พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3119/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามในคดีอาญาและผลกระทบต่อคำพิพากษาคดีแพ่งที่เกี่ยวข้อง
การที่จะเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 359 (4) นั้น ต้องได้ความว่าเจ้าของทรัพย์นั้นเป็นกสิกร เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า ข้าวนาปรังที่จำเลยทั้งสามร่วมกันทำให้เสียหายเป็นพืชหรือพืชผลของกสิกร จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 359 ได้ เท่ากับความผิดฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามแต่เพียงมาตรา 358 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และโจทก์อุทธรณ์เฉพาะความผิดฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงใหม่ จึงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22 ประกอบ พ.ร.บ.ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้ในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3 การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์ และศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับวินิจฉัยให้นั้น เป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง, 225 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 และ พ.ร.บ.ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้ในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3 สำหรับคดีในส่วนแพ่งนั้น แม้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ของโจทก์จะไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แต่ในการวินิจฉัยคดีส่วนแพ่งที่เป็นการฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญาเกี่ยวเนื่องกัน ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์, และลักทรัพย์เจตนาต่อเนื่อง
จำเลยเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแล้วตัดโค่นต้นยางพาราจำนวน 17 ต้น และเอาต้นยางพาราดังกล่าวไปโดยใช้รถยนต์บรรทุก อันเป็นความผิดฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหาย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จำเลยมีความมุ่งหมายที่จะเข้าไปตัดโค่นต้นยางพาราซึ่งอยู่ในที่ดินดังกล่าว แล้วนำออกไปจากที่ดิน โดยใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุก ต้นยางพาราไป จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาเดียวต่อเนื่องกันตลอดมาไม่ขาดตอนอันเป็นการกระทำ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตาม ป.อ.มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์, และลักทรัพย์จากที่ดิน
จำเลยเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแล้วตัดโค่นต้นยางพาราจำนวน 17 ต้นและเอาต้นยางพาราดังกล่าวไปโดยใช้รถยนต์บรรทุกอันเป็นความผิดฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์ การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จำเลยมีความมุ่งหมายที่จะเข้าไปตัดโค่นต้นยางพาราซึ่งอยู่ในที่ดินดังกล่าวแล้วนำออกไปจากที่ดิน โดยใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุกต้นยางพาราไป จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาเดียวต่อเนื่องกันตลอดมาไม่ขาดตอนอันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดอ้อยของผู้อื่นในที่ดินพิพาท แม้แจ้งความแล้วก็เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
จำเลยทราบดีว่าอ้อยที่จำเลยสั่งให้คนงานตัดเป็นของผู้อื่นที่มาไถพืชผลของจำเลยที่ปลูกไว้ในที่ดินที่เกิดเหตุซึ่งโจทก์ร่วมและจำเลยพิพาทแย่งสิทธิครอบครองกันอยู่แล้วปลูกอ้อยขึ้นแทน แม้จำเลยจะไม่ทราบว่าโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของอ้อยและก่อนตัดอ้อยจำเลยจะได้แจ้งความให้เจ้าพนักงานตำรวจรับทราบไว้ล่วงหน้าก็ตาม จำเลยก็ไม่มีอำนาจที่จะตัดอ้อยดังกล่าว การที่จำเลยสั่งให้ตัดอ้อยของโจทก์ร่วมจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดอ้อยในที่ดินพิพาท แม้ไม่ทราบเจ้าของ แต่เป็นการทำให้เสียทรัพย์
จำเลยทราบดีว่าอ้อยที่จำเลยสั่งให้คนงานตัดเป็นของผู้อื่นที่มาไถพืชผลของจำเลยที่ปลูกไว้ในที่ดินที่เกิดเหตุซึ่งโจทก์ร่วมและจำเลยพิพาทแย่งสิทธิครอบครองกันอยู่แล้วปลูกอ้อยขึ้นแทน แม้จำเลยจะไม่ทราบว่าโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของอ้อยและก่อนตัดอ้อยจำเลยจะได้แจ้งความให้เจ้าพนักงานตำรวจรับทราบไว้ล่วงหน้าก็ตาม จำเลยก็ไม่มีอำนาจที่จะตัดอ้อยดังกล่าว การที่จำเลยสั่งให้ตัดอ้อยของโจทก์ร่วมจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359 (4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายต้นกล้วยปลูกขายของกสิกร ถือเป็นความเสียหายต่อทรัพย์สินของกสิกรตามกฎหมายอาญา
ต้นกล้วยที่ผู้มีอาชีพทำนาปลูกไว้เพื่อขาย เป็นพืชของกสิกร ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำให้เสียทรัพย์จากความขัดแย้งเรื่องที่ดิน จำเลยถอนพืชผลที่โจทก์ปลูกโดยไม่มีสิทธิ
โจทก์ร่วมกับจำเลยพิพาทกันในเรื่องที่ดิน โดยภริยาโจทก์ร่วมฟ้องคดีแพ่งขับไล่จำเลย คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล การที่จำเลยถอนต้นกล้วยและมันเทศซึ่งจำเลยก็ทราบว่าโจทก์ร่วมได้ปลูกไว้ในที่พิพาททิ้งไปย่อมเห็นได้ว่าทำให้ต้นกล้วยและมันเทศที่ปลูกไว้นั้นเสียหาย จำเลยกระทำโดยพลการ มิได้ใช้สิทธิให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำให้เสียทรัพย์จากความพิพาทที่ดิน การกระทำโดยพลการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ร่วมกับจำเลยพิพาทกันในเรื่องที่ดิน โดยภริยาโจทก์ร่วมฟ้องคดีแพ่งขับไล่จำเลย คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล การที่จำเลยถอนต้นกล้วยและมันเทศ ซึ่งจำเลยก็ทราบว่าโจทก์ร่วมได้ปลูกไว้ในที่พิพาททิ้งไป ย่อมเห็นได้ว่าทำให้ต้นกล้วย และมันเทศที่ปลูกไว้นั้นเสียหาย จำเลยกระทำโดยพลการ มิได้ใช้สิทธิให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายต้นไม้ปลูกตามแนวเขต ไม่ถือเป็นพืชผลในการกสิกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4)
คำว่าพืช หรือ พืชผลของกสิการซึ่งบัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359 (4) นั้น หมายถึงพืชหรือพืชผลที่ปลูกในการกสิกรรมของกสิกร ฉะนั้น ต้นนุ่นและต้นมะม่วงหิมพานต์ซึ่งผู้เสียหายผู้เป็นกสิกร ด้วยการทำนาปลูกไว้ เฉย ๆ ตามแนวเขต และจำเลยถอนทำลายเสียนั้น จะฟังว่า เป็นพืชหรือพืชผล ในการกสิกรรมของผู้เสียหายตามกฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดความ ‘พืชผลของกสิกร’ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4) กรณีต้นไม้ปลูกตามแนวเขต
คำว่าพืชหรือพืชผลของกสิกรซึ่งบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4) นั้น หมายถึงพืชหรือพืชผลที่ปลูกในการกสิกรรมของกสิกรฉะนั้น ต้นนุ่นและต้นมะม่วงหิมพานต์ซึ่งผู้เสียหายผู้เป็นกสิกรด้วยการทำนาปลูกไว้เฉยๆ ตามแนวเขตและจำเลยถอนทำลายเสียนั้นจะฟังว่าเป็นพืชหรือพืชผลในการกสิกรรมของผู้เสียหายตามกฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2505)