พบผลลัพธ์ทั้งหมด 84 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4366/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำพิพากษายกฟ้องจากเหตุผลการไม่มาศาล ศาลต้องไต่สวนก่อนตัดสิน
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์จงใจไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์นั้น เป็นการยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 181 ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในสำนวนความปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2545 โจทก์มายื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งมีผลเท่ากับเป็นการขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2545 หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพียง 7 วัน ยังไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ทั้งคำร้องของโจทก์ก็ได้แสดงเหตุยืนยันว่าโจทก์ได้มาศาลตามกำหนดนัดแล้วเพียงแต่โจทก์ยังติดการดำเนินคดีอาญาอื่น ซึ่งศาลได้นัดพิจารณาไว้ในวันเวลาเดียวกันก่อน เสร็จแล้วจึงจะมาดำเนินคดีนี้ต่อไป ซึ่งหากเป็นความจริงตามคำร้องก็นับว่ามีเหตุสมควรที่โจทก์ไม่ได้มาดำเนินคดีนี้ตามกำหนดนัด ศาลชอบที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อน จึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่โจทก์ไม่มาดำเนินคดีนี้ตามกำหนดนัดมีเหตุสมควรหรือไม่ การที่ศาลล่างทั้งสองด่วนวินิจฉัยสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยไม่ไต่สวนให้ได้ความจริงเสียก่อน จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 166 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 181
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4625/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งนัดพิจารณาคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
แม้ตามคำร้องของโจทก์จะเป็นเรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ แต่คำร้องก็ได้กล่าวอ้างถึงเหตุที่การพิจารณาผิดระเบียบว่าเกิดจากการส่งหมายนัดของเจ้าพนักงานศาลไม่ชอบ ไม่อาจถือว่าโจทก์ได้ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ จึงขอให้ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ใหม่ ซึ่งแปลได้ว่าโจทก์ประสงค์จะแสดงให้ศาลเห็นได้ว่ามีเหตุสมควร จึงมาศาลไม่ได้ และขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสอง ประกอบมาตรา 181และการที่ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดโดยโจทก์ไม่ทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ จึงไม่อยู่ในบังคับที่โจทก์จะต้องร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสอง ประกอบมาตรา 181
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่มีใบมอบฉันทะ และการพิพากษายกฟ้องที่ไม่ถูกต้อง
พนักงานอัยการโจทก์มอบคำฟ้องให้เจ้าหน้าที่ สำนักงานอัยการมายื่นต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นประกาศเรียกโจทก์ และให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์แจ้งให้โจทก์มาศาลเพื่อสอบถามแล้ว แต่โจทก์ไม่มา เมื่อไม่ปรากฏว่าที่ศาลชั้นต้นนัดให้โจทก์ มาศาลเพื่อสอบถามเป็นเรื่องอะไร จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ ไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 และ 181 ไม่ได้ โจทก์มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของโจทก์มายื่นคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นโดยไม่มีใบมอบฉันทะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 การยื่นคำฟ้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นจะสั่งประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาไม่ได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และศาลฎีกาพิพากษา แก้เป็นสั่งไม่รับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการไม่แจ้งนัดพิจารณาคดี ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นสั่งไม่รับฟ้อง
พนักงานอัยการโจทก์มอบคำฟ้องให้เจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการมายื่นต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นประกาศเรียกโจทก์และให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์แจ้งให้โจทก์มาศาลเพื่อสอบถามแล้ว แต่โจทก์ไม่มา เมื่อไม่ปรากฏว่าที่ศาลชั้นต้นนัดให้โจทก์มาศาลเพื่อสอบถามเป็นเรื่องอะไร จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 166 และ 181 ไม่ได้
โจทก์มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของโจทก์มายื่นคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นโดยไม่มีใบมอบฉันทะตาม ป.วิ.พ.มาตรา 64 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15การยื่นคำฟ้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นจะสั่งประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาไม่ได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27 ประกอบด้วยป.วิ.อ.มาตรา 15 และศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นสั่งไม่รับฟ้อง
โจทก์มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของโจทก์มายื่นคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นโดยไม่มีใบมอบฉันทะตาม ป.วิ.พ.มาตรา 64 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15การยื่นคำฟ้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นจะสั่งประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาไม่ได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27 ประกอบด้วยป.วิ.อ.มาตรา 15 และศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นสั่งไม่รับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการพิจารณาคดีโดยไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นนัดให้โจทก์มาศาลเพื่อสอบถาม ไม่ปรากฏว่าเป็นเรื่องอะไร จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจะพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 และ 181 ไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของโจทก์มายื่นคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นโดยไม่มีใบมอบฉันทะตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 การยื่นคำฟ้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลชั้นต้นจะสั่งประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาไม่ได้ ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนมูลฟ้องใหม่เมื่อโจทก์อ้างไม่ทราบวันนัดเนื่องจากย้ายภูมิลำเนา ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อนตัดสิน
