พบผลลัพธ์ทั้งหมด 84 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาต้องดำเนินตามขั้นตอน หากยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องหรือสืบพยาน โจทก์ทราบกำหนดนัดแล้วแต่ยังไม่พอพิพากษาได้
กรณีที่ศาลจะยกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ได้นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ศาลได้กำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือนัดพิจารณาคดีไว้ และเมื่อโจทก์ทราบกำหนดนัดนั้นแล้วไม่มาศาล ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้น จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นหาได้กำหนดนัดเพื่อพิจารณาคดีและแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ทั้งที่ข้อหาที่โจทก์ฟ้องตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 นั้น มีอัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป ซึ่งศาลจะต้องฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 แต่ศาลชั้นต้นกลับจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าคู่ความไม่สืบพยานโดยที่โจทก์ไม่ได้อยู่ในศาลขณะนั้นซึ่งถึงแม้โจทก์จะมาศาลในวันนั้นคดีก็ไม่อาจจะสืบพยานได้เพราะไม่ใช่วันนัดสืบพยาน กรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นจะต้องเลื่อนการพิจารณาคดีไปแล้วนัดสืบพยานโจทก์ในภายหลัง การที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาไปในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องเสียทีเดียว จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166181 ที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาและการยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาล: ต้องมีการกำหนดนัดพิจารณาคดีที่ชัดเจนเสียก่อน
กรณีที่ศาลจะยกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลได้กำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือนัดพิจารณาคดีไว้ และเมื่อโจทก์ทราบกำหนดนัดนั้นแล้วไม่มาศาล
ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้น จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นหาได้กำหนดนัดเพื่อพิจารณาคดีและแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ทั้งที่ข้อหาที่โจทก์ฟ้องตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 นั้น มีอัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป ซึ่งศาลจะต้องฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 แต่ศาลชั้นต้นกลับจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าคู่ความไม่สืบพยานโดยที่โจทก์ไม่ได้อยู่ในศาลขณะนั้นซึ่งถึงแม้โจทก์จะมาศาลในวันนั้นคดีก็ไม่อาจจะสืบพยานได้เพราะไม่ใช่วันนัดสืบพยาน กรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นจะต้องเลื่อนการพิจารณาคดีไปแล้วนัดสืบพยานโจทก์ในภายหลัง การที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาไปในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องเสียทีเดียว จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 181 ที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์
ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้น จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นหาได้กำหนดนัดเพื่อพิจารณาคดีและแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ทั้งที่ข้อหาที่โจทก์ฟ้องตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 นั้น มีอัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป ซึ่งศาลจะต้องฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 แต่ศาลชั้นต้นกลับจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าคู่ความไม่สืบพยานโดยที่โจทก์ไม่ได้อยู่ในศาลขณะนั้นซึ่งถึงแม้โจทก์จะมาศาลในวันนั้นคดีก็ไม่อาจจะสืบพยานได้เพราะไม่ใช่วันนัดสืบพยาน กรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นจะต้องเลื่อนการพิจารณาคดีไปแล้วนัดสืบพยานโจทก์ในภายหลัง การที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาไปในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องเสียทีเดียว จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 181 ที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาโดยไม่แจ้งนัดพิจารณาและสืบพยาน ถือเป็นกระบวนการไม่ชอบ ศาลมิอาจยกฟ้องได้
กรณีที่ศาลจะยกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตาม กำหนดนัดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 จะต้อง เป็นกรณีที่มีการ ไต่สวนมูลฟ้องหรือการพิจารณาคดีและศาลได้ กำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้อง หรือนัดพิจารณาคดีไว้ ต่อเมื่อโจทก์ได้ ทราบกำหนดนัดนั้นแล้ว ไม่มาศาล ศาลจึงพิพากษายกฟ้องเสียได้ โจทก์ฟ้องจำเลยตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 66 ศาลชั้นต้นเบิกตัว จำเลยซึ่ง ถูก คุมขังมาพิจารณาในวันที่โจทก์ยื่นฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษอย่างต่ำ จำคุกตั้งแต่ ห้าปีขึ้นไป ซึ่ง ศาลจะต้อง ฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้ กระทำผิดจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176แต่ ศาลชั้นต้นกลับจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าคู่ความไม่สืบพยานโดย ที่โจทก์ไม่ได้อยู่ในศาลขณะนั้น ซึ่ง แม้โจทก์จะมาศาลในวันนั้นคดีก็ไม่อาจสืบพยานได้ เพราะไม่ใช่วันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นจะต้องเลื่อนการพิจารณาคดีไปแล้วนัดสืบพยานโจทก์ในภายหลัง การที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาไปในวันที่ โจทก์ยื่นฟ้องเสียทีเดียวจึงเป็นการไม่ชอบด้วย กระบวนพิจารณา กรณีไม่ต้องด้วยป.