คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 335 (7)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8857/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์ – การฟ้องคดีอาญา – ผู้ร่วมกระทำผิด – ราคาทรัพย์ – ความผิดอาญาแผ่นดิน
คำฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยที่ 1 กับพวกอีกสองคนที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป พอเข้าใจแล้วว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับพวกอีก 2 คน จึงเป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์แล้วตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5)ประกอบ ป.อ. มาตรา 335 (7) โดยโจทก์ไม่จำต้องระบุชื่อผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ทรัพย์ที่จำเลยลักไปจะมีราคาเล็กน้อยหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา และการที่ผู้เสียหายได้รับทรัพย์คืนไปแล้วก็ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย อีกทั้งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน จึงถือว่าเป็นภัยต่อประชาชนทั่วไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8540/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ยานพาหนะมูลค่าสูง ไม่เข้าข้อยกเว้นโทษตามมาตรา 334
รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมีราคาถึง 38,000 บาท จึงไม่ใช่ทรัพย์ที่มีราคาเล็กน้อย ทั้งการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 จะลงโทษตามมาตรา 334 ได้นั้น ต้องปรากฏว่าเป็นการกระทำโดยความจำใจหรือความยากจนเหลือทนทานอีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์, และลักทรัพย์เจตนาต่อเนื่อง
จำเลยเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแล้วตัดโค่นต้นยางพาราจำนวน 17 ต้น และเอาต้นยางพาราดังกล่าวไปโดยใช้รถยนต์บรรทุก อันเป็นความผิดฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหาย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จำเลยมีความมุ่งหมายที่จะเข้าไปตัดโค่นต้นยางพาราซึ่งอยู่ในที่ดินดังกล่าว แล้วนำออกไปจากที่ดิน โดยใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุก ต้นยางพาราไป จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาเดียวต่อเนื่องกันตลอดมาไม่ขาดตอนอันเป็นการกระทำ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตาม ป.อ.มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์, และลักทรัพย์จากที่ดิน
จำเลยเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแล้วตัดโค่นต้นยางพาราจำนวน 17 ต้นและเอาต้นยางพาราดังกล่าวไปโดยใช้รถยนต์บรรทุกอันเป็นความผิดฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์ การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จำเลยมีความมุ่งหมายที่จะเข้าไปตัดโค่นต้นยางพาราซึ่งอยู่ในที่ดินดังกล่าวแล้วนำออกไปจากที่ดิน โดยใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุกต้นยางพาราไป จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาเดียวต่อเนื่องกันตลอดมาไม่ขาดตอนอันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4208/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์จากตู้โทรศัพท์: การกระทำความผิดสำเร็จเมื่อเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของผู้อื่น
