คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 537

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,443 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่า: การยินยอมให้ใช้เช็คแทนหนังสือค้ำประกัน ถือเป็นการสละสิทธิ
ในสัญญาเช่ามีข้อสัญญาว่าผู้เช่าต้องให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกันความเสียหายในทรัพย์สินที่เช่าให้ไว้แก่ผู้ให้เช่า แต่ผู้ให้เช่ามิได้ถือว่าหน้าที่จัดให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกันเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อผู้เช่าสั่งจ่ายเช็คให้ผู้ให้เช่ายึดถือไว้แทนหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ผู้ให้เช่าก็ยินยอม กรณีจึงถือได้ว่าผู้ให้เช่าได้สละผลบังคับตามสัญญาเช่าข้อดังกล่าวเสียแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ตกเป็นผู้ผิดสัญญาเช่าเพราะมิได้จัดให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกัน ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าและฟ้องขับไล่ผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิในสัญญาเช่า: การยินยอมให้ใช้เช็คแทนหนังสือค้ำประกัน ถือเป็นการสละผลบังคับตามสัญญา
ในสัญญาเช่ามีข้อสัญญาว่าผู้เช่าต้องให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกันความเสียหายในทรัพย์สินที่เช่าให้ไว้แก่ผู้ให้เช่า แต่ผู้ให้เช่ามิได้ถือว่าหน้าที่จัดให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกันเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อผู้เช่าสั่งจ่ายเช็คให้ผู้ให้เช่ายึดถือไว้แทนหนังสือค้ำประกันของธนาคารผู้ให้เช่าก็ยินยอม กรณีจึงถือได้ว่าผู้ให้เช่าได้สละ ผลบังคับตามสัญญาเช่าข้อดังกล่าวเสียแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ตกเป็นผู้ผิดสัญญาเช่าเพราะมิได้จัดให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกัน ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่า และฟ้องขับไล่ผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2130/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษ การผิดสัญญาชำระภาษี และสิทธิบอกเลิกสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่าเจ้าของที่ดินให้จำเลยปลูกสร้างตึกแถวและหาผู้เช่ามีกำหนดสัญญาเช่า15 ปี จำเลยลงทุนก่อสร้างตึกแถว 12 ห้อง ได้ผู้เช่าบ้างและจำเลยเช่าเองบ้าง จำเลยมีสิทธิการเช่าตามสัญญา และจำเลยยอมรับเสียภาษีโรงเรือนแทนเจ้าของตึกแถวบางครั้ง 2-3 ปีชำระ บางครั้ง 4-5 ปีชำระ ทุกครั้งจำเลยชำระตามที่ทางการเรียกเก็บ เจ้าของตึกและโจทก์ทราบถึงการชำระภาษีโดยไม่คัดค้าน จนเป็นที่ยอมรับตามที่จำเลยปฏิบัติตลอดมา การที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา จำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกแถวต่อไปจนครบ 15 ปีตามสัญญาเช่า และข้อสัญญาที่ว่าถ้าผู้เช่าไม่ยอมเสียภาษีที่ทางราชการเรียกเก็บผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาได้ โจทก์ไม่ได้ถือเป็นสาระสำคัญของสัญญาตลอดมานั้น พอถือได้ว่าเป็นข้อที่จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว
แม้สัญญาเช่าจะเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา แต่มีข้อสัญญาระบุว่า ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาข้อใด ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที เมื่อจำเลยผู้เช่าผิดสัญญา โจทก์ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญา และโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือไม่ เป็นการตีความข้อตกลงแห่งสัญญาเช่า เป็นปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกรณีมีนิติสัมพันธ์กับจำเลย แม้สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้ว
