พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,437 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประเด็นข้อเท็จจริงจำกัดขอบเขตการวินิจฉัย ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นนอกข้อตกลง
การที่ "คู่ความตกลงกันสืบข้อเท็จจริงในประเด็นเพียงข้อเดียวว่าโจทก์ได้ชำระเงินค่าไถ่ถอนที่พิพาทให้แก่นายหมาบิดาจำเลยแล้วหรือยังถ้าฟังข้อเท็จจริงว่าชำระแล้วให้โจทก์ชนะคดี ถ้ายังไม่ชำระให้ยกฟ้อง"ดังนี้ก็มีข้อที่พึงวินิจฉัยเฉพาะข้อที่ตกลงกันไว้เพียงข้อเดียวเท่านั้น
ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทราบว่าโจทก์รบกวนสิทธิตั้งแต่เดือนกันยายน 2495 แล้วเพิกเฉยไม่จัดการฟ้องร้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนภายใน 1 ปี จำเลยย่อมขาดสิทธิในที่พิพาทนั้น เป็นเรื่องที่จะฟังข้อเท็จจริงว่าอย่างไร หาใช่เป็นข้อกฎหมายดังโจทก์อ้างไม่ และเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ตกลงกันไว้ ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทราบว่าโจทก์รบกวนสิทธิตั้งแต่เดือนกันยายน 2495 แล้วเพิกเฉยไม่จัดการฟ้องร้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนภายใน 1 ปี จำเลยย่อมขาดสิทธิในที่พิพาทนั้น เป็นเรื่องที่จะฟังข้อเท็จจริงว่าอย่างไร หาใช่เป็นข้อกฎหมายดังโจทก์อ้างไม่ และเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ตกลงกันไว้ ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นสินเดิมและการครอบครองปรปักษ์ในคดีทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นสินเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทจะเป็นสินเดิมของโจทก์หรือไม่จำเลยไม่ทราบ เช่นนี้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ โจทก์ต้องนำสืบว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินเดิมของโจทก์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่ดินสินเดิมและการสันนิษฐานตามกฎหมายเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ
โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นสินเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทจะเป็นสืบเดิมของโจทก์หรือไม่จำเลยไม่ทราบเช่นนี้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ ๆ ต้องนำสืบว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินเดิมของโจทก์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2498)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะสินเดิมและผลของการไม่นำสืบพยานตามกฎหมายแพ่ง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นสินเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทจะเป็นสินเดิมของโจทก์หรือไม่จำเลยไม่ทราบ เช่นนี้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ โจทก์ต้องนำสืบว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินเดิมของโจทก์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษทางอาญาตามมาตรา 73 ต้องพิสูจน์การพ้นโทษครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้งครั้งแรกจำคุก 4 ปีฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามคดีแดงที่ 541/2491 ครั้งที่2 จำคุก 6 เดือนฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน พ้นโทษไปเมื่อ พ.ศ.2495 มากระทำผิดในคดีนี้ภายใน 3 ปี ไม่เข็ดหลาบขอให้เพิ่มโทษตาม กฎหมายอาญา มาตรา 73 ด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องตลอดจนข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ ดังนี้โทษเก่าครั้งหลังเพียง 6 เดือนย่อมเพิ่มโทษตามมาตรา 73 ไม่ได้ และเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใดโจทก์กล่าวเพียงว่าจำเลยต้องโทษตามคดีแดงที่ 541/2491 จึงพอหมายความได้เพียงว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุก 4 ปี จริง แต่ทราบไม่ได้ว่าพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใด ข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใดแน่ จำเลยอาจพ้นโทษครั้งแรกเกิน 3 ปี ก็เป็นได้ ฉะนั้นจะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 73 ไม่ได้
