คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มนูภันย์วิมลสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,437 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ฎีกาเฉพาะจำเลยบางราย และไม่สามารถส่งสำเนาฟ้องฎีกาให้จำเลยได้
เมื่อส่งสำนวนฟ้องฎีกาให้จำเลยไม่ได้ ศาลก็มีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในคดีซึ่งศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารจ่ายเช็คที่ถูกแก้ไข สุจริต-ประมาทเลินเล่อ ไม่ต้องรับผิด
เช็คที่ไม่ปรากฎว่ามีรอยขีดคร่อมอันได้ลบล้างหรือแก้ไยเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเป็นประการอื่น ถ้าธนาคารใช้เงินไปโดยสุจริตและปราศจากการประมาทเลินเล่อย่อมไม่ต้องรับผิด
ระหว่างธนาคารผู้จ่ายเงินกับผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมีความผูกพันกันตามสัญญาที่เคยค้าอาศัยในการสั่งจ่ายเงินอยู่ด้วย ฉะนั้นเมื่อผู้สั่งจ่ายเช็คมีคำสั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน 60,000 บาท แม้จะมีผู้แก้จำนวนเงินเป็น 50,000 บาท และธนาคารจ่ายไปตามนั้นก็ไม่เป็นการปฏิบัตินอกเหนือคำสั่ง
เช็ค+ลงวันที่ ๆ ออกเช็คแต่เช็คที่ลงวันที่ล่วงหน้าก็หาเสียไปไม่
ธนาคารย่อมจะต้องใช้เงินในทันทีที่มีผู้นำเช็คมาเบิกเงินเว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตาม ม.991,992, ฉะนั้นเมื่อไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่าเช็คนั้นลงวันที่ล่วงหน้าแล้วมีผู้แก้วันที่ร่นเข้ามาและนำมาเบิกเงินธนาคารได้จ่ายเงินไปโดยสุจริตปราศจากความประมาทเลินเล่อย่อมไม่ต้องรับผิด
ประเด็นข้อสุจริตหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่โจทก์ผู้กล่าวอ้างต้องนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารจ่ายเช็คที่มีการแก้ไข หากสุจริตและไม่มีประมาทเลินเล่อ ไม่ต้องรับผิด
เช็คที่ไม่ปรากฏว่ามีรอยขีดคร่อมอันได้ลบล้างหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเป็นประการอื่น ถ้าธนาคารใช้เงินไปโดยสุจริตและปราศจากการประมาทเลินเล่อย่อมไม่ต้องรับผิด
ระหว่างธนาคารผู้จ่ายเงินกับผู้สั่งจ่าย เช็คนั้นมีความผูกพันกันตามสัญญาที่เคยค้าอาศัยในการสั่งจ่ายเงินอยู่ด้วย ฉะนั้นเมื่อผู้สั่งจ่ายเช็คมีคำสั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน 60,000 บาท แม้จะมีผู้แก้จำนวนเงินเป็น 50,000 บาท และธนาคารจ่ายไปตามนั้นก็ไม่เป็นการปฏิบัตินอกเหนือคำสั่ง
เช็คต้องลงวันที่ ที่ออกเช็ค แต่เช็คที่ลงวันที่ล่วงหน้าก็หาเสียไปไม่
ธนาคารย่อมจะต้องใช้เงินในทันทีที่มีผู้นำเช็คมาเบิกเงินเว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 991,992 ฉะนั้นเมื่อไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่าเช็คนั้นลงวันที่ล่วงหน้าแล้วมีผู้แก้วันที่ร่นเข้ามาและนำมาเบิกเงินธนาคารได้จ่ายเงินไปโดยสุจริตปราศจากความประมาทเลินเล่อย่อมไม่ต้องรับผิด
ประเด็นข้อสุจริตหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่โจทก์ผู้กล่าวอ้างต้องนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตออกใบสั่งจ่ายเกินจำนวนจริง และยักยอกทรัพย์ของรัฐ
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสังกัดกรมการสัตว์ทหารลก จำเลยที่ 1 เป็นผู้แก้เลขจำนวนของ(ผ้าสีกาดีนวล) ในต้นขั้วใบสั่งจ่าย (จาก 107 ผืนเป็น 307 ผืน) และจำเลยที่ 1 ได้ยักยอกผ้ากากีนวลปุนอนที่เจ้าหน้าที่กองคลังจ่ายเกิน(200 ฝืนตามจำนวนที่แก้) จากฎีกาที่ตั้งเบิกไปนั้นเสีย ดังนี้เมื่อจำเลยที่ 3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและจดบัญชีสิ่งของ( แอ๊กมี่ 2) กับเขียนต้นขั้วใบสั่งจ่ายของ ใบนำออกและใบสั่งจ่ายเป็นเงิน 5,176 บาทอันเป็นราคาของผ้าจำนวน 307 ผืนตั้งแต่แรก และเมื่อลงบัญชีแอ๊กมี่ 2 จำเลยที่ 3 ยังเอาความเท็จมาแทงจำหน่ายว่าได้จ่ายผ้าให้กรมการสัตว์ทหารบกไป 307 ผืนราคา 5,176 บาทให้ตรงกันอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัวดังนี้จำเลยที่ 3 ได้ชื่อว่าสมคบจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา(ที่ 2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่ 2 ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด ๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้อหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกับผู้ซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 คาน ม.230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วย ม.89 พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริต, ยักยอกทรัพย์, จดทะเบียนเท็จ: ความผิดตามมาตรา 230 และการสมคบกระทำผิด
