พบผลลัพธ์ทั้งหมด 309 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5739/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำฟ้องกรณีเคยต้องโทษจำคุกรอการลงโทษ ศาลต้องสอบถามจำเลยก่อนรับฟังการรับสารภาพ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาลักทรัพย์ จำเลยให้การรับสารภาพระหว่างนัดฟังคำพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องโดยขอให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในในอีกคดีหนึ่งมาบวกด้วยศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและสำเนาคำร้องให้จำเลย แต่ไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยและส่งสำเนาคำร้องให้จำเลย ดังนี้ข้อที่จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษและรอการลงโทษในอีกคดีหนึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่แยกได้ต่างหากจากที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความตามคำร้อง หากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลจดไว้ยังไม่ชัดแจ้งโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลสอบจำเลยเพิ่มเติมหรือแถลงขอสืบพยานต่อไป เมื่อโจทก์มิได้ดำเนินการอย่างใดจนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วจะอ้างว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่ชอบหาได้ไม่ คดีไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5276/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีเช็ค: ความผิดเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก ไม่ใช่ครั้งหลัง
โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2530 ว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาท ครั้นวันที่ 6 มีนาคม 2530 โจทก์นำไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน โจทก์จึงได้นำเช็คไปเข้าบัญชีใหม่อีกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2530 และได้รับคำปฏิเสธการจ่ายเงินอีกครั้งหนึ่งเช่นนี้ เมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินครั้งแรก ถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว แต่โจทก์มิได้ร้องทุกข์หรือดำเนินคดีภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่วันดังกล่าว คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นว่าโจทก์รู้ถึงการกระทำผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดในวันที่ 12 มีนาคม 2530 อันเป็นวันที่โจทก์ได้รับคำปฏิเสธการจ่ายเงินในครั้งหลัง จึงหามีผลเปลี่ยนแปลงคดีของโจทก์แต่อย่างใดไม่ ศาลชั้นต้นไม่รับคำขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์และมีคำสั่งให้งดการไต่สวนมูลฟ้อง แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4646/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกลับคำให้การหลังรับสารภาพ การประวิงคดี และการอุทธรณ์ดุลพินิจการลงโทษในคดีเช็ค
จำเลยให้การรับสารภาพโดยศาลชั้นต้นเป็นผู้จดคำให้การไว้ให้และจำเลยแถลงว่าจะชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ร่วม แต่ขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป 6 เดือน ศาลชั้นต้นอนุญาต เป็นการให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจและมิได้สำคัญผิด การที่จำเลยขอถอนคำให้การรับสารภาพและขอให้การใหม่เป็นปฏิเสธหลังจากที่ได้ให้การรับสารภาพแล้วถึง 6 เดือน โดยอ้างเหตุว่าจำเลยออกเช็คพิพาททั้ง 2 ฉบับ เพื่อเป็นการค้ำประกันหนี้ของบุคคลภายนอกที่มีอยู่ต่อโจทก์นั้น เป็นการให้การปฏิเสธเพื่อให้มีการสืบพยานต่อไปอีกถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประวิงคดีไม่ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ร่วม เป็นการยืนยันว่าจำเลยมีเจตนาจะใช้เช็คนั้นชำระหนี้แม้ฟ้องโจทก์จะมิได้ระบุว่าเป็นหนี้ค่าอะไร มูลหนี้อะไร และเป็นหนี้กันมาแต่เมื่อใดอันเป็นการระบุถึงความเป็นมาแห่งหนี้ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่เพราะเป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา จำเลยฎีกาอ้างว่าศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษให้จำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่แท้ที่จริงแล้ว จำเลยประสงค์เพียงจะให้ศาลฎีการอการลงโทษให้แก่จำเลยเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี ฎีกาดังกล่าวของจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานมีอาวุธปืน, ลูกระเบิด, และพยายามฆ่า โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ไม่เพียงพอต่อการรับฟัง
ฎีกาเพิ่มเติมของจำเลยที่ยื่นเกินกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดไว้ในครอบครองแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ก็ตาม แต่เมื่อมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าจำเลยขว้างลูกระเบิดเพื่อพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่และข้อเท็จจริงไม่พอรับฟังว่าจำเลยมีลูกระเบิด ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาเกินกำหนด & ศาลฎีกายกฟ้องได้แม้จำเลยไม่ฎีกา หากพยานหลักฐานไม่พอรับฟัง
ฎีกาเพิ่มเติมของจำเลยที่ยื่นเกินกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดไว้ในครอบครองแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ก็ตาม แต่เมื่อมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าจำเลยขว้างลูกระเบิดเพื่อพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่และข้อเท็จจริงไม่พอรับฟังว่าจำเลยมีลูกระเบิดศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185.