ขณะที่โจทก์มีสิทธิการเช่าห้องพิพาทโจทก์ได้ให้จำเลยเข้าไปอาศัยอยู่โดยตกลงกันว่าจำเลยจะออกจากห้องเมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป จึงเป็นการก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างกันซึ่งผูกพันคู่กรณีที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลง เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจากห้องพิพาทจึงมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่เจ้าของห้องพิพาทบอกเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าช่วง แม้สัญญาเช่าหลักสิ้นสุดแล้ว ยังมีสิทธิเรียกร้องตามข้อตกลงกับผู้เช่าช่วงได้
ขณะที่โจทก์มีสิทธิการเช่าห้องพิพาทโจทก์ได้ให้จำเลยเข้าไปอาศัยอยู่ โดยตกลงกันว่าจำเลยจะออกจากห้องเมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป จึงเป็นการก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างกันซึ่งผูกพันคู่กรณีที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลง เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจากห้องพิพาทจึงมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่เจ้าของห้องพิพาทบอกเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรมชลประทานมีอำนาจให้เช่าที่ดินเพื่อรักษาทรัพย์สิน ไม่ผิดวัตถุประสงค์ แม้ยังมิได้ใช้ประโยชน์
กรมชลประทานซึ่งเป็นนิติบุคคล ย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของครอบครองและดูแลรักษาทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้ตาม วัตถุประสงค์ของกรมชลประทานได้ การที่กรมชลประทานเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าในเวลาที่กรมชลประทานยังไม่จำเป็นต้องใช้ ย่อมเป็นการกระทำในการดูแลทรัพย์สินของทางราชการเอาไว้ไม่ให้ผู้อื่นแย่งการครอบครองเอาไปโดยมิชอบโดยไม่ปรากฏว่าผิดต่อวัตถุประสงค์ของกรมชลประทาน เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าทำสัญญากับกรมชลประทานและเป็นผู้ปฏิบัติผิดสัญญาเช่านั้น กรมชลประทานย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของนิติบุคคลในการเช่าทรัพย์สินเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ และอำนาจฟ้องคดีสัญญาเช่า
กรมชลประทานซึ่งเป็นนิติบุคคล ย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของครอบครองและดูแลรักษาทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ของกรมชลประทานได้ การที่กรมชลประทานเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าในเวลาที่กรมชลประทานยังไม่จำเป็นต้องใช้ ย่อมเป็นการกระทำในการดูแลทรัพย์สินของทางราชการเอาไว้ไม่ให้ผู้อื่นแย่งการครอบครองเอาไปโดยมิชอบ โดยไม่ปรากฏว่าผิดต่อวัตถุประสงค์ของกรมชลประทาน เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าทำสัญญากับกรมชลประทานและเป็นผู้ปฏิบัติผิดสัญญาเช่านั้น กรมชลประทานย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินแป๊ะเจี๊ยะเป็นเงินกินเปล่า เมื่อผู้เช่าผิดสัญญาจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องคืน
เงินแป๊ะเจี๊ยะคือเงินกินเปล่า แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าแต่ก็ต้องถือว่าเป็นเงินที่โจทก์ให้แก่จำเลยเปล่าๆ ไม่มีเจตนาจะเอาคืน เมื่อโจทก์ต้องออกจากห้องพิพาทเพราะความผิดของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินแป๊ะเจี๊ยะคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินแป๊ะเจี๊ยะคือเงินกินเปล่า หากผู้เช่าผิดสัญญา จะไม่ได้รับเงินคืน
เงินแป๊ะเจี๊ยะคือเงินกินเปล่า แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าแต่ก็ต้องถือว่าเป็นเงินที่โจทก์ให้แก่จำเลยเปล่า ๆ ไม่มีเจตนาจะเอาคืน เมื่อโจทก์ต้องออกจากห้องพิพาทเพราะความผิดของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินแป๊ะเจี๊ยะคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่า: การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามในคดีค่าเช่าต่ำกว่า 2,000 บาท และการวินิจฉัยข้อกฎหมายชอบด้วยเหตุผล
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบคำบอกกล่าวของโจทก์ที่ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์มีกำหนด 12 ปี โดยจำเลยที่ 1 ยกบ้านให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันอีกไม่ได้
จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่าและไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด
of 145