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องตลอดจนข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ ดังนี้โทษเก่าครั้งหลังเพียง 6 เดือนย่อมเพิ่มโทษตามมาตรา 73 ไม่ได้ และเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใดโจทก์กล่าวเพียงว่าจำเลยต้องโทษตามคดีแดงที่ 541/2491 จึงพอหมายความได้เพียงว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุก 4 ปี จริง แต่ทราบไม่ได้ว่าพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใด ข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใดแน่ จำเลยอาจพ้นโทษครั้งแรกเกิน 3 ปี ก็เป็นได้ ฉะนั้นจะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 73 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษอาญา ม.73 ต้องพิสูจน์ระยะเวลาพ้นโทษครั้งแรก หากไม่ชัดเจนศาลไม่สามารถเพิ่มโทษได้
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ๆ แรกจำคุก 4 ปี ฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามคดีแดงที่ 541/2491 ครั้งที่ 2 จำคุก 6 เดือน ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานพ้นโทษไปเมื่อ พ.ศ. 2495 มากระทำผิดในคดีนี้ภายใน 3 ปี ไม่เข็ดหลาบขอให้เพิ่มโทษตาม ก.ม.อาญา ม.73 ด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องตลอดจนข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ ดังนี้โทษเก่าครั้งหลังเพียง 6 เดือน ย่อมเพิ่มโทษตามม.73 ไม่ได้ และเมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใดโจทก์กล่าวเพียงว่าจำเลยเคยต้องโทษตามคดีแดงที่ 541/2491 จึงพอหมายความได้เพียงจำเลยเคยต้องโทษจำคุก 4 ปีจริง แต่ทราบไม่ได้ว่าพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใด ข้อเท็จจริงที่ปรากฎยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใดแน่ จำเลยอาจพ้นโทษครั้งแรกเกิน 3 ปี ก็เป็นได้ ฉนั้น จะเพิ่มโทษจำเลยตาม ม.73 ไม่ได้
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องตลอดจนข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ ดังนี้โทษเก่าครั้งหลังเพียง 6 เดือน ย่อมเพิ่มโทษตามม.73 ไม่ได้ และเมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใดโจทก์กล่าวเพียงว่าจำเลยเคยต้องโทษตามคดีแดงที่ 541/2491 จึงพอหมายความได้เพียงจำเลยเคยต้องโทษจำคุก 4 ปีจริง แต่ทราบไม่ได้ว่าพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใด ข้อเท็จจริงที่ปรากฎยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษครั้งแรกเมื่อใดแน่ จำเลยอาจพ้นโทษครั้งแรกเกิน 3 ปี ก็เป็นได้ ฉนั้น จะเพิ่มโทษจำเลยตาม ม.73 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความใบมอบอำนาจและการขอบเขตฟ้องร้อง: ใบมอบอำนาจจัดการทรัพย์สินไม่มีอายุความตราบใดที่ยังตกลงกันอยู่ และฟ้องร้องต้องพิจารณาจากรายละเอียดในฟ้อง
การที่ผู้มอบทำใบมอบอำนาจให้ผู้รับมอบจัดการเกี่ยวกับแก่ทรัพย์สินตลอดจนฟ้องคดีโดยทั่ว ๆ ไปเช่นนี้ ไม่มีกำหนดอายุความตราบใดที่ยังตกลงมอบและรับมอบอำนาจกันอยู่ต่อไปย่อมใช้ได้และเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวแก่การใช้สิทธิเรียกร้อง จะยกอายุความทั่วไป 10 ปีมาใช้บังคับไม่ได้