วิ.อ. มาตรา 166,181 และแม้จะถือ ว่าโจทก์ทราบกำหนดนัดแล้วเพราะในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มีข้อความระบุว่า รอฟังคำสั่งอยู่ถ้า ไม่รอให้ถือ ว่าทราบแล้วก็ยังไม่เป็นเหตุให้พิพากษายกฟ้องทันที.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3603/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์, การยกฟ้องเนื่องจากไม่มาศาล, และการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 200 กำหนดให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง ดังนี้เมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์จึงเป็นหน้าที่ของศาลที่จะส่งสำเนาให้จำเลยโดยตรง โจทก์ไม่จำต้องวางเงินค่าส่งสำเนาอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาการพิจารณาพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา200 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยชัดแจ้ง แต่เนื่องจากระยะเวลาที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนได้ล่วงเลยมาจนศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 181 กำหนดให้นำบทบัญญัติในมาตรา 139 และ 166 มาบังคับแก่การพิจารณาโดยอนุโลมดังนั้นศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะยกมาตรา 166 ดังกล่าวมาปรับแก่คดีในชั้นพิจารณาได้
โจทก์อ้างว่าในวันนัดสืบพยานโจทก์ ตัวโจทก์อยู่ที่จังหวัด สกลนคร เพื่อจัดการงานศพของมารดาภรรยาโจทก์ และต้องดูแลอาการป่วยของภรรยาโจทก์ กับโจทก์เข้าใจว่าในวันนัดดังกล่าวทนายโจทก์จะสืบพยานคนอื่นก่อน ส่วนโจทก์จะเข้าสืบในวันนัดภายหลัง โจทก์มิได้จงใจที่จะไม่มาศาลตามกำหนดนัด และโจทก์ไม่ทราบมาก่อนว่าทนายโจทก์ขอถอนตัวออกจากเป็นทนายให้โจทก์ กรณีดังกล่าวหากเป็นความจริงตามคำร้อง ของ โจทก์ก็ถือว่าโจทก์ได้แสดงให้ศาลเห็นได้ว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นด่วนวินิจฉัยสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียโดยไม่ไต่สวนนั้นเป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาการพิจารณาพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา200 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยชัดแจ้ง แต่เนื่องจากระยะเวลาที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนได้ล่วงเลยมาจนศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 181 กำหนดให้นำบทบัญญัติในมาตรา 139 และ 166 มาบังคับแก่การพิจารณาโดยอนุโลมดังนั้นศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะยกมาตรา 166 ดังกล่าวมาปรับแก่คดีในชั้นพิจารณาได้
โจทก์อ้างว่าในวันนัดสืบพยานโจทก์ ตัวโจทก์อยู่ที่จังหวัด สกลนคร เพื่อจัดการงานศพของมารดาภรรยาโจทก์ และต้องดูแลอาการป่วยของภรรยาโจทก์ กับโจทก์เข้าใจว่าในวันนัดดังกล่าวทนายโจทก์จะสืบพยานคนอื่นก่อน ส่วนโจทก์จะเข้าสืบในวันนัดภายหลัง โจทก์มิได้จงใจที่จะไม่มาศาลตามกำหนดนัด และโจทก์ไม่ทราบมาก่อนว่าทนายโจทก์ขอถอนตัวออกจากเป็นทนายให้โจทก์ กรณีดังกล่าวหากเป็นความจริงตามคำร้อง ของ โจทก์ก็ถือว่าโจทก์ได้แสดงให้ศาลเห็นได้ว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นด่วนวินิจฉัยสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียโดยไม่ไต่สวนนั้นเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3603/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์, เหตุสมควรไม่มาศาล, และการพิจารณาคดีโดยชอบด้วยกฎหมาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 200 กำหนดให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง ดังนี้เมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์จึงเป็นหน้าที่ของศาลที่จะส่งสำเนาให้จำเลยโดยตรง โจทก์ไม่จำต้องวางเงินค่าส่งสำเนาอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาการพิจารณาพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา200 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยชัดแจ้ง แต่เนื่องจากระยะเวลาที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนได้ล่วงเลยมาจนศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 181 กำหนดให้นำบทบัญญัติในมาตรา 139 และ 166 มาบังคับแก่การพิจารณาโดยอนุโลมดังนั้นศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะยกมาตรา 166 ดังกล่าวมาปรับแก่คดีในชั้นพิจารณาได้ โจทก์อ้างว่าในวันนัดสืบพยานโจทก์ ตัวโจทก์อยู่ที่จังหวัด สกลนคร เพื่อจัดการงานศพของมารดาภรรยาโจทก์ และต้องดูแลอาการป่วยของภรรยาโจทก์ กับโจทก์เข้าใจว่าในวันนัดดังกล่าวทนายโจทก์จะสืบพยานคนอื่นก่อน ส่วนโจทก์จะเข้าสืบในวันนัดภายหลัง โจทก์มิได้จงใจที่จะไม่มาศาลตามกำหนดนัด และโจทก์ไม่ทราบมาก่อนว่าทนายโจทก์ขอถอนตัวออกจากเป็นทนายให้โจทก์ กรณีดังกล่าวหากเป็นความจริงตามคำร้อง ของ โจทก์ก็ถือว่าโจทก์ได้แสดงให้ศาลเห็นได้ว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นด่วนวินิจฉัยสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียโดยไม่ไต่สวนนั้นเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอ: การพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ถึงที่สุดแล้ว
