คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มนูภันย์วิมลสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,437 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้: หนี้เดิมระงับเมื่อทำสัญญากู้ใหม่ สัญญาซื้อขายเดิมใช้ไม่ได้
หนี้เดิมเป็นการตกลงซื้อขายที่ดินกัน ฝ่ายจำเลยไม่มีเงินพอจะจ่ายได้ครบตามจำนวนเงินที่ได้ตกลงซื้อขาย จึงตกลงทำสัญญากู้ขึ้นเฉพาะจำนวนเงินที่ยังขาด ถือว่าเป็นการแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ หนี้เดิม(จำนวนเงินที่ยังขาด) จึงเป็นอันระงับสิ้นไปด้วย การแปลงหนี้ใหม่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349
จำเลยจะอาศัยสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินไปครบถ้วนแล้ว มาเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องชำระเงินตามสัญญากู้ที่แปลงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะหนี้เก่าได้แปลงเป็นหนี้ใหม่แล้ว หนี้เก่าหรือหนี้เดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตาม กฎหมายแล้ว แต่มีหนี้ใหม่เข้ามาแทนหาได้ระงับสิ้นไปด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้: หนี้เดิมระงับเมื่อทำสัญญากู้ใหม่แทน
หนี้เดิมเป็นการตกลงซื้อขายที่ดินกัน ฝ่ายจำเลยไม่มีเงินพอจะจ่ายได้ครบตามจำนวนเงินที่ได้ตกลงซื้อขาย จึงตกลงทำสัญญากู้ขึ้นเฉพาะจำนวนเงินที่ยังขาด ถือว่าเป็นการแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ หนี้เดิม(จำนวนเงินที่ยังขาด) จึงเป็นอันระงับสิ้นไปด้วย การแปลงหนี้ใหม่ตาม ป.พ.พ.ม.349
จำเลยจะอาศัยสัญญาชื้อขายที่ดินซึ่งปรากฎว่าโจทก์ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินไปครบถ้วนแล้ว มาเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องชำระเงินตามสัญญากู้ที่แปลงขึ้นใหม่มาได้ไม่ เพราะหนี้เก่าได้แปลงเป็นหนี้ใหม่แล้ว หนี้เก่าหนี้เดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตาม ก.ม.แล้ว แต่มีหนี้ใหม่เข้ามาแทนหาได้ระงับสิ้นไปด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้: หนี้เดิมระงับสิ้นเมื่อทำสัญญากู้ใหม่แทน
หนี้เดิมเป็นการตกลงซื้อขายที่ดินกัน ฝ่ายจำเลยไม่มีเงินพอจะจ่ายได้ครบตามจำนวนเงินที่ได้ตกลงซื้อขาย จึงตกลงทำสัญญากู้ขึ้นเฉพาะจำนวนเงินที่ยังขาด ถือว่าเป็นการแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ หนี้เดิม(จำนวนเงินที่ยังขาด) จึงเป็นอันระงับสิ้นไปด้วย การแปลงหนี้ใหม่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349
จำเลยจะอาศัยสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินไปครบถ้วนแล้ว มาเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องชำระเงินตามสัญญากู้ที่แปลงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะหนี้เก่าได้แปลงเป็นหนี้ใหม่แล้ว หนี้เก่าหรือหนี้เดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตาม กฎหมายแล้ว แต่มีหนี้ใหม่เข้ามาแทนหาได้ระงับสิ้นไปด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทำประโยชน์เป็นหลักฐานสำคัญ การขึ้นบัญชีสำรวจและเสียค่าบำรุงท้องที่มิใช่การครอบครองตามกฎหมาย
การขึ้นบัญชีสำรวจและการเสียค่าบำรุงท้องที่เป็นแต่เพียงข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอันจะแสดงว่าได้มีการครอบครองทำประโยชน์หรือไม่เท่านั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติโดยตรงว่าเป็นการครอบครองตาม กฎหมาย
แม้จะเป็นผู้มีชื่อในบัญชีสำรวจและเป็นผู้เสียค่าบำรุงท้องที่ก็ตามแต่ไม่ได้ครอบครองที่นั้นๆแล้วก็หาได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองและหามีสิทธิดีกว่าผู้ที่ครอบครองโดยแท้จริงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทำประโยชน์ การขึ้นบัญชีสำรวจและค่าบำรุงท้องที่มิใช่หลักฐานการครอบครอง
การขึ้นบัญชีสำรวจและการเสียค่าบำรุงท้องที่เป็นแต่เพียงข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอันจะแสดงว่าได้มีการครอบครองทำประโยชน์หรือไม่เท่านั้น ไม่มีก.ม.บัญญัติโดยตรงว่าเป็นการครอบครองตาม ก.ม.