จำเลยได้ร่วมกับ พ. ลักเหรียญกษาปณ์จากตู้โทรศัพท์สาธารณะโดย พ.ให้จำเลยเข้าไปในตู้โทรศัพท์สาธารณะทำทีเป็นโทรศัพท์และ พ.เข้ามาในตู้โทรศัพท์ด้วย พ.ให้จำเลยช่วยเปิดง้างแผ่นเหล็กของช่องคืนเหรียญของตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อให้ พ.ใช้ลวดที่ดัดแปลงมาเขี่ยให้เหรียญกษาปณ์ในตู้โทรศัพท์สาธารณะไหลลงมา การที่จำเลยร่วมมือกับ พ.เข้าไปนำเหรียญกษาปณ์ที่ติดค้างอยู่ โดยจำเลยทำทีเป็นผู้ใช้โทรศัพท์พูดจาเพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้ผู้อื่นสงสัย ระหว่างนั้นให้ พ.เขี่ยกระดาษที่อุดไว้จนเหรียญกษาปณ์ตกลงไปสู่มือของจำเลยและ พ.ที่รอรับอยู่ เป็นการร่วมมือกันเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของเจ้าของทรัพย์ที่ยังมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นอยู่ จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปตาม ป.อ.มาตรา 335(7) ประกอบด้วยมาตรา 83 โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยร่วมเอากระดาษไปอุดช่องคืนเหรียญโทรศัพท์กับ พ.และมิได้นำตัวพลเมืองดีผู้แจ้งเหตุ รวมทั้งผู้เสียหายและเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมคนอื่น ๆ มาเบิกความนั้น เห็นว่า
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาเพียงพอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 335(7) ประกอบด้วย มาตรา 83 ได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องนำสืบไปจนถึงกับว่า มีการร่วมมือกันมาตั้งแต่แรกหรือนำสืบพยานบุคคลอื่น ๆ ให้ฟุ่มเฟือยเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น
เหรียญกษาปณ์ที่ตกลงไปในช่องคืนเหรียญเนื่องจากไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อไปยังสายปลายทางได้นั้นยังเป็นของผู้ใช้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ โดยปกติแล้วจะต้องตกลงไปถึงช่องคืนเหรียญที่อยู่ต่ำลงไปข้างล่างให้ผู้ใช้โทรศัพท์สาธารณะแง้มเหล็กฝาปิดช่องดังกล่าวล้วงเอาเหรียญกษาปณ์กลับคืนไป การที่ พ.นำก้อนกระดาษไปอุดไว้ในช่องคืนเหรียญในตำแหน่งที่อยู่เหนือฝาปิดขึ้นไป เป็นเพียงการขัดขวางไม่ให้เหรียญกษาปณ์ตกกลับลงไปถึงมือผู้ใช้โทรศัพท์สาธารณะที่รออยู่ โดยเหรียญกษาปณ์ดังกล่าวยังคงติดค้างอยู่ในเครื่องโทรศัพท์สาธารณะในลักษณะที่ง่ายแก่การมาล้วงเอาไปในภายหลัง ความครอบครองยังอยู่กับเจ้าของเหรียญกษาปณ์ที่รอรับเหรียญกษาปณ์นั้นอยู่และการที่เจ้าของเหรียญกษาปณ์ออกจากตู้โทรศัพท์สาธารณะไปไม่ได้หมายความว่ามีเจตนาสละทิ้งเหรียญกษาปณ์ที่ติดค้าง เพราะการสละกรรมสิทธิ์จะต้องกระทำด้วยความสมัครใจมิใช่อยู่ในลักษณะที่ถูกขัดขวางการได้ทรัพย์กลับคืน ฉะนั้น ขณะที่เหรียญกษาปณ์ตกลงไปค้างอยู่บนก้อนกระดาษในช่องคืนเหรียญ ความผิดฐานลักทรัพย์ยังไม่สำเร็จเพราะ พ.ยังไม่ได้เอาเหรียญกษาปณ์นั้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์ร่วมกันโดยวางแผนและใช้ความได้เปรียบจากสถานการณ์ที่มีคนพลุกพล่าน
จำเลยกับชายชาวต่างประเทศอีก 1 คน เดินมาด้วยกันชายชาวต่างประเทศเข้ามายืนคุยกับผู้เสียหายซึ่งอยู่ในร้านเพียงคนเดียวและหันหลังให้ทางเข้าร้าน ขณะที่ยืนคุยนั้นผู้เสียหายไม่เห็นจำเลยโดยมีการเบนความสนใจของผู้เสียหายจากสิ่งอื่น ๆ ให้มาอยู่กับชาวต่างประเทศโดยใช้ภาษาต่างประเทศที่ผู้เสียหายไม่เข้าใจ แล้วจำเลยแอบเข้าไปในร้านของผู้เสียหายลักทรัพย์กระเป๋าหนังของกลางน่าเชื่อว่าจำเลยกับชายชาวต่างประเทศดังกล่าววางแผนสมคบกัน ในการลักทรัพย์ของผู้เสียหาย กระเป๋าหนังของกลางที่จำเลยกับพวกร่วมกันลักไปมีราคาสูง พฤติการณ์การกระทำของจำเลยมีการวางแผนการ แบ่งหน้าที่ กันทำและเป็นการลักทรัพย์ในงานแสดงสินค้าที่มีคนพลุกพล่าน อันเป็นภัยแก่สาธารณชนทั่วไป สมควรลงโทษเพื่อยับยั้ง มิให้เกิดการกระทำความผิดอย่างเดียวกันขึ้นมาอีกโดยไม่รอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการร่วมลักทรัพย์ - การพิสูจน์ความผิดฐานร่วมกระทำความผิดอาญา - ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อขอซื้อยูคาลิปตัส จากที่ดินของผู้เสียหายแล้ว เพียงแต่ยังมิได้มีการตกลงราคากันให้แน่นอน จำเลยที่ 2 ได้เข้ามาในที่เกิดเหตุและช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ในการตัดต้นยูคาลิปตัส โดยได้กระทำการโดยเปิดเผยมีการจ้างคนงานหลายคน ใช้เวลาในการตัดทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นเวลานานถึง 17 วัน ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีอาชีพซื้อต้นยูคาลิปตัส เพื่อตัดส่งโรงงานข้อเท็จจริงจึงยังเป็นที่น่าสงสัยว่า จำเลยที่ 2 จะรู้หรือไม่ว่าการตกลงซื้อขายกันยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 2 ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมลักทรัพย์ ต้นยูคาลิปตัส กับจำเลยที่ 1
