คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ม. 20

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 41 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3017/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสอบถามทนายจำเลยก่อนการพิจารณาคดีในศาลแขวงเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย หากไม่ปฏิบัติตามถือว่ากระบวนการพิจารณาคดีมิชอบ
วิธีการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20เป็นการดำเนินการในชั้นสอบสวนและการพิจารณาคดีในชั้นศาลการที่ศาลถามผู้ต้องหาหรือจำเลยว่าจะให้การประการใดตามความในมาตรา 20 ดังกล่าว ถือเป็นการพิจารณา และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสองบัญญัติว่า ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ดังนั้น ก่อนเริ่มพิจารณาหรือก่อนเริ่มการพิจารณาสอบถามผู้ต้องหาหรือจำเลยว่าจะให้การประการใด ศาลจะต้องสอบถามเรื่องทนายจำเลยเสียก่อนเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสองประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 หากศาลมิได้สอบถามเรื่องทนายจำเลย แต่ก้าวล่วงไปถึงการพิจารณาสอบถามคำให้การของจำเลยจึงเป็นการมิชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7008/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอาญาด้วยวาจาต้องระบุองค์ประกอบความผิดครบถ้วน การพิสูจน์ตัวบุคคลในคดีซ้ำซ้อนต้องมีการสืบพยาน
การฟ้องด้วยวาจาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20 โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องให้ปรากฏข้อเท็จจริงครบถ้วนพอที่ศาลจะพิจารณาลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษ ประกอบด้วยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเวลาสถานที่และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499มาตรา 19 เมื่อโจทก์ฟ้องด้วยวาจาโดยมีข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลจะบันทึกคำฟ้องของโจทก์ให้ได้ใจความแห่งข้อหาไว้เป็นหลักฐานเพื่อพิพากษาคดีนั้นต่อไป
บันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและคำฟ้องที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้โจทก์เพียงแต่บรรยายฟ้องว่าจำเลยขายกาวโทลูอินอันเป็นสารระเหย 2 กระป๋องให้แก่สายลับผู้มีอายุ 15 ปี อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายโดยมิได้ระบุว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่า ผู้ซื้อเป็นผู้ติดสารระเหยอันเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นองค์ประกอบแห่งความผิด ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 16 แห่งพระราชกฤษฎีกาป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 คำฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ จึงขาดองค์ประกอบแห่งความผิดตามบทมาตราดังกล่าว เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
แม้ตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ และคำฟ้องที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้จะระบุว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1167/2538 จำเลยได้กระทำความผิดคดีนี้อีก ขอให้บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษจำเลยคดีนี้ก็ตามแต่ข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยคดีนี้เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1167/2538 ของศาลชั้นต้นและศาลดังกล่าวได้พิพากษาลงโทษและรอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปีนั้น เป็นข้อเท็จจริงต่างหากจากข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและคำฟ้องที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่าจำเลยกระทำความผิดคดีนี้ ทั้งเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏแต่ตามบันทึกคำรับสารภาพของจำเลย จำเลยเพียงแต่ให้การรับสารภาพตลอดข้อหาความผิดที่โจทก์ฟ้องเท่านั้น จำเลยมิได้ให้การรับว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้องและโจทก์ก็มิได้นำสืบให้ปรากฏเช่นนั้นข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1167/2538 ของศาลชั้นต้น จึงชอบที่ศาลจะมีคำสั่งยกคำขอในส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดโทษและการพิจารณาเลื่อนโทษในคดีอาญา พฤติการณ์ร้ายแรงกระทบต่อการรอการลงโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นบันทึกคำพิพากษาไว้ในแบบบันทึกคำฟ้องคำรับสารภาพคำพิพากษาซึ่งเป็นแบบพิมพ์คำฟ้องด้วยวาจาว่า"จำเลยผิดตามฟ้องรับลดกึ่งหนึ่งแล้วลงโทษจำคุก6เดือน"จึงชัดแจ้งแล้วว่าเมื่อศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วคงลงโทษจำเลย6เดือน จำเลยใช้อาวุธมีดขนาดใหญ่ใบมีดยาว19เซนติเมตรกว้าง5เซนติเมตรด้ามมีดยาว53.5เซนติเมตรฟันบริเวณศีรษะอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของผู้เสียหายมีบาดแผลยาว8.10เซนติเมตรเมื่อผู้เสียหายล้มจำเลยยังฟันซ้ำอีกแต่ด้ามมีดถูกแขนผู้เสียหายพฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรงจึงไม่รอการลงโทษให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6227/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจริบรถที่ใช้ในการแข่งรถ แม้ พ.ร.บ.จราจรฯ จะไม่ได้บัญญัติไว้ ศาลก็มีอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์บรรยายไว้ในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ว่าจำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางแข่งกับรถอื่นและเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าวซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลางโดยโจทก์ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา33และมีคำขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางด้วยเมื่อโจทก์ยื่นบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต่อศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นได้บันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในบันทึกคำฟ้องคำรับสารภาพคำพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯมาตรา20ซึ่งเป็นแบบพิมพ์ของศาลแม้ศาลชั้นต้นจะมิได้บันทึกข้อที่โจทก์ขอให้ริบทรัพย์ไว้ด้วยก็เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจบันทึกไว้เท่าที่เห็นว่าจำเป็นกรณีถือได้ว่าบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาที่โจทก์ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งแห่งบันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของศาลจึงไม่เป็นเหตุให้ฟ้องบกพร่องถึงกับจะถือว่าโจทก์ไม่ได้ขอให้ริบของกลาง จำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์แข่งกับรถอื่นในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตรถจักรยานยนต์จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดแม้รถจักรยานยนต์จราจรทางบกพ.ศ.2522จะไม่มีข้อบัญญัติให้ริบทรัพย์ดังกล่าวศาลก็มีอำนาจริบรถจักรยานยนต์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา17,33(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6227/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลริบทรัพย์: แม้ พ.ร.บ.จราจรฯ มิได้บัญญัติ แต่ประมวลกฎหมายอาญาเปิดช่องให้ริบรถที่ใช้ในการแข่งรถได้