การที่โจทก์และทนายโจทก์ระบุว่าสำนักงานบริษัท ร.เป็นภูมิลำเนาของโจทก์ในคำฟ้องและภูมิลำเนาของทนายโจทก์ในใบแต่งทนายความแม้ต่อมาโจทก์และทนายโจทก์ลาออกจากบริษัทดังกล่าว โดยไม่แจ้งการย้ายภูมิลำเนาให้ศาลทราบ นับได้ว่าโจทก์และทนายโจทก์มีส่วนบกพร่องอยู่บ้างก็ตามแต่เมื่อปรากฏตามคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ที่ 25/7 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้ว ได้มีคำสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาแก้คดีพร้อมกับนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีหนังสือถึงศาลอื่นส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแทน โดยคำร้องดังกล่าวทนายโจทก์ระบุภูมิลำเนาว่าอยู่ที่บ้านเลขที่ 28/19 ซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของตนตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องและใบแต่งทนายความ ฉะนั้น เมื่อคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ของโจทก์ได้อ้างว่าโจทก์ไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจากย้ายภูมิลำเนา จึงไม่ได้มาศาล เช่นนี้ จึงสมควรที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนว่าเหตุที่โจทก์ยกขึ้นอ้างฟังได้หรือไม่เพียงใด ศาลชั้นต้นจะอาศัยเพียงโจทก์และทนายโจทก์ย้ายภูมิลำเนาไม่แจ้งให้ศาลทราบขึ้นมาเป็นเหตุยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน ย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนมูลฟ้องใหม่เมื่อโจทก์อ้างไม่ทราบวันนัดเนื่องจากย้ายภูมิลำเนา ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อนตัดสิน
การที่โจทก์และทนายโจทก์ระบุว่าสำนักงานบริษัทร.เป็นภูมิลำเนาของโจทก์ในคำฟ้องและภูมิลำเนา ของทนายโจทก์ในใบแต่งทนายความแม้ต่อมาโจทก์ และทนายโจทก์ลาออกจากบริษัทดังกล่าว โดยไม่แจ้ง การย้ายภูมิลำเนาให้ศาลทราบ นับได้ว่าโจทก์และทนายโจทก์ มีส่วนบกพร่องอยู่บ้างก็ตามแต่เมื่อปรากฏตามคำเบิกความ ของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มี ภูมิลำเนาอยู่ที่ 25/7 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้ว ได้มีคำสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาแก้คดีพร้อมกับ นัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้มีหนังสือถึงศาลอื่นส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแทน โดยคำร้องดังกล่าวทนายโจทก์ระบุภูมิลำเนาว่าอยู่ที่บ้านเลขที่ 28/19 ซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของตน ตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องและใบแต่งทนายความ ฉะนั้น เมื่อคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ของโจทก์ได้อ้างว่า โจทก์ไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจากย้าย ภูมิลำเนา จึงไม่ได้มาศาล เช่นนี้ จึงสมควรที่ ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนว่าเหตุที่โจทก์ยกขึ้น อ้างฟังได้หรือไม่เพียงใด ศาลชั้นต้นจะอาศัยเพียงโจทก์และทนายโจทก์ย้ายภูมิลำเนาไม่แจ้งให้ศาลทราบ ขึ้นมาเป็นเหตุยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน ย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งย้ายภูมิลำเนา และการไต่สวนเหตุจำเป็นเมื่อไม่ทราบกำหนดนัดพิจารณาคดี
โจทก์และทนายโจทก์ระบุสำนักงานบริษัท ร.เป็นภูมิลำเนาของโจทก์ในคำฟ้องและภูมิลำเนาของทนายโจทก์ ในใบแต่งทนายความ แต่ตามคำเบิกความของโจทก์ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและคำร้อง ของ ทนายโจทก์มิได้ระบุ ภูมิลำเนาของตนตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องและใบแต่งทนายความ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ โดยอ้างว่าโจทก์ไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจาก ย้ายภูมิลำเนา ศาลชั้นต้นจึงควรทำการไต่สวนว่าเหตุที่ โจทก์ยกขึ้นอ้างนั้นฟังได้หรือไม่ เพียงใด ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสอง และมาตรา 181 จะอาศัยเพียงโจทก์และทนายโจทก์ย้ายภูมิลำเนา ไม่แจ้งให้ศาลทราบมาเป็นเหตุยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน หาสมควรไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7983/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการยกฟ้องเนื่องจากความไม่เอาใจใส่ของโจทก์
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญา แต่โจทก์ไม่เอาใจใส่ในการดำเนินกระบวนพิจารณา มีลักษณะเป็นการประวิงคดี ทำให้จำเลยทั้งสามได้รับความเดือดร้อน ทั้งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลล่าช้าได้รับการตำหนิจากสังคมส่วนรวม จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 166 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 181 และข้อที่โจทก์อ้างว่า ทนายโจทก์พลั้งเผลอจดเวลานัดของศาลในวันที่ 26 เมษายน 2539ผิดพลาดจากเวลา 9.00 นาฬิกา เป็นเวลา 13.30 นาฬิกา และทนายโจทก์ได้มาศาลในเวลา 13.30 นาฬิกา เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นคำร้องแจ้งเหตุดังกล่าวต่อศาลชั้นต้นในวันนั้น และคดีไม่มีเหตุสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7983/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีของโจทก์ทำให้จำเลยได้รับความเดือดร้อนและกระทบต่อการดำเนินคดีของศาล
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญา แต่โจทก์ไม่เอาใจใส่ในการดำเนินกระบวนพิจารณา มีลักษณะเป็นการประวิงคดีทำให้จำเลยทั้งสามได้รับความเดือดร้อน ทั้งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลล่าช้าได้รับการตำหนิจากสังคมส่วนรวม จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 181 และข้อที่โจทก์อ้างว่า ทนายโจทก์พลั้งเผลอจดเวลานัดของศาลในวันที่ 26 เมษายน 2539ผิดพลาดจากเวลา 9.00 นาฬิกา เป็นเวลา 13.30 นาฬิกาและทนายโจทก์ได้มาศาลในเวลา 13.30 นาฬิกา เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นคำร้องแจ้งเหตุดังกล่าวต่อศาลชั้นต้นในวันนั้นและคดีไม่มีเหตุสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์เสีย