เมื่อโจทก์สืบไม่ได้ว่าพวกจำเลยอีก 1 คน ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการ พาทรัพย์นั้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย มาตรา 336 ทวิ แต่ไม่ผิดฐานร่วมกระทำความผิด ด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปตามมาตรา 335(7) โดยที่ปัญหานี้ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5457/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด ต้องพิจารณาว่ายานพาหนะถูกใช้เพื่อการขนส่งทรัพย์สินก่อนกระทำความผิดหรือไม่
ฉ. ได้ขับรถบรรทุกลากจูงรถพ่วงบรรทุกม้วนกระดาษดราฟท์ เพื่อไปส่งให้แก่ผู้เสียหาย แต่เมื่อไปถึงสถานที่จะขนถ่าย ม้วนกระดาษดราฟท์ ที่บรรทุกมาทั้งหมดลง จำเลยและ ฉ. กลับร่วมกันนำม้วนกระดาษดราฟท์ ที่บรรทุกอยู่ในรถพ่วงไปขายให้ผู้อื่น เมื่อกระดาษดราฟท์ ที่จำเลยกับพวกลักทรัพย์นั้นได้บรรทุกอยู่บนรถพ่วงซึ่งถูกลากจูงโดยรถบรรทุกเพื่อขนส่ง ไปยังสถานที่ขนถ่ายอยู่ก่อนแล้ว การที่จำเลยกับ ฉ.ร่วมกันลักกระดาษดราฟท์ โดยใช้รถข้างต้นซึ่งบรรทุก กระดาษดราฟท์มาแต่แรกและฉ.เป็นลูกจ้างผู้มีหน้าที่ขับรถคันดังกล่าวแล้ว ดังนี้ การกระทำของจำเลยกับ ฉ. จึงมิใช่เป็นการลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่ การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป กรณีไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ แม้จำเลยกับ ฉ. เคยถูกฟ้องเป็นคดีเดียวกัน แต่ ฉ.ให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาว่าฉ.กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม,336 ทวิส่วนจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้แยกฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งและโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ก็ตามเมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาคดีนี้ การกระทำของ จำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ ศาลก็ลงโทษ จำเลยตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้ หาใช่ว่าเป็นเหตุ ในลักษณะคดีที่จำเลยต้องรับโทษเช่นเดียวกับ ฉ. ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3642/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ร่วมกัน
จำเลยที่ 2 เป็นผู้อนุญาตหรือยินยอมให้จำเลยที่ 1 เอาโฉนดที่ดินของผู้เสียหายไปซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ทราบดีแล้วว่าโฉนดที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายและยังอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ไม่มีอำนาจให้คำอนุญาตหรือยินยอมได้ เมื่อจำเลยที่ 1 เอาโฉนดที่ดินของผู้เสียหายไปด้วยความยินยอมของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) วรรคหนึ่งและมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลักคือการได้เงิน: การลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร และฉ้อโกง
การที่จำเลยลักสมุดคู่ฝากเงินธนาคารของ ว.ไปแล้วปลอมลายมือชื่อของ ว.ลงในใบถอนเงินของธนาคาร และนำสมุดคู่ฝากเงินพร้อมใบถอนเงินไปแสดงต่อพนักงานธนาคารและรับเงินไป เป็นการกระทำที่มีเจตนามุ่งหมายเพื่อให้ได้เงินจากธนาคารเป็นหลัก การกระทำต่าง ๆ เป็นเพียงวิธีการเพื่อจะให้ได้เงินไปเท่านั้น แม้การกระทำแต่ละอย่างจะเป็นความผิดก็เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่จำเลยให้การรับสารภาพก็เป็นการรับว่าได้กระทำการต่าง ๆ ดังที่โจทก์ฟ้อง ส่วนที่จำเลยจะผิดกฎหมายบทใดเป็นอำนาจศาลจะพิจารณาวินิจฉัย
of 10