พบผลลัพธ์ทั้งหมด 485 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676-1677/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รวมสำนวนคดีอาญาและพิจารณาโทษฐานสมรู้ร่วมคิด แม้ลงโทษฐานตัวการแต่ศาลอุทธรณ์แก้ไขเป็นสมรู้ร่วมคิดได้
คดี 2 สำนวน ทั้งโจทก์และจำเลยจะต่างคนกัน ทั้งสองสำนวนแต่เป็นเรื่องกรณีเดียวกัน แม้ศาลสืบพยานแต่ละสำนวนกัน ก็พิพากษารวมกันได้ตามอำนาจใน ป.ม.วิ.อาญามาตรา 15 ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 28
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการในการจัดให้มีการเล่นการพะนันโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปรากฎว่าเป็นเพียงผู้ทำไพ่ และคนไพ่อันเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดรายนี้ศาลก็ย่อมลงโทษฐานสมรู้ได้ตามนัยฎีกาที่ 205/2483 , 214/2484
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการในการจัดให้มีการเล่นการพะนันโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปรากฎว่าเป็นเพียงผู้ทำไพ่ และคนไพ่อันเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดรายนี้ศาลก็ย่อมลงโทษฐานสมรู้ได้ตามนัยฎีกาที่ 205/2483 , 214/2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676-1677/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รวมสำนวนคดีเดียวกัน แม้สืบพยานแยกกัน ศาลลงโทษฐานสมรู้ร่วมคิดได้
คดี 2 สำนวน ทั้งโจทก์และจำเลยจะต่างคนกัน ทั้งสองสำนวนแต่เป็นเรื่องกรณีเดียวกัน แม้ศาลสืบพยานแต่ละสำนวนกัน ก็พิพากษารวมกันได้ตามอำนาจในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 28
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการในการจัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปรากฏว่าเป็นเพียงผู้ทำไพ่ และคนไพ่อันเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดรายนี้ ศาลก็ย่อมลงโทษฐานสมรู้ได้ ตามนัยฎีกาที่205/2483,214/2484
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการในการจัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปรากฏว่าเป็นเพียงผู้ทำไพ่ และคนไพ่อันเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดรายนี้ ศาลก็ย่อมลงโทษฐานสมรู้ได้ ตามนัยฎีกาที่205/2483,214/2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79-80/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาจำกัดตามทุนทรัพย์พิพาท แม้รวมพิจารณาคดี ก็ไม่ถือเป็นคดีเดียวกัน
โจทก์จำเลยต่างกล่าวหาฟ้องร้องกันคนละสำนวน แม้ศาลจะรวมการพิจารณา ก็ไม่ทำให้คดีทั้ง 2 เรื่องนั้น เป็นคดีเรื่องเดียวและมีทุนทรัพย์ที่พิพาทเท่ากันไปได้ สิทธิที่จะฎีกาจะมีเพียงใด จึงต้องพิจารณาตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ตั้งพิพาทในคดีที่จะฎีกานั้นเองโดยเฉพาะ แม้สำนวนหนึ่งมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท อันจะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ แต่คู่ความไม่ฎีกาในสำนวนนี้ คงติดใจฎีกาเฉพาะแต่สำนวนที่มีนั้น ดังนี้ เมื่อปรากฎว่าในคดีที่ฎีกานี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79-80/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์ในสำนวนที่ฎีกา แม้รวมสำนวนพิจารณาแต่ไม่ถือเป็นคดีเดียวกัน
โจทก์จำเลยต่างกล่าวหาฟ้องร้องกันคนละสำนวนแม้ศาลจะรวมการพิจารณา ก็ไม่ทำให้คดีทั้ง 2 เรื่องนั้น เป็นคดีเรื่องเดียวและมีทุนทรัพย์ที่พิพาทเท่ากันไปได้ สิทธิที่จะฎีกาจะมีเพียงใด จึงต้องพิจารณาตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ตั้งพิพาทในคดีที่จะฎีกานั้นเองโดยเฉพาะ แม้สำนวนหนึ่งมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท อันจะฎีกาในข้อเท็จจริงได้แต่คู่ความไม่ฎีกาในสำนวนนี้ คงติดใจฎีกาเฉพาะแต่สำนวนที่มีทุนทรัพย์ไม่ถึง 2,000 บาทเท่านั้น ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าในคดีที่ฎีกานี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงแล้ว คู่ความก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีสัญญาจะซื้อขายที่ดินซ้ำซ้อน
เจ้าของที่ดินทำสัญญาจะขายที่ดินแก่ผู้ซื้อคน 1 แล้วกลับไปทำสัญญาจะขายแก่ผู้ซื้ออีกคนหนึ่งอีก ผู้ซื้อทั้ง 2 ต่างเป็นโจทก์ฟ้องเจ้าของคนละสำนวน ขอให้ศาลบังคับให้เจ้าของผู้เป็นจำเลยโอนที่ดินรายเดียวกันนั้นให้แก่ตนตามสัญญา ศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาคดี 2 สำนวนด้วยกัน สืบพยานรวมกันมาเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วพิพากษาให้เจ้าของโอนที่ให้แก่ผู้ซื้อคนหลังและยกฟ้องผู้ซื้อคนแรกนั้นเสียผู้ซื้อคนแรกอุทธรณ์ฝ่ายเดียว ศาลอุทธณ์ก็ได้พิพากษากลับให้จำเลยโอนที่ดินแก่ผู้ซื้อคนแรก ดังนี้ ก็เท่ากับได้วินิจฉัยชี้ขาด กรณีพิพาทระหว่างผู้ซื้อคนหลังผู้ซื้อคนแรก และผู้ขาย โดยรวมกันไปเสร็จสิ้นแล้วคงอยู่แต่ชั้นบังคับคดีซึ่งต้องให้เป็นผลไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินซ้ำซ้อน ศาลรวมพิจารณาคดีและวินิจฉัยสิทธิของผู้ซื้อทั้งสอง
เจ้าของที่ดินทำสัญญาจะขายที่ดินแก่ผู้ซื้อคนหนึ่ง แล้วกลับไปทำสัญญาจะขายแก่ผู้ซื้ออีกคนหนึ่งอีก ผู้ซื้อทั้ง 2 ต่างเป็นโจทก์ฟ้องเจ้าของคนละสำนวน ขอให้ศาลบังคับให้เจ้าของผู้เป็นจำเลยโอนที่ดินรายเดียวกันนั้นให้แก่ตนตามสัญญา ศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาคดี 2 สำนวนด้วยกัน สืบพยานรวมกันมาเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วพิพากษาให้เจ้าของโอนที่ให้แก่ผู้ซื้อคนหลัง และยกฟ้องผู้ซื้อคนแรกนั้นเสีย ผู้ซื้อคนแรกอุทธรณ์ฝ่ายเดียวศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษากลับให้จำเลยโอนที่ดินแก่ผู้ซื้อคนแรก ดังนี้ ก็เท่ากับได้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีพิพาทระหว่างผู้ซื้อคนหลัง ผู้ซื้อคนแรก และผู้ขาย โดยรวมกันไปเสร็จสิ้นแล้ว คงอยู่แต่ชั้นบังคับคดีซึ่งต้องให้เป็นผลไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองแปลงหนี้: การขายที่ดินชำระหนี้ทำให้สิทธิไถ่ถอนระงับ
ผู้จำนองตกลงขายที่ดินที่จำนองให้แก่ผู้รับจำนองโดยให้เงินที่ค้างชำระเป็นการชำระราคานั้น ถือว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่แล้ว สิทธิขอไถ่ถอนก็ย่อมเป็นอันระงับไป
จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลแขวงพิพากษาให้จำเลยแพ้โดยไม่สืบพยานไม่ชอบ ขอให้กลับศาลแขวงสั่งให้ศาลนั้นโอนคดีดังนี้ตีความได้ว่าขอให้ยกคำพิพากษาศาลแขวงและสั่งให้ศาลนั้นโอนคดี
ในกรณีที่มีการอุทธรณ์และฎีกาแล้วขอให้โอนคดีนั้นศาลฎีกาให้คู่ความไปว่ากล่าวกันตามวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลแขวงพิพากษาให้จำเลยแพ้โดยไม่สืบพยานไม่ชอบ ขอให้กลับศาลแขวงสั่งให้ศาลนั้นโอนคดีดังนี้ตีความได้ว่าขอให้ยกคำพิพากษาศาลแขวงและสั่งให้ศาลนั้นโอนคดี
ในกรณีที่มีการอุทธรณ์และฎีกาแล้วขอให้โอนคดีนั้นศาลฎีกาให้คู่ความไปว่ากล่าวกันตามวิธีพิจารณาความแพ่ง