แม้ในฟ้องโจทก์จะบรรยายว่าจำเลยกู้เงินโจทก์แต่เมื่อพิจารณาฟ้องโดยละเอียดแล้วเข้าใจว่าโจทก์เพียงเรียกเงินที่จำเลยกู้จากผู้มอบอำนาจไม่ใช่เรียกเงินที่จำเลยกู้ตัวโจทก์ผู้รับมอบอำนาจเอง ปรากฎชัดตามสำเนากู้ท้ายฟ้องว่าจำเลยกู้เงินหลวงสิทธิผู้มอบอำนาจ ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้
แม้ในฟ้องโจทก์จะบรรยายว่าจำเลยกู้เงินโจทก์แต่เมื่อพิจารณาฟ้องโดยละเอียดแล้วเข้าใจว่าโจทก์เพียงเรียกเงินที่จำเลยกู้จากผู้มอบอำนาจไม่ใช่เรียกเงินที่จำเลยกู้ตัวโจทก์ผู้รับมอบอำนาจเอง ปรากฎชัดตามสำเนากู้ท้ายฟ้องว่าจำเลยกู้เงินหลวงสิทธิผู้มอบอำนาจ ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: การเปลี่ยนแปลงสถานะจากผู้เช่าเป็นผู้ครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้อง
โจทก์เถียงว่าจำเลยทำนาโจทก์โดยการเช่า แม้สัญญาเช่าจะสิ้นแล้วแต่จำเลยยังคงทำต่อมา เช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยได้เช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดและจำเลยครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ใช่เพื่อตนเอง จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิ แต่คดีได้ความว่าชั้นต้นจำเลยเช่าแต่ตอนหลังโจทก์จะไปเก็บค่าเช่า จำเลยไม่ยอมให้ทั้งบอกว่าเป็นที่ของจำเลยมิได้เช่าจากโจทก์แล้ว ดังนี้ก็เป็นการแสดงว่าจำเลยถือตนว่าเป็นเจ้าของนานั้น และไม่ยอมตนว่าเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์ฐานผู้เช่าต่อไปแล้ว (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381) โจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เมื่อโจทก์ไม่ฟ้องภายในกำหนดคดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: การแสดงเจตนาเป็นเจ้าของตัดสิทธิผู้ให้เช่า แม้จะเคยเช่ามาก่อน
โจทก์เถียงว่าจำเลยทำนาโจทก์โดยการเช่า แม้สัญญาเช่าจะสิ้นแล้วแต่จำเลยยังคงทำต่อมาเช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยได้เช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดและจำเลยครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ใช่เพื่อตนเอง จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิ แต่คดีได้ความว่าชั้นต้นจำเลยเช่าแต่ตอนหลังโจทก์จะไปเก็บค่าเช่าจำเลยไม่ยอมให้ ทั้งบอกว่าเป็นที่ของจำเลยมิได้เช่าจากโจทก์แล้ว ดังนี้ก็เป็นการแสดงว่าจำเลยถือตนว่าเป็่นเจ้าของนานั้น และไม่ยอมตนว่าเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์ฐานผู้เช่าต่อไปแล้ว (ป.พ.พ.ม. 1381) โจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตาม ป.พ.พ.ม. 1375 เมื่อโจทก์ไม่ฟ้องภายในกำหนดคดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายสินค้าไม่ตรงตามตัวอย่าง และสิทธิในการฟ้องคดี แม้มีข้อตกลงเรื่องอนุญาโตตุลาการ
เมื่อข้อความในสัญญาเป็นแต่กล่าวไว้ว่าถ้าจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายทดแทนอย่างใดๆ จะต้องกระทำภายใน 3 วันนับจากวันที่สินค้ามาถึง และในการเรียกร้องค่าเสียหายทดแทนนั้นถ้าจำต้องมอบเรื่องให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามคำตัดสินชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและคำชี้ขาดนั้นจะผูกพันคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ดังนี้ไม่ปรากฏว่ามีข้อความใดบังคับว่าคู่กรณีจำต้องมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดทุกกรณีไป เพราะข้อสัญญานั้นกล่าวแต่ว่าถ้ามอบเรื่องให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดแล้วคู่กรณีจะปฏิบัติตามคำชี้ขาดนั้นๆ เท่านั้น สัญญาดังกล่าวจึงไม่ตัดสิทธิคู่กรณีที่จะนำคดีมาฟ้องศาล