พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3677/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ก่อนพิพากษาล้มละลาย และการงดสอบสวนลูกหนี้ที่มีพฤติหลบหนี้
ไม่มีบทบัญญัติใดในพระราชบัญญัติล้มละลายที่ให้ศาลรอมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ไว้ภายหลังที่พิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายแล้ว ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้รับสำนวนคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ก็ชอบที่จะพิจารณาแล้วมีคำสั่งไปได้เลย ไม่ต้องรอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายเสียก่อน
ม. พยานลูกหนี้เป็นหนี้รวม 80-90 ล้านบาทเศษ ถูกฟ้องต่อศาลหลายคดีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดสอบสวน ม. ถึง 4 ครั้ง ครั้งแรกลูกหนี้แถลงว่าหาตัว ม. ไม่พบคดีที่ ม. ถูกฟ้องโจทก์ก็ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องได้ ศาลต้องประกาศทางหนังสือพิมพ์ ครั้งที่สองลูกหนี้ว่า ม. ไปต่างประเทศ ครั้งที่สามลูกหนี้ว่า ม. ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ครั้งที่สี่ลูกหนี้ว่า ม. ยังไม่เดินทางกลับประเทศไทย ม. จึงเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ได้ไปเสียจากเคหสถานเพื่อหลบหนี้ ยากที่จะได้ตัวมาสอบสวน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะงดสอบสวน ม. ได้
ม. พยานลูกหนี้เป็นหนี้รวม 80-90 ล้านบาทเศษ ถูกฟ้องต่อศาลหลายคดีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดสอบสวน ม. ถึง 4 ครั้ง ครั้งแรกลูกหนี้แถลงว่าหาตัว ม. ไม่พบคดีที่ ม. ถูกฟ้องโจทก์ก็ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องได้ ศาลต้องประกาศทางหนังสือพิมพ์ ครั้งที่สองลูกหนี้ว่า ม. ไปต่างประเทศ ครั้งที่สามลูกหนี้ว่า ม. ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ครั้งที่สี่ลูกหนี้ว่า ม. ยังไม่เดินทางกลับประเทศไทย ม. จึงเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ได้ไปเสียจากเคหสถานเพื่อหลบหนี้ ยากที่จะได้ตัวมาสอบสวน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะงดสอบสวน ม. ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องจากเช็คหลังล้มละลาย: เช็คที่ออกหลังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ไม่อาจใช้ขอรับชำระหนี้ได้
มูลหนี้ที่ลูกหนี้ผู้ล้มละลายออกเช็คชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีอยู่ต่อกัน เพราะไม่ได้รับชำระหนี้เป็นเช็คตามคำขอชำระหนี้จากลูกหนี้ผู้ล้มละลายโดยตรงแต่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นเช็คจาก ท. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โดย ท. ได้รับเช็ครายนี้มาจากลูกหนี้ผู้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ที่มีต่อกันอย่างไรไม่ปรากฏ ดังนี้ เจ้าหนี้จึงคงมีสิทธิในมูลหนี้ตามเช็คในฐานะผู้ทรงเช็คนั้นได้ตั้งแต่วันที่ถึงกำหนดสั่งจ่ายที่เขียนระบุไว้ในเช็คเท่านั้นเช็คลงวันที่สั่งจ่าย 22 ธันวาคม 2521 ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2521มูลหนี้ตามเช็คที่ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ในฐานะผู้ทรงจึงเกิดขึ้นภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะอาศัยมูลหนี้ตามเช็คที่เกิดขึ้นภายหลังจากวันที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดมาขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2943/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยตัวแทนโดยปริยายและการไม่ขาดอายุความ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 การรับสภาพหนี้จะต้องกระทำโดยลูกหนี้ก็จริง แต่ลูกหนี้อาจตั้งตัวแทนให้ชำระหนี้ก็ได้ ซึ่งย่อมต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของลูกหนี้นั้นเอง
น้องชายลูกหนี้ได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ แม้เจ้าหนี้จะมิได้นำสืบว่าน้องชายเป็นตัวแทนของลูกหนี้ก็ตาม แต่การที่น้องชายชำระหนี้แทนพี่ชาย และเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้ของลูกหนี้จากน้องชายของลูกหนี้หลายครั้งติดต่อกันมา ถือได้ว่าน้องชายเป็นตัวแทนของลูกหนี้โดยปริยาย
น้องชายลูกหนี้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2518 เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2519 หนี้รายนี้จึงไม่ขาดอายุความ
น้องชายลูกหนี้ได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ แม้เจ้าหนี้จะมิได้นำสืบว่าน้องชายเป็นตัวแทนของลูกหนี้ก็ตาม แต่การที่น้องชายชำระหนี้แทนพี่ชาย และเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้ของลูกหนี้จากน้องชายของลูกหนี้หลายครั้งติดต่อกันมา ถือได้ว่าน้องชายเป็นตัวแทนของลูกหนี้โดยปริยาย
น้องชายลูกหนี้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2518 เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2519 หนี้รายนี้จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2943/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยตัวแทนโดยปริยาย และผลต่ออายุความของหนี้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 การรับสภาพหนี้จะต้องกระทำโดยลูกหนี้ก็จริง แต่ลูกหนี้อาจตั้งตัวแทนให้ชำระหนี้ก็ได้ ซึ่งย่อมต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของลูกหนี้นั้นเอง
น้องชายลูกหนี้ได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ แม้เจ้าหนี้จะมิได้นำสืบว่าน้องชายเป็นตัวแทนของลูกหนี้ก็ตาม แต่การที่น้องชายชำระหนี้แทนพี่ชาย และเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้ของลูกหนี้จากน้องชายของลูกหนี้หลายครั้งติดต่อกันมา ถือได้ว่าน้องชายเป็นตัวแทนของลูกหนี้โดยปริยาย
