พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมลักทรัพย์หลังเกิดเหตุฆ่า ไม่เข้าข่ายปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 3 คนมาพบผู้ตายกับพวกกำลังขนบุหรี่ ได้พากันไปพูดจาซื้อขายบุหรี่ แล้วพวกของจำเลยคนหนึ่งได้ใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย และได้ร่วมกันลักเอาบุหรี่ของผู้ตายไป แต่ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้รู้เห็นเป็นใจหรือร่วมด้วยในการที่พวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงมีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันลักทรัพย์หลังเกิดเหตุปล้นทรัพย์แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความรุนแรง
จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 3 คนมาพบผู้ตายกับพวกกำลังขนบุหรี่ ได้พากันไปพูดจาซื้อขายบุหรี่ แล้วพวกของจำเลยคนหนึ่งได้ใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย และได้ร่วมกันลักเอาบุหรี่ของผู้ตายไป แต่ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้รู้เห็นเป็นใจหรือร่วมด้วยในการที่พวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงมีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์โดยมีอาวุธ: การพิจารณาเจตนาใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อวินิจฉัยความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกยืนขวางทางผู้เสียหาย จำเลยถือมีดคนหนึ่ง ถือขวานคนหนึ่ง จับแฮนเดิลรถจักรยานบอกให้ผู้เสียหายลงจากรถ เอาหนังสือท้ายรถออกและพูดว่า ให้รถกูเถอะ ไม่ได้ความว่าจำเลยได้แสดงกิริยาอย่างใดอีกที่จะทำให้เข้าใจว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ไม่ได้ความว่าจำเลยถือมีดและขวานในลักษณะติดตัวไปหรือถือในลักษณะที่เป็นการกระทำให้เห็นว่าจะใช้ทำร้ายผู้เสียหาย คดีไม่พอฟังว่าความผิดจำเลยถึงขั้นปล้นทรัพย์ แต่มีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยมีอาวุธ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์โดยมีอาวุธ แม้มีอาวุธแต่ไม่ปรากฏเจตนาข่มขู่หรือใช้กำลังประทุษร้าย
จำเลยกับพวกยืนขวางทางผู้เสียหายจำเลยถือมีดคนหนึ่งถือขวานคนหนึ่ง จับแฮนเดิลรถจักรยานบอกให้ผู้เสียหายลงจากรถ เอาหนังสือท้ายรถออกและพูดว่า ให้รถกูเถอะไม่ได้ความว่าจำเลย ได้แสดงกิริยาอย่างใดอีกที่จะทำให้เข้าใจว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ไม่ได้ความว่าจำเลยถือมีดและขวานในลักษณะติดตัวไปหรือถือในลักษณะที่เป็นการกระทำให้เห็นว่าจะใช้ทำร้ายผู้เสียหาย คดีไม่พอฟังว่าความผิดจำเลยถึงขั้นปล้นทรัพย์ แต่มีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยมีอาวุธ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจนและการพิสูจน์ความผิดฐานสมคบคิดลักทรัพย์ โจทก์ต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 335(7)
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่า ทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่า จำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตาม ม.334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม ม.334 เท่านั้น โดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเอง มิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่า ทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่า จำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตาม ม.334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม ม.334 เท่านั้น โดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเอง มิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจน ศาลต้องยึดตามคำให้การเดิม แม้มีบันทึกรับสารภาพในรายงานพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันลักทรัพย์. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(7)
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียวไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตามมาตรา 334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม มาตรา334 เท่านั้นโดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเองมิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียวไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตามมาตรา 334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม มาตรา334 เท่านั้นโดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเองมิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย