คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 47

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 153 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้ศาลอุทธรณ์ยังไม่วินิจฉัยเด็ดขาด
ความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
แต่ในกรณีที่ศาลฎีกาจะพิพากษาในคดีส่วนแพ่งคือจะสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไม้รายพิพาทได้หรือไม่นั้นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าไม้รายพิพาทเป็นของโจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยชี้ข้อเท็จจริงให้แน่นอนลงไปว่าไม้เป็นของโจทก์หรือผู้ใดแล้วเช่นนี้ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้ว่าไม้รายพิพาทเป็นของฝ่ายใด และจำเลยจำต้องรับผิดชดใช้ให้เพียงใดหรือไม่
ในเรื่องคดีอาญาปนแพ่งนั้น การพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญา(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46) แต่ต้องถือตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งด้วย (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการหักล้างหลักฐานในคดีอาญาที่มีคำขอเรียกทรัพย์คืน แม้ปฏิเสธลอยๆ
คดีอาญา ซึ่งมีคำขอให้ใช้ทรัพย์รวมอยู่ด้วยนั้น แม้จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ ว่าไม่ได้กระทำผิดดั่งฟ้อง จำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างหลักฐานพยานโจทก์ ในข้อหาทางอาญาได้ว่าจำเลยไม่ได้ทำการยักยอกทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีสิทธิหักล้างหลักฐานในคดีอาญาที่มีคำขอให้ใช้ทรัพย์ แม้ปฏิเสธลอยๆ ศาลต้องพิสูจน์การยักยอกทรัพย์
คดีอาญา ซึ่งมีคำขอให้ใช้ทรัพย์รวมอยู่ด้วยนั้น แม้จำเลยให้การปฏิเสธลอยๆ ว่าไม่ได้กระทำผิดดั่งฟ้องจำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างหลักฐานพยานโจทก์ในข้อหาทางอาญาได้ว่าจำเลยไม่ได้ทำการยักยอกทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์และการคืนทรัพย์สิน แม้ไม่มีเจตนาลักทรัพย์ก็ยังต้องรับผิดชอบในการคืนทรัพย์
ในคดีที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วยนั้นแม้ศาลจะฟังว่า จำเลยเอาทรัพย์ไปจริงแต่มิได้เจตนาลักยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ก็ดี ศาลก็พิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่จำเลยเอาไปให้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางแพ่งแยกจากความผิดทางอาญา แม้ไม่มีความผิดอาญา ก็ยังต้องชดใช้ค่าเสียหายได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญา และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วยนั้นแม้ศาลจะฟังว่า จำเลยเอาทรัพย์ไปจริงแต่มิได้เจตนาลักยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ก็ดี ศาลก็พิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่จำเลยเอาไปให้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคดีทำร้ายร่างกาย: อำนาจฟ้องและการขัดแย้งในคำให้การ
จำเลยเคยถูกอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ จำเลยรับสารภาพศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยว่ามีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 245 ผู้เสียหายจึงได้มาเป็นโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยในทางแพ่งจำเลยย่อมต่อสู้ว่าที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายมีบาดเจ็บนั้นเนื่องจากการวิวาทระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยดังนี้ได้ (เพราะข้อเท็จจริงทางอาญาในคดีก่อนนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาชี้ขาดประเด็นว่าวิวาทหรือไม่ศาลก็ย่อมลงโทษ จำเลยตามมาตรา 254 ได้)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการทำร้ายร่างกาย: อำนาจฟ้องและข้อต่อสู้เรื่องวิวาท
จำเลยเคยถูกอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ จำเลยรับสารภาพศาลจึงพิพากษาลงโทษ จำเลยว่ามีความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ผู้เสียหายจึงได้มาเป็นโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลย ในทางแพ่ง จำเลยย่อมต่อสู้ว่าที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายมีบาดเจ็บนั้นเนื่องจากการวิวาทระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยดังนี้ได้ (เพราะข้อเท็จจริงทางอาญาในคดีก่อนนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาชี้ขาดประเด็นว่าวิวาทหรือไม่ ศาลก็ย่อมลงโทษ จำเลยตามมาตรา 254 ได้)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดจากการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้และเหตุผลของผู้ถูกกล่าวหา
โจทก์ฟ้อง ฉ.จำเลยฐานแจ้งความเท็จว่า โจทก์ยักยอกทรัพย์ของ ฉ. ศาลตัดสินยกฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องแก้เกี้ยวข้อหาของโจทก์ฟังไม่ได้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้หาว่า ฉ.จำเลยจงใจแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ดังนี้ เมื่อศาลได้ชี้ขาดใดคดีก่อนแล้วว่า ฉ.ไม่ได้แจ้งความเท็จในคดีนี้ ก็ต้องฟังว่า ฉ.ไม่ได้แจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดจากการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ: ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากคดีก่อน และความน่าเชื่อถือของเหตุผลในการเบิกความ
โจทก์ฟ้อง ฉ.จำเลยฐานแจ้งความเท็จว่าโจทก์ยักยอกทรัพย์ของฉ. ศาลตัดสินยกฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องแก้เกี้ยวข้อหาของโจทก์ฟังไม่ได้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้หาว่า ฉ. จำเลยจงใจแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ดังนี้ เมื่อศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนแล้วว่า ฉ. ไม่ได้แจ้งความเท็จในคดีนี้ ก็ต้องฟังว่า ฉ. ไม่ได้แจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางแพ่งในคดีอาญา: ศาลมีอำนาจพิจารณาค่าเสียหายควบคู่ไปกับคดีอาญาได้
คดีหาเป็นคดีอาญาว่า จำเลยบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ และได้เรียกค่าเสียหายมาด้วย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในความผิดทางอาญา ฐานทำให้เสียทรัพย์ สำหรับค่าเสียหายว่าจำเลยจะต้องรับผิดเพียงไรหรือไม่ ซึ่งศาลควรต้องพิพากษาให้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่า ความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47
คดีที่ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้แก่ผู้ชนะคดีในชั้นฎีกาได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/92)
of 16