คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 537

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,443 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาเช่าสวนก่อนกำหนด โดยคำนวณจากผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับหักค่าใช้จ่าย
สัญญาเช่าสวนมีกำหนด 3 ปี กำหนดค่าเช่ากันเป็นรายปี แต่ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยบอกกล่าวล่วงหน้าหนึ่งเดือน ดังนี้การบอกกล่าวล่วงหน้าเพื่อเลิกสัญญาจึงหมายว่าต้องกระทำไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือนก่อนสุดระยะเวลาหนึ่งปี
ในกรณีที่ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาโดยผู้เช่ายังไม่ได้เข้าทำสวนเลยเช่นนี้ถ้าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าครอบครองสวนตามสัญญาซึ่งไม่มีสิทธิจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เช่าและผู้เช่าก็มีสิทธิได้รับชดใช้ ค่าเสียหายเพราะขาดประโยชน์ชั่วระยะเวลา 1 ปีแรกเท่านั้น
การคำนวณค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้เข้าทำสวนส้มนั้นต้องคำนวณจากผลส้มที่ได้ หักค่าใช้จ่ายที่จะต้องลงทุน เช่น ค่าอุปกรณ์การทำสวนส้มและค่าแรง ซึ่งจะต้องใช้สิ้นเปลืองไปกับค่าเช่าเป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสวน: สิทธิบอกเลิกสัญญาและการคำนวณค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สัญญาเช่าสวนมีกำหนด 3 ปี กำหนดค่าเช่ากันเป็นรายปี แต่ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ โดยบอกกล่าวล่วงหน้าหนึ่งเดือน ดังนี้ การบอกกล่าวล่วงหน้า เพื่อเลิกสัญญาจึงหมายว่า ต้องกระทำไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน ก่อนสุดระยะเวลาหนึ่งปี
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าครอบครองสวนตามสัญญา ซึ่งไม่มีสิทธิจะทำเช่นนั้นได้ ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เช่าและผู้เช่าก็มีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายเพราะขาดประโยชน์ชั่วระยะเวลา 1 ปีแรก เท่านั้น
การคำนวณค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้เข้าทำสวนส้มนั้นต้องคำนวณจากผลส้มที่ได้ หักค่าใช้จ่ายที่จะต้องลงทุน เช่น ค่าอุปกรณ์การทำสวนส้มและค่าแรง ซึ่งจะต้องใช้สิ้นเปลืองไปกับค่าเช่าเป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281-1283/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเช่าและทรัพย์สินหลังสัญญาหมดอายุ, ความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างผู้เช่าช่วง, ผู้เช่าเดิม, และเจ้าของทรัพย์
เช่าทรัพย์สินจากเจ้าของทรัพย์มาแล้วให้เช่าช่วง เมื่อหมดสัญญาเช่าแล้วเจ้าของทรัพย์กลับให้คนอื่นเป็นผู้เช่าแทนส่วนผู้เช่าช่วงยังคงเป็นคนเดิม ดังนี้ ผู้เช่าคนแรกจะเรียกค่าเช่าจากผู้เช่าช่วง ตั้งแต่วันที่ สัญญาของตนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปอีกไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าคนก่อนสำหรับการเช่าภายหลังสัญญาที่ผู้เช่าคนก่อนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นอายุแล้วก็ดี ผู้เช่าคนใหม่ก็ไม่มีสิทธิมาฟ้องผู้เช่าคนก่อนเรียกค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงชำระไปแก่ผู้เช่าคนก่อนได้ เพราะผู้เช่าคนก่อนกับผู้เช่าคนใหม่ไม่มีนิติสัมพันธ์กันอย่างใด และการที่ผู้เช่าคนก่อนรับชำระค่าเช่าไว้จากผู้เช่าช่วง ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อผู้เช่าคนใหม่แต่อย่างใด