แม้จะเป็นผู้มีชื่อในบัญชีสำรวจและเป็นผู้เสียค่าบำรุงท้องที่ก็ตามแต่ไม่ได้ครอบครองที่นั้น ๆ แล้วก็หาได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองและหามีสิทธิดีกว่าผู้ที่ครอบครองโดยแท้จริงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทำประโยชน์เป็นหลักฐานสำคัญในการได้มาซึ่งสิทธิในที่ดิน การขึ้นบัญชีสำรวจและเสียค่าบำรุงท้องที่มิใช่การครอบครองตามกฎหมาย
การขึ้นบัญชีสำรวจและการเสียค่าบำรุงท้องที่เป็นแต่เพียงข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอันจะแสดงว่าได้มีการครอบครองทำประโยชน์หรือไม่เท่านั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติโดยตรงว่าเป็นการครอบครองตาม กฎหมาย
แม้จะเป็นผู้มีชื่อในบัญชีสำรวจและเป็นผู้เสียค่าบำรุงท้องที่ก็ตามแต่ไม่ได้ครอบครองที่นั้นๆแล้วก็หาได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองและหามีสิทธิดีกว่าผู้ที่ครอบครองโดยแท้จริงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบคิดฆ่าผู้อื่น: การกระทำร่วมกับผู้ลงมือ และความสัมพันธ์กับผู้ตายเป็นหลักฐาน
จำเลยได้ไปกับพวกอีกคนหนึ่ง แล้วพวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยกับพวกก็พากันวิ่งหนีไปด้วยกัน จำเลยเป็นคนมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน ก่อนเกิดเหตุพวกจำเลยคนนั้นก็นั่งคุยอยู่ที่เรือนจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานสมคบกับพวกฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบคิดฆ่าผู้อื่น: การกระทำร่วมกับผู้ลงมือ และพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุเป็นหลักฐาน
จำเลยได้ไปกับพวกอีกคนหนึ่ง แล้วพวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยกับพวกก็พากันวิ่งหนีไปด้วยกัน จำเลยเป็นคนมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน ก่อนเกิดเหตุพวกจำเลยคนนั้นก็นั่งคุยอยู่ที่เรือนจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานสมคบกับพวกฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบคิดฆ่าผู้อื่น: พฤติการณ์ร่วมกระทำความผิดและมีสาเหตุโกรธเคือง
จำเลยได้ไปกับพวกอีกคนหนึ่ง แล้วพวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยกับพวกก็พากันวิ่งหนีไปด้วยกัน จำเลยเป็นคนมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน ก่อนเกิดเหตุพวกจำเลยคนนั้นก็นั่งคุยอยู่ที่เรือนจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานสมคบกับพวกฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จต้องมีเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียหาย หากสุจริตไม่มีความผิด แม้จะมีการแจ้งความจับกุม
แจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา มาตรา 158 นั้นผู้แจ้งต้องมีเจตนาแจ้งเท็จให้ผู้อื่นเสียหายจึงจะมีความผิด
โจทก์กับบิดาจำเลยทำสัญญาซื้อสวนยางพิพาทกัน ที่สุดสัญญาต้องเลิกเพราะสามีโจทก์เป็นคนต่างด้าว โจทก์ต้องคืนสวนยาง บิดาจำเลยต้องคืนมัดจำตามที่ตกลงกัน แต่โจทก์ถือว่าโจทก์ยังมีสิทธิตัดยางอยู่เพราะยังไม่ได้คืนมัดจำ และจำเลยได้ไปแจ้งตำรวจจับโจทก์หาว่าลักตัดยางของบิดาตามที่บิดาใช้ไปภายหลังที่โจทก์ได้ทราบว่าไม่มีสิทธิซื้อและต้องคืนสวนยางแล้ว เช่นนี้เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเข้าใจโดยสุจริตหาได้เจตนาแจ้งความเท็จให้โจทก์เสียหายไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158
of 344