พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6274/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้บุริมสิทธิค่าส่วนกลางและการยกอายุความของเจ้าหนี้จำนอง
โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับจำนองแก่ห้องชุดเลขที่ 60/630 ซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนองตามคำพิพากษา ส่วนผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทรัพย์ส่วนกลางที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของห้องชุดดังกล่าวค้างจ่ายแก่ผู้ร้อง ซึ่งตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติให้ถือว่าเป็นบุริมสิทธิลำดับเดียวกับบุริมสิทธิตามมาตรา 273 (1) แห่ง ป.พ.พ. และมีอยู่เหนือห้องชุดอันเป็นทรัพย์ส่วนบุคคลของจำเลย และเมื่อปรากฏว่าผู้จัดการผู้ร้องได้ส่งรายการหนี้ดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว บุริมสิทธิของผู้ร้องจึงอยู่ในลำดับก่อนจำนองตามที่บัญญัติไว้ในวรรคสองของมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์กับผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 280 (1) และ (2) และเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน โจทก์ย่อมมีสิทธิยกข้อต่อสู้ว่า หนี้ของผู้ร้องที่นำมาขอรับชำระหนี้นั้นขาดอายุความแล้วเพื่อมิให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจากทรัพย์สินจำนองก่อนโจทก์ในฐานะผู้รับจำนองซึ่งมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียของโจทก์ในทรัพย์สินจำนองนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4462/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องขัดทรัพย์ทำให้คำร้องเดิมสิ้นผล ผู้มีสิทธิไม่สมบูรณ์ไม่มีส่วนได้เสียในบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การที่ทนายผู้ร้องยื่นคำบอกกล่าวขอถอนคำร้องขัดทรัพย์นั้นเป็นโดยชอบแล้ว ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อนี้ เมื่อผู้ร้องมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในปัญหาเรื่องคำบอกกล่าวถอนคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของทนายผู้ร้องว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ย่อมต้องถือว่าปัญหาดังกล่าวได้ยุติลงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว
คำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้น มีสภาพเหมือนกับคำฟ้องดังนั้นการถอนคำร้องดังกล่าวย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องนั้น รวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่นๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำร้อง และกระทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องเลย ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 จึงถือได้ว่าขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้น ไม่มีคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์อยู่ในศาลแล้ว ผู้ร้องอ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองทรัพย์พิพาทบางส่วนเท่านั้น ผู้ร้องจึงมิใช่บุคคลดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 280(2) ผู้ร้องจึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดี
คำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้น มีสภาพเหมือนกับคำฟ้องดังนั้นการถอนคำร้องดังกล่าวย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องนั้น รวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่นๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำร้อง และกระทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องเลย ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 จึงถือได้ว่าขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้น ไม่มีคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์อยู่ในศาลแล้ว ผู้ร้องอ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองทรัพย์พิพาทบางส่วนเท่านั้น ผู้ร้องจึงมิใช่บุคคลดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 280(2) ผู้ร้องจึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดียึดทรัพย์สินสมรส: สิทธิของผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมและหน้าที่ของศาลในการไต่สวน
โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานกองหมายยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและภรรยาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และทำการขายทอดตลาดได้เงินมา และกองหมายได้กันเงินส่วนของภรรยาไว้ โจทก์ยื่นคำร้องว่าทรัพย์รายนี้เป็นสินสมรสขอให้ศาลสั่งกองหมายแก้บัญชีโดยไม่ต้องหักเงินเป็นส่วนของภรรยาศาลชั้นต้นสอบโจทก์และเจ้าพนักงานกองหมายและมีคำสั่งว่า ที่ดินที่ขายเป็นสินบริคณห์ ให้กองหมายจ่ายเงินค่าขายที่ทั้งหมดชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา นั้นหาเป็นการชอบไม่เพราะภรรยามีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับสามีถือได้ว่าภรรยาเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280(2) แต่ศาลชั้นต้นไม่เคยไต่สวนหรือสอบผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แต่ประการใดจึงสมควรให้โอกาสแก่ภรรยาของจำเลยจะโต้แย้งประการใดหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดียึดทรัพย์สินสมรส: ศาลต้องให้คู่ความผู้มีส่วนได้เสีย (ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม) โต้แย้งก่อนมีคำสั่ง
โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานกองหมายยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและภรรยาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และทำการขาดทอดตลาดได้เงินมา และกองหมายได้กันเงินส่วนของภรรยาไว้ โจทก์ยื่นคำร้องว่าทรัพย์รายนี้เป็นสินสมรส ขอให้ศาลสั่งกองหมายแก้บัญชีโดยไม่ต้องหักเงินเป็นส่วนของภรรยาศาลชั้นต้นสอบโจทก์และเจ้าพนักงานกองหมายและมีคำสั่งว่า ที่ดินที่ขายเป็นสินบริคณห์ ให้กองหมายจ่ายเงินค่าขายที่ทั้งหมดชำระหนี้ โจทก์ตามคำพิพากษา นั้นหาเป็นการชอบไม่ เพราะภรรยามีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับสามี ถือได้ว่าภรรยาเป็นผู้มีส่วนได้เสียตาม ป.วิ.พ. มาตรา 280 (2) แต่ศาลชั้นต้นไม่เคยไต่สวนหรือสอบผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แต่ประการใด จึงสมควรให้โอกาสแก่ภรรยาของจำเลยจะโต้แย้งประการใดหรือไม่