ผู้เช่าคนก่อนฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจากผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย แม้ศาลจะตัดสินให้ผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าที่ค้างแก่ผู้เช่าคนก่อนก็เป็นหนี้เฉพาะตัวผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนตัวระหว่างผู้เช่าช่วงกับผู้เช่าคนก่อนด้วย
สัญญาเช่าข้อหนึ่งมีข้อความว่า "ทรัพย์สินที่ผู้รับเช่าได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมหรือนำมาติดต่อเป็นเครื่องประกอบตกแต่งในโรงมหรสพก็ดี ผู้รับเช่ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ให้เช่าทั้งสิ้น แต่ทรัพย์สิ่งใดที่ผู้แสดงมหรสพนำมาใช้ เพียงเพื่อประกอบการแสดงของตนนั้นอยู่นอกสัญญานี้ฯ" ดังนี้ เมื่อปรากฏเพียงแต่ว่าเป็นทรัพย์ของผู้เช่า ซึ่งผู้เช่านำเข้ามาในโรงมหรสพเท่านั้น จึงยังไม่พอที่จะชี้ขาดว่า ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโรงมหรสพ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาตามข้อหา/คำแก้ และการคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า แม้มีการบอกเลิกสัญญาเช่า
ฟ้องให้ขับไล่จากห้องเช่าโดยอ้างว่า ผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า และอ้างเหตุว่าโจทก์ต้องการขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า และได้บอกกล่าวจำเลยเป็นคำรบ 2 อีกครั้งหนึ่งจำเลยก็ไม่ออก ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมรับค่าเช่าเอง แต่เมื่อปรากฏว่าได้บอกเลิกการเช่าล่วงหน้าตามกำหนดแล้ว ศาลก็ยกเหตุหลังขึ้นพิพากษาขับไล่ผู้เช่าได้ ไม่ถือว่าพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น
ประเด็นแห่งคดีอยู่ที่ข้อหาคำให้การ คำฟ้องอุทธรณ์ และแก้อุทธรณ์ คำฟ้องฎีกา และแก้ฎีกา ไม่ใช่อยู่ที่ข้อหาหรือคำฟ้องอย่างเดียว ศาลมีอำนาจพิพากษาตามข้อหาหรือคำแก้ได้ทั้ง 2 สถาน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าโดยอ้างว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่า จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ยอมรับค่าเช่าเองจนจำเลยต้องยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯทราบไว้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้แม้จำเลยจะไม่ต่อสู้โดยตรงว่าจำเลยได้รับความคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ให้การเกี่ยวถึงพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯในภาวะคับขันอยู่แล้ว กล่าวคือจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯและว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง อย่างไรก็ดี พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯเป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงมีอำนาจยกพระราชบัญญัติ ขึ้นปรับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่จากห้องเช่า: ศาลมีอำนาจพิจารณาตามคำแก้ และยกกฎหมายควบคุมค่าเช่าขึ้นวินิจฉัยได้
ฟ้องให้ขับไล่จากห้องเช่าโดยอ้างว่าผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า และอ้างเหตุว่าโจทก์ต้องการขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า และได้บอกกล่าวจำเลยเป็นคำรพ 2 อีกครั้งหนึ่งจำเลยก็ไม่ออก ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมรับค่าเช่าเอง แต่เมื่อปรากฎว่าได้บอกเลิกการเช่าล่วงหน้าตามกำหนดแล้ว ศาลก็ยกเหตุหลังขึ้นพิพากษาขับไล่ผู้เช่าได้ ไม่ถือว่าพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น
