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 163

การขอแก้ฟ้องนั้นโจทก์จะฟ้องแสดงเหตุผลอันสมควรจะกล่าวสอย ๆ ว่าฟ้องคลาดเคลื่อนไปดังนี้ ศาลไม่อนุญาตให้แก้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิด+วันที่ 5 ครั้นสืบพะยานโจทก์หมดแล้วโจทก์ขอแก้ฟ้องว่าจำเลยทำผิดในวันที่ 4 เพื่อให้ตรงกับคำพะยานฝ่ายตนดังนี้ ไม่มีเหตุผลอันสมควรและทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลไม่อนุญาตให้แก้

+ดีความผิดต่อส่วนตัวเมื่อเจ้าทุกข์รู้เรื่องความผิดและรู้จักตัวผู้กระทำผิดแล้วไม่ร้องทุกข์เสียภายในกำหนด 3 เดือนคดีขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่าเจ้าทุกข์ทราบเรื่องความผิด และตัวผู้กระทำผิดในเดือนเมษายนในชั้นฎีกาโจทก์จะขอให้ศาลถือตามคำเบิกความของเจ้าทุกข์ว่าเจ้าทุกข์ทราบเรื่องความผิดและรู้ตัวผู้ทำผิดในเดือนสิงหาคม โดยโจทก์มิได้ขออนุญาตแก้ฟ้องเสียแต่ในศาลชั้นต้นไม่ได้

การจะขออนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาลซึ่งเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง
โจทก์ขอแก้ฟ้องศาลชั้นต้นไม่อนุญาตแล้วพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืนตามดังนี้โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อนี้มิได้ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.219

โจทก์ฟ้องและบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทการลักทรัพย์แลให้ลงโทษฐานลักทรัพย์แม้โจทก์จะมีคำขอให้ลงโทษฐานรับของโจรด้วยก็ไม่ทำ++กลายเป็นฟ้องเคลือบคลุมเมื่อกรณีเข้าอยู่ในลักษณตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม. 163 - 164 ศาลก็มีอำนาจสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องได้+++ไม่ต้องระบุสถานที่ที่ตน+++ผู้ร้าย ฎีกาอุทธรณ์ ฎีกาข้อกฎหมาย ++เคลือบคลุมหรือไม่เป็น ฎีกาข้อกฎหมาย ++มีอำนาจให้ฌจทก์แก้ฟ้อง+หรือไม่เป็นปัญหากฎหมาย

การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์แก้วันกระทำผิดในฟ้องภายหลังที่ได้สืบพะยานโจทก์เสร็จแล้วนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาล

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จ แต่มิได้กล่าวว่าจำเลยเบิกความเท็จในสำนวนไหน เพราะมีคดีที่จำเลยได้เคยเบิกความเกี่ยวข้องกัน 2 สำนวนและทั้งมิได้กล่าวว่าจำเลยเบิกความเท็จในข้อไร ข้อไหนเป็นเท็จข้อไหนเป็นจริง ข้อไหนเป็นสาระสำคัญ ดังนี้เป็นฟ้องเคลือบคลุม ศาลต้องยกฟ้อง ถ้าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ต้องยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง โจทก์จะแถลงอธิบายฟ้องลับหลังจำเลยมิได้

โจทก็ฟ้องว่าจำเลยทำผิดในวันแรม 9-10 ค่ำเวลากลางคืน ได้ความว่าจำเลยทำผิดในวันแรม 8 ค่ำจวนค่อนรุ่งลงโทษจำเลยไม่ได้ วันเวลาถือว่าเป็นรายละเอียดอันสำคัญที่ต้องแถลงในฟ้อง หากว่าฟ้องนั้นผิดวันและโจทก์มิได้ขอแก้เสียในเวลาสมควรปล่อยล่วงเลยมาศาลต้องยกฟ้อง