คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 537

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,443 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่า: การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามในคดีค่าเช่าต่ำกว่า 2,000 บาท และการวินิจฉัยข้อกฎหมายชอบด้วยเหตุผล
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบคำบอกกล่าวของโจทก์ที่ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์มีกำหนด 12 ปี โดยจำเลยที่ 1 ยกบ้านให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันอีกไม่ได้
จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่าและไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความยังไม่สมบูรณ์เป็นสัญญาเช่า หากขาดรายละเอียดสำคัญ เช่น ระยะเวลาและอัตราค่าเช่า
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ว่า หากครบสัญญาเช่าแล้วโจทก์จะให้จำเลยเป็นผู้เช่าต่อเป็นรายแรก ไม่อาจตีความว่าเป็นสัญญาเช่า เพราะไม่มีรายละเอียดในเรื่องกำหนดระยะเวลาเช่าและอัตราค่าเช่า ซึ่งถือเป็นสารสำคัญของสัญญาเช่าทรัพย์ แสดงว่าโจทก์จำเลยจะต้องตกลงกันในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อยังไม่มีการตกลงกันก็ต้องถือว่ายังไม่มีสัญญาต่อกัน จำเลยจะขอให้บังคับโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าทรัพย์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3880/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยสุจริต แม้มีข้อตกลงซื้อขายก่อนระหว่างเจ้าของเดิมกับผู้อื่น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ
การซื้อขายที่ดินเป็นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินผู้มีกรรมสิทธิ์ย่อมมีอำนาจขายได้ สิทธิของจำเลยกับเจ้าของที่ดินตามที่อ้างว่าได้ทำสัญญากันไว้ให้จำเลยมีโอกาสซื้อที่ดินส่วนที่จำเลยเช่าได้ก่อนคนอื่นนั้นไม่ผูกพันโจทก์หากเจ้าของที่ดินผิดสัญญากับจำเลยก็ชอบที่จะว่ากล่าวกันต่างหาก การซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับเจ้าของที่ดินมิใช่กรณีที่มีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย หรือเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่ประการใด นิติกรรมหาเป็นโมฆะกรรมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3880/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยสุจริต ไม่ผูกพันสิทธิสัญญาเช่าเดิมระหว่างจำเลยกับเจ้าของที่ดิน
การซื้อขายที่ดินเป็นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สิน ผู้มีกรรมสิทธิ์ย่อมมีอำนาจขายได้ สิทธิของจำเลยกับเจ้าของที่ดินตามที่อ้างว่าได้ทำสัญญากันไว้ให้จำเลยมีโอกาสซื้อที่ดินส่วนที่จำเลยเช่าได้ก่อนคนอื่นนั้นไม่ผูกพันโจทก์หากเจ้าของที่ดินผิดสัญญากับจำเลยก็ชอบที่จะว่ากล่าวกันต่างหาก การซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับเจ้าของที่ดินมิใช่กรณีที่มีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย หรือเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่ประการใด นิติกรรมหาเป็นโมฆะกรรมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา 248 ป.วิ.พ.
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์นั้นแต่ประการใด แม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนเข้ามาด้วยเป็นจำนวนเงิน 15,000 บาทก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นการเรียกค่าเช่าที่คำนวณเป็นค่าเสียหายเข้ามาด้วยอันเกี่ยวพันกันกับฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์นั้นเอง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกนั้นไม่เกิน 50,000 บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษาเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยเฉพาะในจำนวนเงินที่เรียกนั้นเท่านั้นจึงเป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่า: ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา 248
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์นั้นแต่ประการใด แม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนเข้ามาด้วยเป็นจำนวนเงิน 15,000 บาทก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นการเรียกค่าเช่าที่คำนวณเป็นค่าเสียหายเข้ามาด้วยอันเกี่ยวพันกันกับฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์นั้นเอง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกนั้นไม่เกิน 50,000 บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษาเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยเฉพาะในจำนวนเงินที่เรียกนั้นเท่านั้นจึงเป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน & หน้าที่แจ้งความยินยอมผู้เช่า: สัญญาไม่ตกเป็นโมฆียะ แม้โจทก์ไม่ได้แจ้งความยินยอมของผู้เช่าโดยตรง