ประเด็นแห่งคดีอยู่ที่ข้อหาคำให้การ คำฟ้องอุทธรณ์และแก้อุทธรณ์ คำฟ้องฎีกาและแก้ฎีกาไม่ใช่อยู่ที่ข้อหาหรือคำฟ้องอย่างเดียว ศาลมีอำนาจพิพากษาตามข้อหาหรือคำแก้ได้ทั้ 2 สถาน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าโดยอ้างว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่า จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ยอมรับค่าเช่าเองจนจำเลยต้องยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ทราบไว้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้แม้จำเลยจะไม่ต่อสู้โดยตรงว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯ แต่ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ให้การเกี่ยวถึง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ในภาวะคับขันอยู่แล้ว กล่าวคือจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องอย่างไรก็ดี พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงมีอำนาจยก พ.ร.บ.ขึ้นปรับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า การชำระเงินกินเปล่าตามสัญญา และผลของการบอกเลิกสัญญา
ข้อความในสัญญาจะเช่ามีว่าถ้าผู้ให้เช่าส่งมอบห้องเช่าให้ผู้เช่าได้ก่อน กำหนดบ้างแล้วผู้เช่าจะชำระเงินกินเปล่าที่ค้างอีกครึ่งหนึ่งให้ ดังนี้ เมื่อผู้ให้เช่าได้จัดการส่งมอบห้องเช่าบางห้องให้ผู้เช่าอยู่ได้ก่อนกำหนดแล้ว ผู้เช่าก็ต้องชำระเงินกินเปล่าอีกครึ่งหนึ่งแก่ผู้ให้เช่าตามที่สัญญาไว้
ทำสัญญาให้เช่าเคหะโดยเรียกกินเปล่าโดยตอนเริ่มแรกเช่านั้น ไม่ใช่เป็นการเรียกเงินค่ากินเปล่าอันเป็นการพิ่มค่าเช่า จึงไม่ขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า 2488 มาตรา 10,11
ศาลชั้นต้นกะประเด็นให้สืบพยานเฉพาะประเด็นข้อเดียวจำเลยประสงค์จะสืบพยานในประเด็นข้ออื่น แต่ก็หาได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้ตาม ป.วิ.แพ่งม.226 จำเลยจะมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ได้ จะขอสืบพยานในข้อนี้ก็ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า การชำระเงินกินเปล่าเมื่อส่งมอบห้องก่อนกำหนด และผลของการบอกเลิกสัญญา
ข้อความในสัญญาจะเช่ามีว่าถ้าผู้ให้เช่าส่งมอบห้องเช่าให้ผู้เช่าได้ก่อน กำหนดบ้างแล้วผู้เช่าจะชำระเงินกินเปล่าที่ค้างอีกครึ่งหนึ่งให้ดังนี้ เมื่อผู้ให้เช่าได้จัดการส่งมอบห้องเช่าบางห้องให้ผู้เช่าอยู่ได้ก่อนกำหนดแล้วผู้เช่าก็ต้องชำระเงินกินเปล่าอีกครึ่งหนึ่งแก่ผู้ให้เช่าตามที่สัญญาไว้
ทำสัญญาให้เช่าเคหะโดยเรียกกินเปล่ากันในตอนเริ่มแรกเช่านั้น ไม่ใช่เป็นการเรียกเงินค่ากินเปล่าอันเป็นการเพิ่มค่าเช่าจึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า 2488 มาตรา 10,11
ศาลชั้นต้นกะประเด็นให้สืบพยานเฉพาะประเด็นข้อเดียวจำเลยประสงค์จะสืบพยานในประเด็นข้ออื่นอีก แต่ก็หาได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จำเลยจะมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ได้ จะขอสืบพยานในข้อนี้ก็ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์สินส่วนควบ สัญญาเช่าที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม และสิทธิในการเรียกค่าปลูกสร้าง
เจ้าของที่ดินทำสัญญากับผู้เช่าให้ผู้เช่าปลูกตึกคอนกรีตลงในที่ดินของตน โดยให้ผู้เช่าเป็นผู้ออกเงินค่าปลูกสร้างเป็นเงินจำนวนหนึ่งแล้วเจ้าของที่ดินยอมให้ผู้เช่าเช่าตึกนั้นมีกำหนด 3 ปี ดังนี้ เป็นเพียงผู้เช่าออกเงินค่าก่อสร้างไปแทนเจ้าของที่ดินเท่านั้น ตามลักษณะของทรัพย์ที่เป็นตึก จะแยกจากที่ดินไม่ได้ ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดิน จึงตกเป็นของเจ้าของที่ดินด้วย
