คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มนูภันย์วิมลสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,437 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกกันอยู่และละทิ้งกันโดยไม่ให้ความอุปการะ ทำให้ภริยามีสิทธิจัดการสินบริคณห์ได้
สามีภริยาแยกกันอยู่ประมาณ 8 ปี เนื่องจากเกิดทะเลาะกันต่างไม่พอใจอยู่รวมกัน ภริยาจึงแยกไปอยู่ที่อื่น อันเป็นความพอใจของสามี ส่วนสามีคงอยู่ที่บ้านเรือนเดิม ตลอดเวลาที่แยกกันอยู่สามีไม่ได้ให้ความอุปการะส่งเสียเงินทองเลี้ยงดูภริยาอย่างใดเลยดังนี้ ถือได้ว่าสามีได้สละละทิ้งภริยาตาม ป.พ.พ.ม.39(2) แล้ว ภริยาจึงย่อมทำการผูกพันส่วนของตนในสินบริคนห์ได้โดยมิพักต้องได้รับอนุญาตจากสามี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกกันอยู่และการสละละทิ้งภริยา ทำให้ภริยามีสิทธิจำหน่ายสินบริคณห์ได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
สามีภริยาแยกกันอยู่ประมาณ 8 ปี เนื่องจากเกิดทะเลาะกันต่างไม่พอใจอยู่รวมกัน ภริยาจึงแยกไปอยู่ที่อื่น อันเป็นความพอใจของสามี ส่วนสามีคงอยู่ที่บ้านเรือนเดิม ตลอดเวลาที่แยกกันอยู่สามีไม่ได้ให้ความอุปการะส่งเสียเงินทองเลี้ยงดูภริยาอย่างใดเลย ดังนี้ ถือได้ว่าสามีได้สละละทิ้งภริยาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 39(2) แล้ว ภริยาจึงย่อมทำการผูกพันส่วนของตนในสินบริคณห์ได้โดยมิพักต้องได้รับอนุญาตจากสามี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาตกลงถอนฟ้องคดีอาญาแลกกับการสละสิทธิในที่ดิน เป็นโมฆะ เนื่องจากขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ทำหนังสือสัญญาตกลงกันว่า โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดินฐานแจ้งความเท็จ ปลอมหนังสือ จำเลยยอมไม่เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ดังนี้ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสู่ขอและเหยียบเรือนตามประเพณีถือเป็นการตกลงหมั้นและสมรสโดยสมบูรณ์ ฝ่ายชายผิดสัญญาต้องรับผิดชอบ
ฝ่ายชายได้ดำเนินการสู่ขอฝ่ายหญิงจนได้มีการเหยียบเรือนตามประเพณีท้องถิ่นแล้ว คือฝ่ายชายได้นำหมากพลูและผ้าขาวไปเคารพฝ่ายหญิง และได้กำหนดนัดวันทำพิธีสมรสแล้ว เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการตกลงโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยการหมั้น และการตกลงทำการสมรสแล้วทุกประการเมื่อถึงวันกำหนดแต่งงานฝ่ายชายไม่มาตามกำหนด ฝ่ายหญิงย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสู่ขอและเหยียบเรือนตามประเพณี ถือเป็นการตกลงหมั้นและสมรสโดยสมบูรณ์ หากฝ่ายชายไม่มาตามกำหนด ฝ่ายหญิงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้
ฝ่ายชายได้ดำเนินการสู่ขอฝ่ายหญิงจนได้มีการเหยียบเรือนตามประเพณีท้องถิ่นแล้วคือฝ่ายชายได้นำหมากพลูและผ้าขาวไปเคารพฝ่ายหญิง และได้กำหนดนัดวันทำพิธีสมรสแล้วเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการตกลงโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยการหมั้น และการตกลงทำการสมรสแล้วทุกประการ เมื่อถึงวันกำหนดแต่งงานฝ่ายชายไม่มาตามกำหนด ฝ่ายหญิงย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199-1204/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินป่าไม้ การเพาะปลูกพืชล้มลุกไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตกเป็นของผู้ครอบครอง
ที่ที่ตัดฟันต้นสักเป็นที่ป่าอยู่แล้วมีผู้เข้ามาถากถางทำการเพาะปลูกถั่วงาพืชล้มลุกชั่วฤดูคราว โดยยังไม่ได้รับหนังสือสำคัญเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด เช่นนี้ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้นั้นได้มาซึ่งที่ดินอันมีต้นสักนั้นตามกฎหมายที่ดิน ฉะนั้นจึงต้องถือว่าเป็นป่าตามกฎหมายป่าไม้ ผู้ใดไม่มีสิทธิจะตัดฟันไม้สักในที่นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จำเลยต้องพิสูจน์ว่าเข้าข่ายได้รับการคุ้มครอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าอยู่อาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัว จำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ.2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาท ของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯอันเป็นกฎหมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับกันดังกล่าว ยังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จำเลยต้องพิสูจน์สถานะการเช่าเพื่ออยู่อาศัย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเช่าอาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุม ค่าเช่า ฯลฯ
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัวจำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ. 2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาทของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ตเตล็ด
ต่าง ๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท.
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คมวบคุมค่าเช่าฯ อันเป็นกฎ หมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.นั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับ กันดังกล่าว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาจากความผิดทนายจำเลย ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวน และไม่อนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติม
ศาลพิจารณาสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว นัดเลื่อนไปสืบพยานจำเลย ถึงกำหนดนัดจำเลย ทนายและพยานไม่มาศาล รุ่งขึ้นจำเลยมายื่นคำร้องว่า เป็นเพราะทนายจำเลยพลั้งเผลอ จดวันนัดผิดไปดังนี้ ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่า เป็นความจริงตามคำร้องหรือไม่ เพราะแม้เป็นความจริงตามคำร้องก็ยังเป็นความผิดของฝ่ายจำเลยเอง ศาลจึงย่อม มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบได้ทีเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความผิดของจำเลยและทนาย ทำให้ศาลไม่อนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติม
ศาลพิจารณาสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว นัดเลื่อนไปสืบพยานจำเลย ถึงกำหนดนัดจำเลย ทนายและพยานไม่มาศาล รุ่งขึ้นจำเลยมายื่นคำร้องว่า เป็นเพราะทนายจำเลยพลั้งเผลอ จดวันนัดผิดไป ดังนี้ ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่าเป็นความจริงตามคำร้องหรือไม่ เพราะแม้เป็นความจริงตามคำร้องก็ยังเป็นความผิดของฝ่ายจำเลยเอง ศาลจึงย่อมมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบได้ทีเดียว
of 344