โจทก์บรรยายไว้ในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ว่าจำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางแข่งกับรถอื่น และเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ พร้อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ซึ่งจำเลยได้ใช้ ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง โดยโจทก์ได้อ้าง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และมีคำขอให้ริบ รถจักรยานยนต์ของกลางด้วย เมื่อโจทก์ยื่นบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นได้บันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในบันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพ คำพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 20 ซึ่งเป็น แบบพิมพ์ของศาล แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้บันทึกข้อที่โจทก์ขอให้ริบทรัพย์ไว้ด้วย ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจบันทึกไว้เท่าที่เห็นว่าจำเป็น กรณีถือได้ว่าบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาที่โจทก์ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งแห่งบันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของศาลจึงไม่เป็นเหตุให้ฟ้องบกพร่องถึงกับจะถือว่าโจทก์ไม่ได้ขอให้ริบของกลาง จำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์แข่งกับรถอื่นในทางสาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต รถจักรยานยนต์ จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด แม้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 จะไม่มีข้อบัญญัติให้ริบทรัพย์ดังกล่าว ศาลก็มีอำนาจริบรถจักรยานยนต์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17,33(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7101/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษซ้ำความผิดฐานเล่นการพนัน: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลงโทษทั้งจำและปรับตามกฎหมาย
ตามบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ระบุว่าจำเลยที่ 1 เคยถูกศาลพิพากษาปรับฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบเมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี กลับมากระทำผิดคดีนี้ฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบซ้ำอีก ขอให้ศาลวางโทษจำเลยที่ 1 ทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ (2) บันทึกดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งคำฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพโดยไม่ได้โต้แย้งประการใด ก็ ถือว่าจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ รวมทั้งข้อเท็จจริงที่เคยต้องโทษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา: โจทก์ต้องมาศาลเพื่อแจ้งรายละเอียดการฟ้องด้วยตนเอง
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในศาลแขวงนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20กำหนดไว้ว่าถ้าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ให้พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหามายังพนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาลโดยไม่ต้องสอบสวนและให้ฟ้องด้วยวาจา และมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่าการฟ้องด้วยวาจาให้โจทก์แจ้งต่อศาลถึงชื่อโจทก์ ชื่อ ที่อยู่ และสัญชาติของจำเลย ฐานความผิด การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดและอื่น ๆ อีกหลายประการ เช่นนี้ โจทก์จึงต้องมาศาล เมื่อโจทก์เพียงแต่ให้พนักงานธุรการนำบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจามายื่นต่อศาล โดยโจทก์ไม่มาศาล ย่อมถือไม่ได้ว่ามีการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา
บันทึกการฟ้องคดีด้วยวาจาของโจทก์เป็นเพียงหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจา และเพื่อความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หาใช่ฟ้องด้วยวาจาตามกฎหมายไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3693/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธกับการคืนตัวผู้ต้องหา: ศาลชอบที่จะสั่งคืนตัวเพื่อดำเนินการต่อไปเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธและไม่มีเงินต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงโดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรและด่าผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข จำเลยให้การว่าได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายเพื่อพูดขอยืมเงิน เป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างว่าเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยมีเหตุอันสมควรอันเป็นคำให้การปฏิเสธและเมื่อจำเลยให้การต่อไปว่า ไม่มีเงินต่อสู้คดีขอรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ จึงต้องถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลแขวงชอบที่จะสั่งให้โจทก์รับตัวจำเลยคืนเพื่อดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง แม้จำเลยรับสารภาพ ต้องพิเคราะห์เจตนาทุจริตตั้งแต่แรก
ฟ้องของโจทก์ตามบันทึกคำฟ้องและบันทึกหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจา โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งอย่างไร ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยหลอกลวงว่าสามารถนำยาสีฟันไปจำหน่ายได้ ก็ปรากฏตามฟ้องโจทก์เองว่าจำเลยสามารถจำหน่ายยาสีฟันได้แล้วไม่นำเงินมาให้ผู้เสียหาย โจทก์ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตที่จะไม่นำเงินที่จำหน่ายยาสีฟันได้มาให้ผู้เสียหายตั้งแต่แรก จึงเป็นเรื่องจำเลยไม่ปฏิบัติตามที่บอกผู้เสียหายไว้เท่านั้น กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1877/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเครื่องสล๊อทแมชีน: หลักฐานคำฟ้องด้วยวาจาพิสูจน์ได้ว่าสร้างขึ้นเพื่อเล่นการพนันโดยเฉพาะ
บันทึกหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจาของผู้ว่าคดีเป็นหลักฐานแห่งคำฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ด้วยส่วนหนึ่ง
เมื่อปรากฏในบันทึกหลักฐานการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์แล้วว่าเครื่องสล๊อทแมชีนของกลางเป็นเครื่องเล่นการพนันที่ได้สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเล่นการพนันโดยเฉพาะ จะเล่นเป็นเกมอย่างอื่นไม่ได้ จำเลยรับสารภาพไม่โต้แย้งเป็นอย่างอื่น เครื่องสล๊อทแมชีนของกลางจึงเป็นของที่ควรริบ
of 5