พบผลลัพธ์ทั้งหมด 288 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3642/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาข้อเท็จจริงในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นไม่อำนาจอนุญาตฎีกา
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499มาตรา22 ประกอบด้วย พระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 เมื่อในชั้นอุทธรณ์ไม่มีการอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นเพิ่งจะอนุญาตให้ฎีกาข้อเท็จจริงในชั้นฎีกานั้น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจเช่นนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3642/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตฎีกาข้อเท็จจริงในคดีที่ต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 เมื่อในชั้นอุทธรณ์ไม่มีการอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นเพิ่งจะอนุญาตให้ฎีกาข้อเท็จจริงในชั้นฎีกานั้น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจเช่นนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องมีเหตุผลชัดเจนถึงปัญหาสำคัญที่ควรพิจารณาของศาลสูงสุด
คำสั่งในคำร้องขอให้รับฎีกาว่า คดีสมควรสู่การพิจารณาของศาลสูงอนุญาตให้ฎีกา ดังนี้ ไม่เป็นคำอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.ว.อ. ม.221
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้อจำกัดในการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนสั่งรับฎีกาจำเลยว่า ข้อเท็จจริงบางอย่างที่จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย สมควรที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้ จึงอนุญาตให้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงได้นั้นมิได้เป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบ เพราะการที่จะรับเป็นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 จะต้องปรากฏว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยกเหตุตามกฎหมายขึ้นอ้าง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาโดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การฎีกาต้องมีปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด
การที่ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนสั่งรับฎีกาจำเลยว่า ข้อเท็จจริงบางอย่างที่จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย สมควรที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้ จึงอนุญาตให้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงได้นั้นมิได้เป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบเพราะการที่จะรับเป็นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 จะต้องปรากฏว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยกเหตุตามกฎหมายขึ้นอ้าง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาโดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้า: คำว่า 'มารศาสนา' ถือเป็นคำดูหมิ่นที่เข้าใจได้โดยทั่วไป โจทก์ไม่ต้องนำสืบ
ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาสั่งในคำร้องขอให้รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า "พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นกรณีมีเหตุผลสมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาจึงอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้" คำสั่งดังกล่าวถือไม่ได้ว่าได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในคำสั่งมิได้แสดงว่ามีข้อความใดที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
คำว่า "มารศาสนา" ตามความหมายในพจนานุกรม หมายถึงบุคคลผู้มีใจบาปหยาบช้าคอยกีดกันไม่ให้ผู้อื่นทำบุญและกีดกันบุญกุศลที่จะมาถึงตน ซึ่งเป็นบุคคลประเภทที่ สาธารณชนย่อมรังเกียจที่จะคบหาสมาคมด้วย จำเลยพูดว่าผู้เสียหายด้วยถ้อยคำดังกล่าวต่อหน้าผู้เสียหาย จึงต้องมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 โดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบอธิบายความหมายอีก เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป
คำว่า "มารศาสนา" ตามความหมายในพจนานุกรม หมายถึงบุคคลผู้มีใจบาปหยาบช้าคอยกีดกันไม่ให้ผู้อื่นทำบุญและกีดกันบุญกุศลที่จะมาถึงตน ซึ่งเป็นบุคคลประเภทที่ สาธารณชนย่อมรังเกียจที่จะคบหาสมาคมด้วย จำเลยพูดว่าผู้เสียหายด้วยถ้อยคำดังกล่าวต่อหน้าผู้เสียหาย จึงต้องมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 โดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบอธิบายความหมายอีก เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงต้องระบุปัญหาสำคัญสู่อันควรแก่การวินิจฉัยของศาลฎีกา และคำว่า 'มารศาสนา' เป็นคำดูหมิ่น
ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาสั่งในคำร้องขอให้รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า 'พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเป็นกรณีมีเหตุผลสมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาจึงอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ' คำสั่งดังกล่าวถือไม่ได้ว่าได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในคำสั่งมิได้แสดงว่ามีข้อความใดที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
คำว่า 'มารศาสนา' ตามความหมายในพจนานุกรม หมายถึงบุคคลผู้มีใจบาปหยาบช้าคอยกีดกันไม่ให้ผู้อื่นทำบุญและกีดกันบุญกุศลที่จะมาถึงตน ซึ่งเป็นบุคคลประเภทที่สาธารณชนย่อมรังเกียจที่จะคบหาสมาคมด้วย จำเลยพูดว่าผู้เสียหายด้วยถ้อยคำดังกล่าวต่อหน้าผู้เสียหาย จึงต้องมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 โดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบอธิบายความหมายอีก เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป
คำว่า 'มารศาสนา' ตามความหมายในพจนานุกรม หมายถึงบุคคลผู้มีใจบาปหยาบช้าคอยกีดกันไม่ให้ผู้อื่นทำบุญและกีดกันบุญกุศลที่จะมาถึงตน ซึ่งเป็นบุคคลประเภทที่สาธารณชนย่อมรังเกียจที่จะคบหาสมาคมด้วย จำเลยพูดว่าผู้เสียหายด้วยถ้อยคำดังกล่าวต่อหน้าผู้เสียหาย จึงต้องมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 โดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบอธิบายความหมายอีก เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2851/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งรับฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
คำสั่งในฎีกาที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า 'ในฐานะเป็นองค์คณะพิจารณาคดีนี้ขอรับรองให้จำเลยฎีกาได้ จำเลยฎีกาในกำหนดรับเป็นฎีกาของจำเลย' มิใช่คำอนุญาตที่ชอบศาลฎีการับฎีกาไว้พิจารณาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจอนุญาตฎีกา: ผู้พิพากษาพิจารณาคดีมีอำนาจเฉพาะตัว โจทก์ต้องดำเนินการเอง
การอนุญาตให้ฎีกาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณา.หรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้ง หากโจทก์ประสงค์จะให้ผู้พิพากษาคนใดอนุญาตให้ฎีกา ก็ชอบที่จะขวนขวายให้มีการรับรองและอนุญาตเอง ศาลไม่มีหน้าที่ส่งฎีกาของโจทก์ไปให้รับรอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจอนุญาตฎีกาของผู้พิพากษา: โจทก์ต้องดำเนินการเอง ศาลไม่มีหน้าที่ส่งฎีกา
การอนุญาตให้ฎีกาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้ง หากโจทก์ประสงค์จะให้ผู้พิพากษาคนใดอนุญาตให้ฎีกา ก็ชอบที่จะขวนขวายให้มีการรับรองและอนุญาตเอง ศาลไม่มีหน้าที่ส่งฎีกาของโจทก์ไปให้รับรอง