พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,437 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจเทศบาลในการออกเทศบัญญัติเกี่ยวกับท่าเทียบเรือเอกชน และการจำกัดสิทธิโดยเทศบัญญัติ
เทศบัญญัติของเทศบาลเมืองตะกั่วป่าเรื่องสพานท่าเทียบเรือสาธารณ 2493 ลงวันที่ 4 ม.ค.2494 ข้อ 6 ป.วิธีพิจารณาแพ่ง ม.142(5)
ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อศาลเห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัยก็ได้
เทศบาลจะมีอำนาจตราเทศบัญญัติเรื่องสพานท่าเทียบเรือสาธารณะได้ก็แต่ภายในขอบเขตต์อำนาจของตนโดยไม่ขัดหรือแย้งต่อกฎหมาย
พ.ร.บ. เทศบาล 2486 มาตรา 70 เพียงแต่ให้อำนาจเทศบาลกระทำกิจการใด ๆ ภายในเขตต์เทศบาลเช่นให้มี ฯลฯ ท่าเทียบเรือ ฯลฯเท่านั้น ดังนี้ เทศบาลไม่มีอำนาจออกเทศบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างหรือทำให้เกิดสิ่งกีดขวางขึ้นลงและไปมาในเขตต์ท่าของเทศบาลภายในรัศมี 500 เมตร ดังนี้แม้จำเลยจะได้ปลูกสร้างท่าเทียบเรือขึ้นภายในรัศมีดังกล่าว ก็ไม่ผิดเพราะเทศบัญญัตินั้นไม่มีผลใช้บังคับ
ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อศาลเห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัยก็ได้
เทศบาลจะมีอำนาจตราเทศบัญญัติเรื่องสพานท่าเทียบเรือสาธารณะได้ก็แต่ภายในขอบเขตต์อำนาจของตนโดยไม่ขัดหรือแย้งต่อกฎหมาย
พ.ร.บ. เทศบาล 2486 มาตรา 70 เพียงแต่ให้อำนาจเทศบาลกระทำกิจการใด ๆ ภายในเขตต์เทศบาลเช่นให้มี ฯลฯ ท่าเทียบเรือ ฯลฯเท่านั้น ดังนี้ เทศบาลไม่มีอำนาจออกเทศบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างหรือทำให้เกิดสิ่งกีดขวางขึ้นลงและไปมาในเขตต์ท่าของเทศบาลภายในรัศมี 500 เมตร ดังนี้แม้จำเลยจะได้ปลูกสร้างท่าเทียบเรือขึ้นภายในรัศมีดังกล่าว ก็ไม่ผิดเพราะเทศบัญญัตินั้นไม่มีผลใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเบิกความเท็จไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ได้นำความเท็จมาเบิกความ
โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานเบิกความเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.155 โดยไม่ได้กล่าวว่าจำเลยนำความที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่สมบูรณ์ของฟ้องเบิกความเท็จเนื่องจากขาดองค์ประกอบสำคัญ
โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานเบิกความเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 155 โดยไม่ได้กล่าวว่า จำเลยนำความที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จมาเบิกความ เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การใช้กำลังเพื่อป้องกันการประทุษร้ายที่เกิดขึ้นทันที
ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนและที่สุดท้าทายจะทำร้ายจำเลยก่อน ดังนี้แม้จะปรากฎว่าจำเลยว่า เอาก็เอาเป็นทำนองสมัครใจกระทำร้ายกันแต่จำเลยก็ยังยืนอยู่เฉย มิได้เตรียมการจะต่อสู้ ต่อเมื่อผู้ตายตีจำเลยด้วยไม้ตะบองและยังจะตีซ้ำอีกจำเลยจึงใช้มีดฟันเอาที่หนึ่งแล้วมิได้ซ้ำอีก เช่นนี้เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การใช้กำลังเพื่อตอบโต้การประทุษร้ายจากผู้อื่น โดยผู้ถูกทำร้ายเป็นผู้เริ่มก่อเหตุ
ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนและที่สุดท้าทายจะทำร้ายจำเลยก่อนดังนี้แม้จะปรากฏว่าจำเลยว่า เอาก็เอา เป็นทำนองสมัครใจกระทำร้ายกัน แต่จำเลยก็ยังยืนอยู่เฉย มิได้เตรียมการจะต่อสู้ ต่อเมื่อผู้ตายตีจำเลยด้วยไม้ตะบองและยังจะตีซ้ำอีกจำเลยจึงใช้มีดฟันเอาทีหนึ่งแล้วมิได้ซ้ำอีก เช่นนี้เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่ผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำไม้เคลื่อนที่ต้องมีใบเบิกทางเมื่อเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 38 เท่านั้น
การนำไม้เคลื่อนที่ที่จะต้องมีใบเบิกทางตามความใน มาตรา39นั้น คือการนำเคลื่อนที่ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 38
