พบผลลัพธ์ทั้งหมด 233 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการแก้ฟ้องของโจทก์ร่วมที่ดำเนินคดีโดยอาศัยฟ้องของพนักงานอัยการ และขอบเขตการลงโทษ
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยโดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ จึงไม่มีอำนาจขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ หากศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องส่วนที่โจทก์ร่วมขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องไว้ก็มีอำนาจสั่งงดเสียได้
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องคดีอาญาเพื่อเรียกคืนทรัพย์สิน และความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร การพิจารณาความรับผิดของจำเลย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 กำหนดให้ พนักงานอัยการเรียกทรัพย์คืนแทนผู้เสียหายในฟ้องคดีอาญา คำขอ ดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องคดีอาญา การแก้ฟ้องหรือเพิ่มเติมฟ้องในคดีอาญาจึงเป็นไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163,164 โดยขอแก้ฟ้องได้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี โจทก์ บรรยายฟ้องแล้วว่าจำเลยยักยอกเงินไปเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งจำเลยก็ทราบดีแล้ว เพียงแต่โจทก์ขอแก้ฟ้องเป็นว่า ขอให้จำเลยคืนเงินจำนวนที่ยักยอกไปแก่เจ้าทรัพย์หาทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีไม่ จำเลยเบิกเงินทุนหมุนเวียนช่วยเหลือชาวนามาจากคลังจังหวัดโดยทำฎีกาเท็จ แล้วปลอมใบเสร็จรับเงินดังกล่าว ดังนี้ถ้าหากมีผู้รับเงินไปจริง ย่อมเป็นหน้าที่ของผู้รับเงินจะต้องทำใบเสร็จรับเงินมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้จ่ายเงินไว้เป็นหลักฐาน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสารคือใบเสร็จรับเงิน และถือไม่ได้ว่าจำเลยมีหน้าที่ดูแลรักษาใบเสร็จรับเงินดังกล่าวอันจะเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโจทก์ร่วม, การเพิ่มเติมฟ้อง, และการขอลงโทษหนักขึ้นในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ร่วมจะขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการที่มีอยู่เดิม โดยขอเพิ่มเติมบทลงโทษให้หนัดขึ้นหาได้ไม่
โจทก์ร่วมจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้นศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์ร่วมจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้นศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโจทก์ร่วม & การขอเพิ่มโทษในชั้นฎีกา: ต้องอุทธรณ์ก่อนจึงฎีกาได้
โจทก์ร่วมจะขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการที่มีอยู่เดิมโดยขอเพิ่มเติมบทลงโทษให้หนักขึ้นหาได้ไม่
โจทก์ร่วมจะฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต ให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้น ศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์ร่วมจะฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต ให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้น ศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอาญา: ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้เพิ่มเติมรายละเอียดหรือฐานความผิด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยไปไถ่จำนองที่ดินของโจทก์จากนางประหยัดสุวเทพ เพื่อจะได้นำไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยจากธนาคาร แต่จำเลยบังอาจทุจริตนำที่ดินโจทก์ซึ่งไถ่จำนองแล้วไปขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเบียดบังเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอแก้ฟ้องจากข้อความที่ว่า'ให้ไปไถ่จำนองที่ดินจากนางประหยัด สุวเทพ เพื่อจำเลยจะได้นำที่ดินแปลงนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้มาจากธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท' เป็นว่า 'ให้นำที่ดิน แปลงนี้ไปจำนองกับธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปไถ่จำนองที่ดินแปลงนี้จากนางประหยัด สุวเทพและจากข้อความที่ว่า 'โดยเจตนาทุจริต จำเลยได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาที่ดินดังกล่าวไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย เป็นว่า'จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตร่วมกันไปไถ่จำนองที่ดินดังกล่าวจากธนาคารและนำไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุข แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย' ดังนี้ ข้อความที่ขอแก้คงมีผลตรงกันกับฟ้องเดิมในใจความสำคัญไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็เป็นเพียงเรียกการกระทำให้ชัดขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเติมบทลงโทษก็หาทำให้จำเลยหลงต่อสู้ไม่ จึงไม่อาจถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเช่นกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอาญาต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดหรือฐานความผิดใหม่
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยไปไถ่จำนองที่ดินของโจทก์จากนางประหยัดสุวเทพ เพื่อจะได้นำไปค้ำประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยจากธนาคาร แต่จำเลยบังอาจทุจริตนำที่ดินโจทก์ซึ่งไถ่จำนองแล้วไปขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเบียดบังเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอแก้ฟ้องจากข้อความที่ว่า 'ให้ไปไถ่จำนองที่ดินจากนางประหยัด สุวเทพ เพื่อจำเลยจะได้นำที่ดินแปลงนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้มาจากธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท' เป็นว่า 'ให้นำที่ดินแปลงนี้ไปจำนองกับธนาคารในวงเงินไม่เกิน 375,500 บาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปไถ่จำนองที่ดินแปลงนี้จากนางประหยัดสุวเทพ และจากข้อความที่ว่า 'โดยเจตนาทุจริต จำเลยได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาที่ดินดังกล่าวไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุขแล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย เป็นว่า 'จำเลยได้บังอาจมีเจตนาทุจริตร่วมกันไปไถ่จำนองที่ดินดังกล่าวจากธนาคารและนำไปโอนขายให้นายวรเทพ ลิ้มรสสุข แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตร่วมกันเบียดบังยักยอกเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย' ดังนี้ ข้อความที่ขอแก้คงมีผลตรงกันกับฟ้องเดิมในใจความสำคัญไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็เป็นเพียงเรียกการกระทำให้ชัดขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเติมบทลงโทษ ก็หาทำให้จำเลยหลงต่อสู้ไม่ จึงไม่อาจถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเช่นกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีเช็ค: วันที่ออกเช็คไม่ใช่ข้อสารสำคัญ การแก้ฟ้องต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
คำฟ้องกล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2511 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจออกเช็คสั่งจ่ายเงินใน วันที่ 8 สิงหาคม 2511 มอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เป็นคำฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้า เช่นนี้ ต้องถือเอาวันถึงกำหนดใช้เงินที่ลงไว้ในเช็คเป็นวันเวลากระทำผิด วันที่จำเลยออกเช็ค หรือวันที่เขียนเช็คส่งมอบให้โจทก์จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคำฟ้อง
การที่โจทก์ขอแก้วันที่จำเลยออกเช็คหรือวันที่เขียนเช็คให้โจทก์ในเวลาภายหลังต่อมา เท่ากับเป็นการแก้ไขในข้อที่ไม่ใช่ข้อสารสำคัญในคำฟ้องและเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่นำสืบรับว่าได้ออกเช็คตามฟ้องจริง แต่ออกให้คนอื่น ดังนี้ ไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือข้อที่โจทก์แก้ฟ้อง
ถึงแม้จะปรากฏว่าวันออกเช็คให้โจทก์หรือวันเขียนเช็คให้โจทก์ตามคำฟ้องจะเป็นวันหนึ่ง ทางพิจารณากลับเป็นอีกวันหนึ่งต่างกัน ก็มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสารสำคัญ และจำเลยหลงต่อสู้อันต้องแยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
การที่โจทก์ขอแก้วันที่จำเลยออกเช็คหรือวันที่เขียนเช็คให้โจทก์ในเวลาภายหลังต่อมา เท่ากับเป็นการแก้ไขในข้อที่ไม่ใช่ข้อสารสำคัญในคำฟ้องและเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่นำสืบรับว่าได้ออกเช็คตามฟ้องจริง แต่ออกให้คนอื่น ดังนี้ ไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือข้อที่โจทก์แก้ฟ้อง
ถึงแม้จะปรากฏว่าวันออกเช็คให้โจทก์หรือวันเขียนเช็คให้โจทก์ตามคำฟ้องจะเป็นวันหนึ่ง ทางพิจารณากลับเป็นอีกวันหนึ่งต่างกัน ก็มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสารสำคัญ และจำเลยหลงต่อสู้อันต้องแยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา: เหตุสมควร, ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ, ก่อนสืบพยาน
ฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด ก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดโดยอ้างว่าพิมพ์ตกไป เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ในข้อนี้ ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ โดยถือว่าวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา: เหตุสมควรและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
ฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดก่อนสืบพยานโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดโดยอ้างว่าพิมพ์ตกไป เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ในข้อนี้ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ โดยถือว่าวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องอาญาเพื่อยืนยันสถานะเจ้าพนักงานของผู้เสียหาย ไม่เป็นการอ้างกฎหมายใหม่เพื่อเพิ่มโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่า จำเลยได้ทำร้ายผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายได้รับอันตรายสาหัสเพราะเหตุที่ได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ ต่อมาโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องโดยอ้างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494มาตรา 16 การขอเพิ่มเติมฟ้องนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่ามีกฎหมายรับรองความเป็นเจ้าพนักงานของผู้เสียหาย หาได้เป็นการอ้างกฎหมายขึ้นใหม่เพื่อให้ศาลลงโทษจำเลยหนักขึ้นประการใดไม่ ฉะนั้น การที่ศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้อง จึงไม่ขัดต่อกฎหมาย