คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 47

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 153 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการอุทธรณ์ในส่วนแพ่งต่อคำพิพากษาในคดีส่วนแพ่ง และสิทธิในการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ให้จำเลยคืนที่ดินหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยได้ชำระราคาที่ดินให้แก่ตัวแทนของผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์ในส่วนแพ่งด้วย ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยต้องกันว่า ข้อที่ฝ่ายผู้เสียหายอ้างว่าจำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าที่ดินที่ยังค้างชำระชอบที่จะไปว่ากล่าวกันในทางแพ่งและพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ย่อมมีผลให้คำพิพากษาในคดีส่วนแพ่งของศาลชั้นต้นตกไปด้วย หาได้ถึงที่สุดไม่ผู้เสียหายจึงยังไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จะขอบังคับคดีแก่จำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายใบอินวอยซ์ปุ๋ยโดยสุจริต ผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์และหน้าที่คืนสินค้า
ปุ๋ยเคมีของโจทก์อยู่ที่คลังสินค้า มีผู้ปลอมใบอินวอยซ์ของโจทก์ขายใบอินวอยซ์ให้จำเลยรับปุ๋ยไปจากคลังสินค้าโดยจำเลยสุจริตศาลในคดีอาญาพิพากษายกฟ้องคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักและใช้ใบอินวอยซ์ปลอม คำพิพากษาในคดีอาญานี้ศาลต้องฟังตามในคดีแพ่งผลในคดีแพ่งคือจำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ มิใช่ฟังกลับข้อเท็จจริงที่รับฟังมาในคดีอาญาได้ จำเลยซื้อใบอินวอยซ์เท่ากับซื้อปุ๋ยในท้องตลาด โจทก์เรียกปุ๋ยคืนไม่ได้ เว้นแต่ใช้ราคาที่จำเลยซื้อมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อโกงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องฟังจากพยานหลักฐาน การซื้อขายข้าวสารและการชำระหนี้ด้วยเช็ค
จำเลยจะมีเจตนาเพื่อฉ้อโกงผู้เสียหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานในสำนวน ฎีกาโจทก์จึงต้องห้าม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เมื่อศาลวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีความหมายว่าจำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในข้างสารทั้งหมดไปจากผู้เสียหาย-โดยการซื้อขายตามปกติ เพียงแต่เช็คที่ออกให้เป็นการชำระราคาข้างสารนั้น จำเลยออกให้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกให้ใช้เงินจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ดังนี้ หนี้ค่าข้าวสารซึ่งผู้เสียหายได้ส่งมอบให้แก่จำเลย-ยังไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม ผู้เสียหายชอบที่จะฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก ศาลจะสั่งให้คืนข้างสารของกลางแก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาข้าวสารซึ่งไม่ได้ถูกยึดมาเป็นของกลางไปในคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อโกงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องฟังจากพยานหลักฐาน ศาลไม่รับวินิจฉัยฎีกาเกินกรอบ
จำเลยจะมีเจตนาเพื่อฉ้อโกงผู้เสียหายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องฟังจากพยานหลักฐานในสำนวน ฎีกาโจทก์จึงต้องห้าม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เมื่อศาลวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีความหมายว่าจำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในข้าวสารทั้งหมดไปจากผู้เสียหายโดยการซื้อขายตามปกติ เพียงแต่เช็คที่ออกให้เป็นการชำระราคาข้าวสารนั้น จำเลยออกให้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกให้ใช้เงินจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ดังนี้ หนี้ค่าข้าวสาร ซึ่งผู้เสียหายได้ส่งมอบให้แก่จำเลยยังไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321วรรคสาม ผู้เสียหาย ชอบที่จะฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก ศาลจะสั่งให้คืนข้าวสารของกลางแก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยคืนหรือ ใช้ราคาข้าวสารซึ่งไม่ได้ถูกยึดมาเป็นของกลางไปในคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ ปืนของผู้เสียหาย การต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1
ผู้เสียหายเป็นนายตรวจสรรพสามิต จับจำเลยที่ 2 ในข้อหามีสุราผิดกฎหมาย ขณะพาไปจวนถึงหน้าร้านจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ล้วงปืนพกของผู้เสียหายด้วยเจตนาต่อสู้ขัดขวางการจับกุม มิได้มีเจตนาลัก แล้ววิ่งหนีไปส่งปืนให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นบิดา เป็นเวลากระทันหันในทันทีทันใดไม่มีพฤติการณ์ให้รู้มาก่อนว่าจำเลยที่ 2 ถูกจับแล้วหนีมา ผู้เสียหายไม่แต่งเครื่องแบบ ทั้งไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าปืนนั้นเป็นของตน การที่ผู้เสียหายเข้าแย่งปืนจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้นั้นน่าจะเพื่อมิให้เกิดเหตุร้ายเท่านั้น การที่จำเลยเอาปืนไว้ภายหลังจากที่ผู้เสียหายไปแจ้งความ ไม่พอถือว่ามีเจตนาทุจริตลักเอาปืนนั้นไว้ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะต่อสู้คดีว่ามิได้เอาปืนไว้และผู้เสียหายยังไม่ได้ปืนคืน ก็ไม่พอบ่งว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ศาลมีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาปืนแก่ผู้เสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ ปืนของผู้เสียหาย การต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และการส่งต่อปืนให้บิดา ไม่ถือว่ามีความผิดฐานลักทรัพย์
ผู้เสียหายเป็นนายตรวจสรรพสามิต จับจำเลยที่ 2 ในข้อหามีสุราผิดกฎหมายขณะหาไปจวนถึงหน้าร้านจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ล้วงปืนพกของผู้เสียหายด้วยเจตนาต่อสู้ขัดขวางการจับกุม มิได้มีเจตนาลัก แล้ววิ่งหนีไปส่งปืนให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นบิดา เป็นเวลากระทันหันในทันทีทันใด ไม่มีพฤติการณ์ให้รู้มาก่อนว่าจำเลยที่ 2 ถูกจับแล้วหนีมา ผู้เสียหายไม่แต่งเครื่องแบบ ทั้งไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าปืนนั้นเป็นของตน การที่ผู้เสียหายเข้าแย่งปืนจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้นั้นน่าจะเพื่อมิให้เกิดเหตุร้ายเท่านั้น การที่จำเลยเอาปืนไว้ภายหลังจากที่ผู้เสียหายไปแจ้งความ ไม่พอถือว่ามีเจตนาทุจริตลักเอาปืนนั้นไว้ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะต่อสู้คดีว่ามิได้เอาปืนไว้และผู้เสียหายยังไม่ได้ปืนคืน ก็ไม่พอบ่งว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ศาลมีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาปืนแก่ผู้เสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาตั๋วจำนำในคดีชิงทรัพย์: ราคาตั๋วจำนำไม่ใช่ราคาของเอกสาร
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยชิงเอาธนบัตร 740 บาท และตั๋วจำนำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ราคา 300 บาทรวมเป็นเงิน 1,040 บาทของผู้เสียหายไป ขอให้ลงโทษและสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,040 บาทแก่เจ้าทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,040 บาทแก่เจ้าทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ย่อมมีความหมายว่าสำหรับตั๋วจำนำนั้น ถ้าจำเลยไม่สามารถคืนได้ก็ให้จำเลยใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 300 บาท แต่เงินจำนวนนี้เป็นราคาที่จำนำทรัพย์ หาใช่ราคาของเอกสารตั๋วจำนำไม่ และเมื่อในสำนวนไม่ปรากฏว่าเอกสารตั๋วจำนำมีราคาเท่าใด ศาลจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยใช้ราคาตั๋วจำนำไปในคดีนี้ (อ้างฎีกาที่ 40/2518 และ 1163/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชดใช้ค่าทรัพย์สินที่ถูกชิงทรัพย์: ราคาตั๋วจำนำไม่ใช่ราคาเอกสาร
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยชิงเอาธนบัตร 740 บาท และตั๋วจำนำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทราคา 300 บาท รวมเป็นเงิน 1,040 บาทของผู้เสียหายไป ขอให้ลงโทษและสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,040บาทแก่เจ้าทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ย่อมมีความหมายว่าสำหรับตั๋วจำนำนั้น ถ้าจำเลยไม่สามารถคืนได้ก็ให้จำเลยใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 300 บาท แต่เงินจำนวนนี้เป็นราคาที่จำนำทรัพย์ หาใช่ราคาของเอกสารตั๋วจำนำไม่และเมื่อในสำนวนไม่ปรากฏว่าเอกสารตั๋วจำนำมีราคาเท่าใด ศาลจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยใช้ราคาตั๋วจำนำไปในคดีนี้ (อ้างฎีกาที่ 40/2508 และ1163/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผูกพันทางแพ่งตามคำพิพากษาคดีอาญา: ศาลต้องยึดตามข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่ถึงที่สุด
มูลคดีเรื่องเดียวกันนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำการฉ้อโกงเอากระบือของโจทก์ไปโดยหลอกลวงว่าจะซื้อกระบือศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อกระบือของโจทก์ไป จำเลยที่ 1 มิได้กระทำผิดตามฟ้องดังนี้ การพิพากษาคดีนี้อันเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้องกับการซื้อกระบือรายนี้ จึงไม่มีกรณีที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคดีแพ่งต้องสอดคล้องกับผลคดีอาญา หากศาลอาญาตัดสินว่าจำเลยไม่มีส่วนร่วมในการซื้อขาย จึงไม่มีความรับผิดในคดีแพ่ง
มูลคดีเรื่องเดียวกันนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำการฉ้อโกงเอากระบือของโจทก์ไปโดยหลอกลวงว่าจะซื้อกระบือ ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อกระบือของโจทก์ไป จำเลยที่ 1 มิได้กระทำผิดตามฟ้อง ดังนี้ การพิพากษาคดีนี้อันเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้องกับการซื้อกระบือรายนี้ จึงไม่มีกรณีที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยที่ 1
of 16