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดไว้ในครอบครองแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ก็ตาม แต่เมื่อมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าจำเลยขว้างลูกระเบิดเพื่อพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่และข้อเท็จจริงไม่พอรับฟังว่าจำเลยมีลูกระเบิดศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานมีอาวุธและพยายามฆ่า โดยศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องได้หากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ฎีกาเพิ่มเติมของจำเลยที่ยื่นเกินกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดไว้ในครอบครองแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ก็ตาม แต่เมื่อมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าจำเลยขว้างลูกระเบิดเพื่อพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ และข้อเท็จจริงไม่พอรับฟังว่าจำเลยมีลูกระเบิดศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดไว้ในครอบครองแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ก็ตาม แต่เมื่อมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าจำเลยขว้างลูกระเบิดเพื่อพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ และข้อเท็จจริงไม่พอรับฟังว่าจำเลยมีลูกระเบิดศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1920/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้นับโทษต่อในชั้นฎีกาต้องเคยมีการขอในฟ้องหรือก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา มิฉะนั้นเป็นการแก้ไขฟ้องที่ทำไม่ได้
โจทก์มิได้ขอให้นับโทษต่อมาในฟ้องหรือก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น การที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้นับโทษต่อนั้นจึงเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 ดังนั้นโจทก์ร่วมจะมาขอในชั้นฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1920/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้นับโทษต่อในชั้นฎีกาต้องเคยขอในฟ้องหรือก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา มิฉะนั้นเป็นการแก้ไขฟ้อง
โจทก์มิได้ขอให้นับโทษต่อมาในฟ้องหรือก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น การที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้นับโทษต่อนั้นจึงเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 ดังนั้นโจทก์ร่วมจะมาขอในชั้นฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเช็ค: วันที่ปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นรายละเอียดของข้อหา โจทก์ขอแก้ฟ้องได้หากจำเลยไม่เสียเปรียบ
คดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น การที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นการกระทำผิดอย่างหนึ่งที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ส่วนวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินนั้นเป็นวันที่มีการกระทำผิดซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำที่อ้างว่าเป็นความผิด ดังนั้นเมื่อโจทก์กล่าวในฟ้องว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยมิได้ระบุว่าปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด จึงเป็นฟ้องที่ขาดรายละเอียดที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเท่านั้น มิใช่ฟ้องที่บรรยายข้อเท็จจริงขาดองค์ประกอบความผิด โจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องได้ในเมื่อจำเลยมิได้เสียเปรียบในการต่อสู้คดีหรือหลงข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163,164
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2530
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2530
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องคดีเช็ค: รายละเอียดวันปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นรายละเอียดการกระทำ ไม่ใช่ขาดองค์ประกอบความผิด
คดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น การที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นการกระทำผิดอย่างหนึ่งที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ส่วนวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินนั้นเป็นวันที่มีการกระทำผิดซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำที่อ้างว่าเป็นความผิด ดังนั้นเมื่อโจทก์กล่าวในฟ้องว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยมิได้ระบุว่าปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด จึงเป็นฟ้องที่ขาดรายละเอียดที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเท่านั้น มิใช่ฟ้องที่บรรยายข้อเท็จจริงขาดองค์ประกอบความผิด โจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องได้ในเมื่อจำเลยมิได้เสียเปรียบในการต่อสู้คดีหรือหลงข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163,164.
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2530
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2530