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสังกัดกรมการสัตว์ทหารบก จำเลยที่ 1 เป็นผู้แก้เลขจำนวนของ(ผ้าสีกากีนวล) ในต้นขั้วใบสั่งจ่าย(จาก 107 ผืนเป็น 307 ผืน) และจำเลยที่ 1 ได้ยักยอกผ้ากากีนวลปูนอนที่เจ้าหน้าที่กองคลังจ่ายเกิน (200 ผืนตามจำนวนที่แก้) จากฎีกาที่ตั้งเบิกไปนั้นเสีย ดังนี้เมื่อจำเลยที่3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและจดบัญชีสิ่งของ(แอ๊กมี่2) กับเขียนต้นขั้วใบสั่งจ่ายใบสั่งจ่ายของ ใบนำออกและใบแจ้งจำนวนได้คิดราคาผ้าใส่ไว้ในต้นขั้วใบสั่งจ่ายและใบสั่งจ่ายเป็นเงิน 5076 บาทอันเป็นราคาของผ้าจำนวน 307 ผืนตั้งแต่แรก และเมื่อลงบัญชีแอ๊กมี่2จำเลยที่ 3 ยังเอาความเท็จมาแทงจำหน่ายว่าได้จ่ายผ้าให้กรมการสัตว์ทหารบกไป 307 ผืนราคา 5,176 บาท ให้ตรงกันอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัว ดังนี้จำเลยที่ 3 ได้ชื่อว่าสมคบกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา (ที่2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่2ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้ จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกันซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 89 พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของคู่สัญญาแม้ใช้เงินผู้อื่นซื้อ และการถอนฟ้องที่ไม่ต้องแจ้งคู่ความอื่น
ผู้ซื้อเอาเงินของผู้อื่นมาซื้อตึกจากผู้ขาย ผู้ซื้อย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องผู้ขายในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาจะซื้อขายนั้นได้
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมขายตึกระหว่างจำเลยที่ 1-2กับจำเลยที่ 3 และให้โอนตึกพิพาทให้แก่โจทก์ ถ้าโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ก็ขอให้จำเลยใช้เงินมัดจำคืน เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 เสีย และขอถอนคำขอท้ายฟ้องเรื่องที่จะขอให้ทำลายนิติกรรม การซื้อขายและคำขอให้โอนตึกเสีย ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้จำเลยที่ 1-2 ทราบเพราะจำเลยที่ 1-2 ต้องรับผิดในเรื่องคืนเงินมัดจำและดอกเบี้ยเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย, การถอนฟ้อง, คืนเงินมัดจำ: โจทก์มีสิทธิแม้ใช้เงินผู้อื่นซื้อ
ผู้ซื้อเอาเงินของผู้อื่นมาซื้อตึกจากผู้ขาย ผู้ซื้อย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องผู้ขายในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาจะซื้อขายนั้นได้
โจทย์ฟ้องขอให้+ทำนิติกรรมขายตึกระหว่างจำเลยที่ 1-2 กับจำเลยที่ 3 และให้โอนตึกพิพาทให้แก่โจทก์ ถ้าโอนกรรมสิทธิไม่ได้ก็ขอให้จำเลยใช้เงินมัดจำคืน เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 เสีย และขอถอนคำขอท้ายฟ้องเรื่องที่จะขอให้ทำลายนิติกรรม การซื้อขายและคำขอให้โอนตึกเสีย ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้จำเลยที่ 1-2 ทราบเพราะจำเลยที่ 1-2 ต้องรับผิดในเรื่องคืนเงินมัดจำและดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายโดยไม่เจตนาถึงแก่ความตายจากความเข้าใจผิดและฤทธิ์สุรา
จำเลยกับผู้ตายเป็นญาติกันไม่เคยมีอริ รักใคร่สนิทสนมกันดีเหตุที่เกิดทำร้าย เพราะจำเลยเมาสุรา เข้าใจว่าผู้ตายทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยแทงผู้ตายครั้งเดียวบาดแผลทุเลาจนลุกเดินได้แล้วจึงกลับทรุดถึงแก่ความตาย หลังจากถูกแทง 15 วัน จำเลยมีผิดฐานคนตายโดยไม่เจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายโดยไม่ได้เจตนาถึงแก่ความตาย: ความรับผิดทางอาญา
จำเลยกับผู้ตายเป็นญาติกันไม่เคยมีอริ รักใคร่สนิทสนมกันดีเหตุที่เกิดทำร้าย เพราะจำเลยเมาสุรา เข้าใจว่าผู้ตายทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยแทงผู้ตายครั้งเดียว บาดแผลทุเลาจนลุกเดินได้แล้วจึงกลับทรุดถึงแก่ความตายหลังจากถูกแทง 15 วัน จำเลยมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ขนส่งเมื่อมีเจ้าหน้าที่ควบคุมสินค้า – สัญญาขนส่ง
สัญญาขนส่งมีว่า"ผู้รับจ้างยอมให้ผู้จ้างส่งเจ้าหน้าที่ควบคุมข้าวในระหว่างทำการขนส่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางฯลฯ " ดังนี้ผู้ขนส่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมข้าวเพียงแต่จัดพาหนะขนส่งไปให้ถึงปลายทางเท่านั้น เมื่อข้าวสูญหายไปในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งผู้จ้างแต่งตั้ง ผู้ขนส่งก็ไม่ต้องรับผิด
of 344