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มาแต่แรกแต่คนเดียวเอาทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่า แล้วเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาเช่าโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอมจากตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งนั้นเป็นหน้าที่เจ้าของร่วมคนที่ฟ้องจะต้องนำสืบว่าตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งไม่ได้ยินยอมและผู้เช่าผู้เป็นคู่สัญญาก็รู้ถึงความเห็นส่วนมากของเจ้าของร่วมนี้ด้วยจึงจะปลีกพ้นจากความรับผิดได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงินค่าก่อสร้างตึกที่จำเลยออกแทนไปเพื่อขับไล่จำเลยออกจากตึกนี้ แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะขับไล่ทั้งจำเลยก็มิได้ขอเรียกเงินจำนวนนี้จากโจทก์ จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะใช้เขาหรือไม่ไม่ใช่คำบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ตึกส่วนควบที่ดิน & สัญญาเช่าที่เจ้าของร่วมไม่ได้ยินยอม
เจ้าของที่ดินทำสัญญากับผู้เช่าให้ผู้เช่าปลูกตึกคนกรีตลงในที่ดินของตนโดยให้ผู้เช่าเป็นผู้ออกเงินค่าปลูกสร้างเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แล้วเจ้าของที่ดินยอมให้ผู้เช่าเช่าตึกนั้นมีกำหนด 3 ปี ดังนี้ เป็นเพียงผู้เช่าออกเงินค่าก่อสร้างไปแทนเจ้าของที่ดินเท่านั้น ตามลักษณะของทรัพย์ที่เป็นตึก จะแยกจากที่ดินไปได้ ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดิน จึงตกเป็นของเจ้าของที่ดินด้วย
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มาแต่แรกแต่คนเดียวเอาทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่าแล้วเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาเช่าโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอม จากตนและเจ้าของร่วมคนที่ฟ้องจะต้องนำสืบว่าตนและเจาของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งไม่ได้ยินยอมและผู้เช่าผู้เป็นคู่สัญญาก็รู้ถึงความเห็นส่วนมากของเจาของร่วมนี้ด้วย ึงจะพ้นจากความรับผิดได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงินค่าก่อสร้างตึกที่จำเลยออกแทนไป เพื่อขับไล่จำเลยออกจากตึกนี้ แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะขับไล่ทั้งจำเลยก็มิได้ขอเรียกเงินจำนวนนี้จากโจทก์จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะใช้เขาหรือไม่ ไม่ใช่คำบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาเช่า, การบอกเลิกสัญญา, และการใช้สิทธิฟ้องโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ทำสัญญาเช่าบ้านกับบิดาเจ้าของบ้าน เมื่อผู้เช่าประพฤติผิดสัญญาเช่า บิดาเจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้ให้เช่าย่อมีอำนาจฟ้องผู้เช่าได้ เพราะเป็นคู่สัญญากับผู้เช่าได้รับประโยชน์ในสัญญาแล้ว
ในกรณีที่ผู้เช่าไม่สงวนสถานที่เช่าเสมอกับวิญญูชนจะถึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง แม้ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาจะต้องบอกกล่าวก่อนตาม ป.ม. แพ่งมาตรา 554 แต่ถ้าการเช่นนั้นได้สิ้นสุดลงแล้วเพราะหมดอายุสัญญาเช่าผู้ให้เช่าก็มีสิทธิฟ้องผู้เช่าในเหตุนี้ได้ โดยมิต้องบอกกล่าวก่อน เพราะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ มาตรา 16(4) มิได้มีบทบัญญัติให้ต้องบอกกล่าวไม่
อยู่ในบ้านเช่า 5 ครัวต่างทำครัวของตนเองทั้งชั้นบนและชั้นล่างและที่ระเบียง บ้านมีลักษณะเก่าหน้าต่างชำรุด เป็นพฤติการณ์ที่ขับไล่ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(4)
of 145