แม้คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์จะใช้แบบพิมพ์คำร้องเป็นคำฟ้องอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์ก็วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นข้ออื่น จึงมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยแล้วว่าเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายถึงขนาดที่จะรับไว้พิจารณาไม่ได้
อุทธรณ์ของโจทก์มิได้โต้เถียงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดไต่สวนและยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 215
อุทธรณ์ของโจทก์มิได้โต้เถียงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดไต่สวนและยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 215
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์เกินกรอบคำขอเดิม และคำสั่งศาลชั้นต้นที่ถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
แม้คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์จะใช้แบบพิมพ์คำร้องเป็นคำฟ้องอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์ก็วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นข้ออื่น จึงมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยแล้วว่าเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายถึงขนาดที่จะรับไว้พิจารณาไม่ได้ อุทธรณ์ของโจทก์มิได้โต้เถียงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดไต่สวนและยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 215.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4302/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องแล้วมีคำสั่งยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ทำให้ฎีกาเดิมไม่เป็นสาระ
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ และได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นด้วย ต่อมาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้อง ของ โจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ดังนี้ ไม่ว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องดังกล่าวจะชอบหรือไม่แต่ศาลชั้นต้นก็ได้มีคำสั่งให้ยกคดีของโจทก์ขึ้นพิจารณาใหม่แล้วฎีกาของโจทก์ในเรื่องที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3754/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการยกฟ้องคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่มาศาลตามนัด แม้จำเลยไม่มาด้วย
คดีอาญา โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาโดยไม่ปรากฏเหตุขัดข้อง ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องไปได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยจะมาศาลในวันนั้นด้วยหรือไม่ และจำเลยอยู่ในอำนาจศาลแล้วหรือไม่ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 และ 181 มีเจตนารมณ์เร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว มิให้มีการประวิงคดีจึงได้ กำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด มิฉะนั้นย่อมเสี่ยงต่อการที่จะถูกยกฟ้องอันเป็นผลเสียต่อคดีของโจทก์เอง กรณีเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับศาล หาได้เกี่ยวข้องกับจำเลยแต่ประการใดไม่
ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ในการขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า โจทก์จำเวลานัดคลาดเคลื่อนไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2530).
ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ในการขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า โจทก์จำเวลานัดคลาดเคลื่อนไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2530).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3754/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการยกฟ้องคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่มาศาลตามนัด โดยไม่ต้องเลื่อนคดีหรือออกหมายจับ
คดีอาญา โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาโดยไม่ปรากฏเหตุขัดข้อง ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องไปได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยจะมาศาลในวันนั้นด้วยหรือไม่ และจำเลยอยู่ในอำนาจศาลแล้วหรือไม่ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 และ 181 มีเจตนารมณ์เร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วมิให้มีการประวิงคดีจึงได้กำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด มิฉะนั้นย่อมเสี่ยงต่อการที่จะถูกยกฟ้องอันเป็นผลเสียต่อคดีของโจทก์เอง กรณีเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับศาล หาได้เกี่ยวข้องกับจำเลยแต่ประการใดไม่
ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ในการขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า โจทก์จำเวลานัดคลาดเคลื่อนไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2530).
ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ในการขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า โจทก์จำเวลานัดคลาดเคลื่อนไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2530).