พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,437 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขค่าเสียหายในคดีละเมิดเล็กน้อย: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ในคดีเรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทำการละเมิดจริงแต่ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพียง 1,000 บาทส่วนศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 3,646 บาท ตามคำฟ้องเช่นนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ (ฎีกาที่ 181/2492 ประชุมใหญ่) (ฎีกาที่ 1499/2498 และที่ 362/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดนัดชำระค่าเช่าและการคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า: หน้าที่ของผู้เช่าในการชำระค่าเช่า แม้เจ้าของบ้านเปลี่ยนเเปลง
เมื่อจำเลยจำต้องชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์หรือผู้ซื้อบ้านเช่าที่จำเลยเช่าอยู่ จำเลยก็ย่อมต้องขวนขวายตามสมควรในการส่งมอบค่าเช่าแก่ผู้รับหรือทนายไว้ให้ได้ มิฉะนั้นแล้วถ้าจำเลยค้างส่งค่าเช่า 2 เดือนติดกัน จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระค่าเช่าและการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า จำเลยต้องขวนขวายชำระค่าเช่า แม้จะยังไม่ทราบเจ้าของที่ชัดเจน
เมื่อจำเลยจำต้องชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์หรือผู้ซื้อบ้านเช่าที่จำเลยเช่าอยู่ จำเลยก็ย่อมต้องขวนขวายตามสมควรในการส่งมอบ ค่าเช่าแก่ผู้รับ หรือทนายไว้ให้ได้ มิฉะนั้นแล้ว ถ้าจำเลยค้างส่งค่าเช่า 2 เดือนติดกัน จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีเช่าต่ำกว่า 5,000 บาท และค่าเช่ารายเดือนไม่เกิน 2,000 บาท ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง
ในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีฟ้องขับไล่ออกจากห้องเช่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่ได้รับรองให้ เมื่อคดีมาถึงศาลฎีกาศาลฎีกาเห็นว่าเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224,247,248 ก็ไม่รับวินิจฉัยให้
คดีฟ้องขับไล่ออกจากที่เช่าและเรียกค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และคดีฟ้องขับไล่ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาทก็ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224,247 การที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าการเช่ามีเจตนาเพื่อการค้าหรือเพื่อการอยู่อาศัย เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คดีฟ้องขับไล่ออกจากที่เช่าและเรียกค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และคดีฟ้องขับไล่ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาทก็ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224,247 การที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าการเช่ามีเจตนาเพื่อการค้าหรือเพื่อการอยู่อาศัย เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีเช่าต่ำกว่าเกณฑ์ทุนทรัพย์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีฟ้องขับไล่ออกจากห้องเช่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่ได้รับรองให้ เมื่อคดีมาถึงศาลฎีกา ๆ เห็นว่าเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.แพ่ง ม.224, 247, 248 ก็ไม่รับวินิจฉัยให้
คดีฟ้องขับไล่ออกจากที่เช่า และเรียกค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.248 และคดีฟ้องขับไล่ออกจาก อสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ก็ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.แพ่ง ม.224, 247 , การที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าการเช่ามีเจตนาเพื่อการค้นหรือเพื่อการอยู่อาศัย เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.
คดีฟ้องขับไล่ออกจากที่เช่า และเรียกค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.248 และคดีฟ้องขับไล่ออกจาก อสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ก็ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.แพ่ง ม.224, 247 , การที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าการเช่ามีเจตนาเพื่อการค้นหรือเพื่อการอยู่อาศัย เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การยักยอกเงินต่างกรรมต่างวาระไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
แม้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 610/2495 ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำการยักยอกเงินอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในคดีนี้ด้วยก็ดี แต่เมื่อปรากฏว่าเงินที่จำเลยได้รับไว้ในคดีนี้จากบุคคลคนละคน คนละคราวต่างกรรมต่างวาระกัน ดังนี้ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
(ฎีกาที่ 1086/2496)
(ฎีกาที่ 1086/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การยักยอกเงินต่างกรรมต่างวาระ ไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
แม้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 610/2495 ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำการยักยอกเงินอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในคดีนี้ด้วยก็ดี แต่เมื่อปรากฏว่าเงินที่จำเลยได้รับไว้ในคดีนี้จากบุคคลคนละคน คนละคราวต่างกรรมต่างวาระกัน ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ (ฎีกาที่ 1086/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินค่าประปาของเทศบาล: เทศบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง
เทศบาลกู้เงินกระทรวงมหาดไทยมาดำเนินการทำน้ำประปากระทรวงมหาดไทยให้กู้และให้กรมโยธาเทศบาลจัดการทำน้ำประปาจนสามารถจำหน่ายให้ประชาชน แต่กรมโยธาเทศบาลยังคงเก็บค่าบริการน้ำประปาอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ต่อมาได้มอบหมายให้เทศบาลเก็บเงินเอง เทศบาลได้ให้คนงานเทศบาลไปเก็บเก็บได้แล้วมามอบให้จำเลย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในเทศบาล และรักษาการแทนปลัดเทศบาล จำเลยได้รับเงินเหล่านี้ไว้ แล้วยักยอกเอาเสีย เช่นนี้ถือว่าเทศบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกเงินค่าประปาของเทศบาล: เทศบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง
เทศบาลกู้เงินกระทรวงมหาดไทยมาดำเนินการทำน้ำประปา กระทรวงมหาดไทยให้กู้และให้กรมโยธาเทศบาลจัดการทำน้ำประปาจนสามารถจำหน่ายให้ประชาชน แต่กรมโยธาเทศบาลยังคงเก็บค่าบริการน้ำประปาอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ต่อมาได้มอบหมายให้เทศบาลเก็บเงินเอง เทศบาลได้ให้คนงานเทศบาลไปเก็บ เก็บได้แล้วมามอบให้จำเลย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในเทศบาล และรักษาการแทนปลัดเทศบาล จำเลยได้รับเงินเหล่านี้ไว้ แล้วยักยอกเอาเสียเช่นนี้ถือว่าเทศบาลเป็นผู้เสียหายโดยตรง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงและการไม่แจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบ ไม่ถึงขั้นเป็นเหตุให้ขับไล่ได้ หากไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน
เมื่อผู้เช่าและผู้ให้เช่าเรือนและบริเวณตกลงกันไว้ในสัญญาเช่าว่า ผู้ให้เช่าอนุญาตให้ผู้เช่าทำการเช่าช่วงได้แต่เมื่อผู้เช่าให้ผู้ใดเช่าช่วงแล้วต้องบอกกล่าวให้ผู้ให้เช่าทราบทุกคราวไปที่มีการเช่าช่วง เช่นนี้แม้เมื่อผู้เช่าให้เช่าช่วงไปแล้วจะมิได้บอกกล่าวให้ผู้ให้เช่าทราบก็ยังถือว่าผู้เช่าไม่ผิดสัญญา เพราะการที่ไม่บอกนั้นไม่เป็นสาระสำคัญถึงกับจะทำให้สัญญาเช่าเสียไปอย่างใด