น้องชายลูกหนี้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่16 มิถุนายน 2518 เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2519 หนี้รายนี้จึงไม่ขาดอายุความ
น้องชายลูกหนี้ได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ แม้เจ้าหนี้จะมิได้นำสืบว่าน้องชายเป็นตัวแทนของลูกหนี้ก็ตาม แต่การที่น้องชายชำระหนี้แทนพี่ชาย และเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้ของลูกหนี้จากน้องชายของลูกหนี้หลายครั้งติดต่อกันมา ถือได้ว่าน้องชายเป็นตัวแทนของลูกหนี้โดยปริยาย
น้องชายลูกหนี้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่16 มิถุนายน 2518 เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2519 หนี้รายนี้จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนหนี้ในคดีล้มละลาย แม้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาอื่น คำพิพากษาเดิมไม่ผูกพัน
เมื่อมีผู้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แม้ผู้ขอจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่น หรือเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในคดีล้มละลายนั้นเองก็ตาม เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระนั้นว่าเป็นหนี้ที่จะขอรับชำระได้หรือไม่ แล้วทำความเห็นเสนอศาลและศาลมีอำนาจสั่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 106,107,108
เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งให้จำเลย (ลูกหนี้) เสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ (เจ้าหนี้) โดยวิธีคิดดอกเบี้ยทบต้นตามธรรมเนียมประเพณีของธนาคาร ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ดังนี้ คำพิพากษาดังกล่าวไม่ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาล (ในคดีล้มละลาย)เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นเสนอศาลและศาลมีคำสั่งตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าจะคิดดอกเบี้ยทบต้นหลังจากวันฟ้องไม่ได้ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะทำความเห็นและมีคำสั่งเช่นนั้น
เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งให้จำเลย (ลูกหนี้) เสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ (เจ้าหนี้) โดยวิธีคิดดอกเบี้ยทบต้นตามธรรมเนียมประเพณีของธนาคาร ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ดังนี้ คำพิพากษาดังกล่าวไม่ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาล (ในคดีล้มละลาย)เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นเสนอศาลและศาลมีคำสั่งตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าจะคิดดอกเบี้ยทบต้นหลังจากวันฟ้องไม่ได้ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะทำความเห็นและมีคำสั่งเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: พิจารณาจากสำนวนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือพิจารณาหลักฐานเพิ่มเติมก็ได้
การพิจารณาของศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 107 อาจพิจารณาจากสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือศาลอาจออกนั่งพิจารณาฟังพยานหลักฐานอีกก็ชอบที่จะทำได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 738-740/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: ศาลใช้สำนวนสอบสวนหรือพิจารณาพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้
การพิจารณาของศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 107 อาจพิจารณาจากสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือศาลอาจออกนั่งพิจารณาฟังพยานหลักฐานอีกก็ชอบที่จะทำได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่738-740/0)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: หน้าที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และขอบเขตอำนาจศาล
ในการตรวจคำขอรับชำระหนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการสอบสวนแล้ว โดยผู้ขอรับชำระหนี้อ้างส่งเอกสารหลักฐานแห่งหนี้และอ้างตนเองเป็นพยาน ไม่ปรากฏว่านอกจากนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยังประสงค์จะอ้างอิงหลักฐานหรือพยานอื่นใดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนเพิ่มเติมอีกทั้งในชั้นศาลชั้นต้นพิจารณาผู้ขอรับชำระหนี้ก็มิได้ร้องขอให้ศาลสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนพยานเพิ่มเติม และในชั้นอุทธรณ์ก็มิได้อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้มีการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก จึงไม่มีเหตุอย่างใดที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนเพิ่มเติมแล้วทำความเห็นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นรับฎีกาผู้ร้อง โดยสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้โต้แย้งและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 15 วัน ถือได้ว่าผู้ร้องทราบคำสั่งนี้แล้ว ดังปรากฏในใบท้ายฎีกา ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องมิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนดดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้องทิ้งฟ้องฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามกำหนด
ศาลชั้นต้นรับฎีกาผู้ร้อง โดยสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้โต้แย้งและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 15 วัน ถือได้ว่าผู้ร้องทราบคำสั่งนี้แล้ว ดังปรากฏในใบท้ายฎีกา ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องมิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนดดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้องทิ้งฟ้องฎีกา