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำไม้สักเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางตาม มาตรา 39 แต่ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏข้อความตาม มาตรา 38 แต่ประการใดเลย ดังนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำไม้สักเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางตาม มาตรา 39 แต่ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏข้อความตาม มาตรา 38 แต่ประการใดเลย ดังนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำไม้เคลื่อนที่ต้องมีใบเบิกทางเมื่อมีเหตุตาม ม.38 ซึ่งฟ้องไม่ระบุรายละเอียด ทำให้การฟ้องไม่ชอบ
การนำไม้เคลื่อนที่ที่จะต้องมีใบเบิกทางตามความใน ม.39 นั้นคือการนำเคลื่อนที่ตามที่บัญญัติไว้ใน ม.38
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำไม้สักเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางตาม ม. 39 แต่ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฎข้อความตาม ม.38 แต่ประการใดเลยดังนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำไม้สักเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางตาม ม. 39 แต่ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฎข้อความตาม ม.38 แต่ประการใดเลยดังนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินกว่าเหตุและการลดโทษในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 249,53 ให้จำคุก 20 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยผิดตาม มาตรา249,53 เช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่แก้อัตราโทษเป็นจำคุกจำเลยไว้เพียง 6 ปีและลดตามมาตรา 59 อีกคงเหลือโทษจำคุกเพียง 4 ปี เช่นนี้เป็นการแก้มาก ฎีกาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินกว่าเหตุในคดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์ลดโทษโดยใช้ดุลยพินิจ
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ม.+,53 ให้จำคุก 20ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ม.249,53 เช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่แก้อัตราโทษเป็นจำคุกจำเลยไว้เพียง 6ปี และลดตาม ม.59 อีกคงเหลือโทษจำคุกเพียง 4 ปี เช่นนี้เป็นการแก้มาก ฎีกาได้ไม่ต้องห้าม ตาม ป.วิ.อาญา ม. 218.(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การฎีกาที่ไม่ชัดเจนประเด็นข้อกฎหมาย แม้รับสารภาพผิด
ข้อกฎหมายทั้งปวงอันคู่ความฎีการ้องอ้างอิงให้แสดงไว้โดยชัดเจนในฎีกา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2,3 อีกฝ่ายหนึ่งวิวาทกันถึงบาดเจ็บขอให้ลงโทษตาม มาตรา 254,338 จำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา 254ปรับ 80 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยทั้ง 3 มีบาดเจ็บ ดังนี้จำเลยจะฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 338 บทเดียวโดยกล่าวอ้างถึงตัวจำเลยว่าแพทย์ออกความเห็นว่ารักษาไม่เกิน 1 วันหาย ไม่ใช่หมายถึงผู้ถูกทำร้าย (ตามมาตรา338) และอ้างว่าจำเลยเป็นนักศึกษา ดังนี้เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เพราะไม่ชัดเจนว่าฎีกาในข้อกฎหมายข้อไหนอย่างไร (จะค้านว่าบาดแผลอีกฝ่ายคือจำเลย 2,3 ไม่ถึงบาดเจ็บก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามจะค้านว่าที่ศาลล่างฟังว่าบาดแผลอีกฝ่ายบาดเจ็บนั้นโดยข้อกฎหมายแล้วถือว่าไม่ถึงบาดเจ็บอาศัย กฎหมายข้อใด อย่างใดจำเลยไม่ได้กล่าว)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2,3 อีกฝ่ายหนึ่งวิวาทกันถึงบาดเจ็บขอให้ลงโทษตาม มาตรา 254,338 จำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา 254ปรับ 80 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยทั้ง 3 มีบาดเจ็บ ดังนี้จำเลยจะฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 338 บทเดียวโดยกล่าวอ้างถึงตัวจำเลยว่าแพทย์ออกความเห็นว่ารักษาไม่เกิน 1 วันหาย ไม่ใช่หมายถึงผู้ถูกทำร้าย (ตามมาตรา338) และอ้างว่าจำเลยเป็นนักศึกษา ดังนี้เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เพราะไม่ชัดเจนว่าฎีกาในข้อกฎหมายข้อไหนอย่างไร (จะค้านว่าบาดแผลอีกฝ่ายคือจำเลย 2,3 ไม่ถึงบาดเจ็บก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามจะค้านว่าที่ศาลล่างฟังว่าบาดแผลอีกฝ่ายบาดเจ็บนั้นโดยข้อกฎหมายแล้วถือว่าไม่ถึงบาดเจ็บอาศัย กฎหมายข้อใด อย่างใดจำเลยไม่ได้กล่าว)