พบผลลัพธ์ทั้งหมด 240 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความตั๋วสัญญาใช้เงินและการทวงหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผลของการทวงหนี้ต่ออายุความ
การทวงหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นการบังคับตามสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจทำได้โดยไม่ต้องฟ้องคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจทำได้โดยไม่ต้องฟ้องคดีต่อศาล ดังนั้นการทวงหนี้จึงเป็นการทำการอื่นใดอันนับว่ามีผลเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดีอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 มิใช่ต้องรอให้มีการออกหนังสือแจ้งยืนยันหนี้ตามมาตรา 119 วรรคสอง เสียก่อน จึงจะถือว่าเป็นการอื่นใดนับว่ามีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดี เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แจ้งความเป็นหนังสือไปยังผู้ร้องให้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเท่ากับเป็นการบังคับตามสิทธิเรียกร้องอันมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทจึงไม่ขาดอายุความ อายุความเป็นระยะเวลาอย่างหนึ่ง ดังนั้น การนับอายุความเป็นปีจึงต้องมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย ระยะเวลาที่นับนั้นจึงต้องสิ้นสุดลงในวันก่อนหน้าจะถึงวันแห่งปีสุดท้ายอันเป็นวันตรงกับวันเริ่มระยะเวลา ตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทมีกำหนด3 ปี นับแต่ทวงถาม เมื่อทวงถามวันที่ 2 กันยายน 2526 อายุความจึงเริ่มนับวันที่ 3 กันยายน 2526 เป็นวันแรก และสิ้นสุดลงในวันที่ 2กันยายน 2529 อันเป็นวันสุดท้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทวงหนี้โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง แม้ไม่ต้องออกหนังสือแจ้งยืนยันหนี้
การทวงหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นการบังคับตามสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจทำได้โดยไม่ต้องฟ้องคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจทำได้โดยไม่ต้องฟ้องคดีต่อศาล ดังนั้นการทวงหนี้จึงเป็นการทำการอื่นใดอันนับว่ามีผลเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดีอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 มิใช่ต้องรอให้มีการออกหนังสือแจ้งยืนยันหนี้ตามมาตรา 119 วรรคสอง เสียก่อน จึงจะถือว่าเป็นการอื่นใดนับว่ามีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดี เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แจ้งความเป็นหนังสือไปยังผู้ร้องให้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเท่ากับเป็นการบังคับตามสิทธิเรียกร้องอันมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทจึงไม่ขาดอายุความ
อายุความเป็นระยะเวลาอย่างหนึ่ง ดังนั้น การนับอายุความเป็นปีจึงต้องมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย ระยะเวลาที่นับนั้นจึงต้องสิ้นสุดลงในวันก่อนหน้าจะถึงวันแห่งปีสุดท้ายอันเป็นวันตรงกับวันเริ่มระยะเวลา ตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทมีกำหนด 3 ปี นับแต่ทวงถาม เมื่อทวงถามวันที่ 2 กันยายน 2526 อายุความจึงเริ่มนับวันที่ 3 กันยายน 2526 เป็นวันแรก และสิ้นสุดลงในวันที่ 2 กันยายน 2529 อันเป็นวันสุดท้าย
อายุความเป็นระยะเวลาอย่างหนึ่ง ดังนั้น การนับอายุความเป็นปีจึงต้องมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย ระยะเวลาที่นับนั้นจึงต้องสิ้นสุดลงในวันก่อนหน้าจะถึงวันแห่งปีสุดท้ายอันเป็นวันตรงกับวันเริ่มระยะเวลา ตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทมีกำหนด 3 ปี นับแต่ทวงถาม เมื่อทวงถามวันที่ 2 กันยายน 2526 อายุความจึงเริ่มนับวันที่ 3 กันยายน 2526 เป็นวันแรก และสิ้นสุดลงในวันที่ 2 กันยายน 2529 อันเป็นวันสุดท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5737/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาผัดฟ้องต้องเริ่มนับทันที ไม่ใช่วันรุ่งขึ้น หากพ้นกำหนดต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ
กำหนดเวลาขอผัดฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ต้องเริ่มนับทันทีตั้งแต่วันแรกที่ร้องขอผัดฟ้องจะเริ่มนับในวันรุ่งขึ้นจากที่ร้องขอผัดฟ้องต่อศาลหาได้ไม่ มิฉะนั้นอาจมีกรณีที่เวลาของกำหนดระยะเวลาผัดฟ้องกับเวลาที่ครบกำหนดเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ที่จับผู้ต้องหาได้ อาจไม่ต่อเนื่องกันเกิดขึ้นได้ เมื่อเวลาที่ครบกำหนดเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ที่จับผู้ต้องหาได้คือเวลา 16.30 นาฬิกา ของวันที่ 13ตุลาคม 2529 พนักงานสอบสวนขอผัดฟ้องต่อศาลครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2529 และมีการขอผัดฟ้องรวม 5 ครั้ง ครั้งละ 6 วันดังนี้วันที่โจทก์อาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการเป็นวันสุดท้ายจึงตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2529 โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 12 พฤศจิกายน 2529 โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการจึงไม่ชอบ แม้ศาลจะอนุญาตให้ผัดฟ้องมาโดยมีการนับกำหนดเวลาผิดพลาด โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5737/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาผัดฟ้องและการหมดอำนาจฟ้องคดีอาญา การนับเวลาผัดฟ้องต้องเริ่มทันทีที่ร้องขอ
กำหนดเวลาขอผัดฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ต้องเริ่มนับทันทีตั้งแต่วันแรกที่ร้องขอผัดฟ้องจะเริ่มนับในวันรุ่งขึ้นจากที่ร้องขอผัดฟ้องต่อศาลหาได้ไม่ มิฉะนั้นอาจมีกรณีที่เวลาของกำหนดระยะเวลาผัดฟ้องกับเวลาที่ครบกำหนดเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ที่จับผู้ต้องหาได้ อาจไม่ต่อเนื่องกันเกิดขึ้นได้ เมื่อเวลาที่ครบกำหนดเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ที่จับผู้ต้องหาได้คือเวลา 16.30 นาฬิกา ของวันที่ 13 ตุลาคม2529 พนักงานสอบสวนขอผัดฟ้องต่อศาลครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2529 และมีการขอผัดฟ้องรวม5 ครั้ง ครั้งละ 6 วัน ดังนี้วันที่โจทก์อาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการเป็นวันสุดท้ายจึงตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2529 โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 12 พฤศจิกายน 2529 โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการจึงไม่ชอบ แม้ศาลจะอนุญาตให้ผัดฟ้องมาโดยมีการนับกำหนดเวลาผิดพลาด โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทราบคำสั่งทางปกครอง: การรับทราบโดยพนักงานชั้นผู้น้อยไม่ถือว่าเป็นการรับทราบของโจทก์
การที่ ป. เป็นเพียงพนักงานชั้นผู้น้อยทำหน้าที่รับส่งหนังสือของโจทก์ รับซอง หนังสือและคำสั่งของอธิบดีกรมแรงงานที่สั่งให้โจทก์จ่ายเงินทดแทนแก่ ค. ไว้ไม่ว่า ป. จะได้เปิดซอง ทราบเนื้อความในหนังสือนำส่งและคำสั่งแล้วหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่อาจถือได้ว่าโจทก์โดย ป. ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เพราะ ป. มิใช่ผู้แทนของโจทก์ผู้สามารถจะแสดงความประสงค์ประการใดแทนโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 75 ฉะนั้นเมื่อคำสั่งดังกล่าวถูกนำเสนอขึ้นไปตามลำดับชั้น จนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530รองผู้ว่าการผู้ทำการแทนผู้ว่าการของโจทก์จึงทราบคำสั่ง เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์โดยรองผู้ว่าการได้ทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 10กุมภาพันธ์ 2530 และครบกำหนดสามสิบวันนับแต่วันโจทก์ทราบคำสั่งอันจะทำให้คำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุดตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 60 ที่แก้ไขใหม่ในวันที่ 12 มีนาคม 2530โจทก์นำคดีมาสู่ศาลวันที่ 9 มีนาคม 2530 จึงหาพ้นกำหนดตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ข้อ 60 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรู้คำสั่งทางปกครอง: การรับรู้ผ่านพนักงานชั้นผู้น้อยไม่ถือว่าเป็นการรับรู้ของโจทก์โดยตรง
การที่ ป. เป็นเพียงพนักงานชั้นผู้น้อยทำหน้าที่รับส่งหนังสือของโจทก์ รับซองหนังสือและคำสั่งของอธิบดีกรมแรงงานที่สั่งให้โจทก์จ่ายเงินทดแทนแก่ ค. ไว้ ไม่ว่า ป. จะได้เปิดซองทราบเนื้อความในหนังสือนำส่งและคำสั่งแล้วหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่อาจถือได้ว่าโจทก์โดย ป. ทราบคำสั่งนั้นแล้วเพราะ ป. มิใช่ผู้แทนของโจทก์ผู้สามารถจะแสดงความประสงค์ประการใดแทนโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 75 ฉะนั้นเมื่อคำสั่งดังกล่าวถูกนำเสนอขึ้นไปตามลำดับชั้น จนวันที่ 10 กุมภาพันธ์2530 รองผู้ว่าการผู้ทำการแทนผู้ว่าการของโจทก์จึงทราบคำสั่งเช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์โดยรองผู้ว่าการได้ทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 และครบกำหนดสามสิบวันนับแต่วันโจทก์ทราบคำสั่งอันจะทำให้คำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุดตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 60 ที่แก้ไขใหม่ในวันที่ 12 มีนาคม 2530 โจทก์นำคดีมาสู่ศาลวันที่ 9 มีนาคม2530 จึงหาพ้นกำหนดตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ข้อ 60 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และผลของการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนด ที่ดินของโจทก์ เพราะที่ดินอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนด ที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ศาลมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่งซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 11 สิงหาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลก็อนุญาตอีก จึงเริ่มนับ 1 ในวันที่12 สิงหาคม 2527 จะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์ก็ไม่ได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่มกลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้นถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาค่าขึ้นศาล และการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้ามย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1274/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้, อายุความ, อำนาจฟ้อง: ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง ฟ้องไม่เคลือบคลุม ไม่ขาดอายุความ
บรรยายฟ้องว่าให้จำเลยชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อที่ค้างชำระตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ระบุจำนวนหนี้ที่ค้างอยู่อย่างชัดแจ้งเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม หนังสือรับสภาพหนี้กำหนดให้ชำระหนี้ทั้งหมดภายในวันที่31ธันวาคม2521เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดดังกล่าวเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงจึงสิ้นสุดลงในวันที่31ธันวาคม2521ต้องเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันรุ่งขึ้น หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าซึ่งจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ว่ายังเป็นหนี้ค่าสินค้าคือค่าน้ำมันและปรากฏว่าจำเลยยังมิได้ชำระแก่โจทก์(ผู้รับมอบอำนาจ)โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องหรือมอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ได้ ตามหนังสือรับสภาพหนี้ระบุให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งซึ่งโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้ต่อศาลแพ่ง หนังสือรับสภาพหนี้ที่ระบุชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าสินค้าจำนวนแน่นอนอยู่จริงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ที่ใช้ได้.