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินทำสัญญาให้เช่าที่ดินพิพาทแก่ป. และทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์ในขณะที่สัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดเวลาเช่า ในสัญญาเช่ามีข้อความว่าถ้าผู้ให้เช่าตกลงขายทรัพย์สินที่เช่าให้แก่ผู้ใดก่อนครบกำหนดการเช่าตามสัญญา ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้า เพื่อผู้เช่าเตรียมตัวออกจากทรัพย์สินที่เช่าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองเดือน และผู้ให้เช่าจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบด้วยว่าจะตกลงขายให้แก่ผู้ใดเป็นเงินเท่าใดเพื่อผู้เช่าจะได้มีโอกาสตกลงซื้อได้ก่อนในเมื่อเห็นว่าเป็นราคาสมควรนั้นการที่จำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์ได้ใช้อุบายหลอกลวงจำเลยด้วยการนำเอาความเท็จมาแจ้งแก่จำเลยว่าผู้เช่ายินยอมให้ขายที่ดินพิพาทได้นั้น แม้จะเป็นความจริงก็มิใช่กลฉ้อฉลอันถึงขนาดที่จะทำให้สัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 122. เพราะตามสัญญาเช่านั้นเป็นหน้าที่ของจำเลยผู้ให้เช่าที่จะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบว่า จำเลยตกลงขายให้ผู้ใดเป็นเงินเท่าใด หาใช่หน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องแจ้งแก่จำเลยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2458/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายห้องแถวแม้เป็นโมฆะ แต่จำเลยเข้าครอบครองโดยไม่ได้อาศัยโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องแถวของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยอาศัยอยู่เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ขายห้องแถวพิพาทให้แก่จำเลยและจำเลยเป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองตลอดมาแล้ว โจทก์มิได้อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์โต้แย้งในข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้เป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยว่าการซื้อขายเป็นโมฆะแต่การเข้าอยู่ในห้องแถวพิพาทของจำเลยก็มิใช่เป็นการอาศัยโจทก์ดังที่โจทก์อ้างในฟ้อง ดังนี้ โจทก์หามีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากห้องแถวพิพาทนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ารถยนต์ ความรับผิดของผู้เช่าต่อความเสียหายจากการประมาท และข้อยกเว้นความรับผิดตามสัญญา
สัญญาเช่ารถยนต์เป็นสัญญาเดิมที่ทำขึ้นระหว่างบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด กับโจทก์ ต่อมาเมื่อจำเลยตั้งขึ้นเป็นองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้รับโอนกิจการและทรัพย์สินของบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด มาดำเนินกิจการได้เช่ารถยนต์คันพิพาทสืบต่อมา โดยไม่ได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่จึงนำสัญญาเช่าซึ่งมีอยู่เดิมมาใช้บังคับได้
สัญญาเช่ามีข้อความว่า ผู้ให้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้รถที่เช่า รวมถึงความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุและเหตุสุดวิสัย เป็นต้นข้อที่ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้รถที่เช่านั้น หมายความถึงการที่ผู้เช่าใช้รถที่เช่าอย่างปกติธรรมดาตามประเพณีนิยม โดยได้สงวนทรัพย์สินนั้นเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง ผู้เช่าจึงจะไม่ต้องรับผิดในความเสียหายต่าง ๆ ที่โดยปกติย่อมเกิดขึ้นจากการใช้รถที่เช่า เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ผู้เช่าได้ขับรถยนต์ที่เช่าด้วยความประมาทไปชนกับรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหายอันเป็นการละเมิดจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในความเสียหายของทรัพย์สินที่เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ารถยนต์: ความรับผิดของผู้เช่าต่อความเสียหายจากการประมาท และการใช้สัญญาเดิมหลังโอนกิจการ
สัญญาเช่ารถยนต์เป็นสัญญาเดิมที่ทำขึ้นระหว่างบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด กับโจทก์ ต่อมาเมื่อจำเลยตั้งขึ้นเป็นองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้รับโอนกิจการและทรัพย์สินของบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด มาดำเนินกิจการ ได้เช่ารถยนต์คันพิพาทสืบต่อมาโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่จึงนำสัญญาเช่าซึ่งมีอยู่เดิมมาใช้บังคับได้
สัญญาเช่ามีข้อความว่า ผู้ให้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้รถที่เช่า รวมถึงความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุและเหตุสุดวิสัย เป็นต้นข้อที่ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้รถที่เช่านั้น หมายความถึงการที่ผู้เช่าใช้รถที่เช่าอย่างปกติธรรมดาตามประเพณีนิยม โดยได้สงวนทรัพย์สินนั้นเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง ผู้เช่าจึงจะไม่ต้องรับผิดในความเสียหายต่าง ๆ ที่โดยปกติย่อมเกิดขึ้นจากการใช้รถที่เช่า เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ผู้เช่าได้ขับรถยนต์ที่เช่าด้วยความประมาทไปชนกับรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหายอันเป็นการละเมิดจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในความเสียหายของทรัพย์สินที่เช่า
of 145