คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.2490 ม. 70

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10492/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์จากการประมงผิดกฎหมาย แม้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างพิจารณาคดี กฎหมายเดิมยังใช้บังคับ
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 และศาลฎีกา มีพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ใช้บังคับ โดยให้ยกเลิกพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2558 ซึ่งให้ยกเลิกพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 อันเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และให้ใช้บทบัญญัติใหม่แทน แต่กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดไม่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสิบห้าในส่วนโทษปรับและการริบทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.2558 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง (1), 82 และ 98 และ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 มาตรา 69, 147 วรรคหนึ่ง และ 169 จึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับแก่จำเลยทั้งสิบห้า ตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคแรก ซึ่งมาตรา 69 (เดิม) บัญญัติว่า เครื่องมือทำการประมง เรือ สัตว์น้ำ และสิ่งอื่น ๆ ที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ศาลจะริบเสียก็ได้ แต่ถ้าเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 19 หรือมาตรา 20 ให้ศาลริบสิ่งเช่นว่านั้นเสียทั้งสิ้น และมาตรา 70 (เดิม) บัญญัติว่า เครื่องมือทำการประมงที่ได้มีประกาศตามความในมาตรา 32 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้โดยเด็ดขาดนั้น ถ้านำมาใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำ ให้ศาลริบเครื่องมือนั้นเสีย เมื่อจำเลยทั้งสิบห้าใช้เรือยนต์ประมงในการกระทำความผิดและนำเครื่องมืออวนล้อมจับอันเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ได้มีประกาศห้ามใช้โดยเด็ดขาดมาใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ริบจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือและเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย: การตีความ 'เครื่องมือทำการประมง' ตาม พ.ร.บ.การประมง
พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 4 (3) บัญญัติว่า "เครื่องมือทำการประมง หมายความว่า เครื่องกลไก เครื่องใช้ เครื่องอุปกรณ์ ส่วนประกอบ อาวุธ เสาหลัก หรือเรือ บรรดาที่ใช้ทำการประมง" ดังนั้น เรือยนต์และอวนลากแขกจึงเป็นเครื่องมือทำการประมง เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีได้ออกประกาศจังหวัดชลบุรี เรื่อง กำหนดห้ามใช้เครื่องมืออวนลากคานถ่างหรืออวนลากแขกที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้โดยเด็ดขาด เรือยนต์และอวนลากแขกที่จำเลยใช้ทำการประมงในเขตดังกล่าว จึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตามมาตรา 32 (2) ซึ่งต้องริบตามมาตรา 70

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือยนต์และอวนรุนที่ใช้ทำการประมงในเขตห้าม ตาม พ.ร.บ.การประมง
พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 4(3) บัญญัติให้เรือที่ใช้ ทำการประมงเป็นเครื่องมือทำการประมง และได้มีประกาศกระทรวงเกษตร กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้ เมื่อจำเลยใช้เรือยนต์ของกลางทำการประมงในเขตดังกล่าวโดยใช้กับอวนรุน เรือยนต์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตาม พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32(2) ซึ่งต้อง ริบตาม มาตรา 70.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือยนต์ที่ใช้ทำประมงผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การประมง เนื่องจากเข้าข่ายเครื่องมือทำการประมงที่ถูกห้าม
พ.ร.บ. การประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 4(3) บัญญัติให้เรือที่ใช้ทำการประมงเป็นเครื่องมือทำการประมง และได้มีประกาศกระทรวงเกษตร กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุน ที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้ เมื่อจำเลยใช้เรือยนต์ของกลางทำการประมงในเขตดังกล่าวโดยใช้กับอวนรุน เรือยนต์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32(2) ซึ่งต้องริบตามมาตรา 70.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือยนต์และอวนรุนที่ใช้ทำการประมงในเขตห้าม ตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2490
พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 4(3) บัญญัติให้เรือที่ใช้ ทำการประมงเป็นเครื่องมือทำการประมง และได้มีประกาศกระทรวงเกษตร กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้ เมื่อจำเลยใช้เรือยนต์ของกลางทำการประมงในเขตดังกล่าวโดยใช้กับอวนรุน เรือยนต์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตาม พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32 (2) ซึ่งต้องริบตามมาตรา 70

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อกฎหมายใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกาหลังรับสารภาพในศาลชั้นต้น ถือเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยวาจา ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่าจำเลยบังอาจใช้เครื่องมืออวนรุนทำการประมงภายในเขตระยะ3,000 เมตร นับจากขอบแนวตามชายฝั่งโดยไม่รับอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2515จำเลยให้การรับสารภาพดังนี้ ประกาศกระทรวงเกษตรฉบับดังกล่าวออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด และมีข้อความว่าอย่างไรนั้นเป็นข้อเท็จจริงเมื่อจำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์และกล่าวอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยประการต่าง ๆ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จำเลยยกขึ้นฎีกามาอีกต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3436/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษและริบของกลางในความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้บทที่มีโทษหนัก และริบได้เฉพาะตามบทที่ใช้ลงโทษ
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อ กฎหมายหลายบทคือผิดตามพระราชบัญญัติการประมงและพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแต่โจทก์มิได้ขอหรืออ้างบทมาตราเกี่ยวกับการให้ริบของกลางในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ เท่ากับโจทก์ไม่ประสงค์ให้ริบของกลางในความผิดนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติแล้ว ก็จะริบของกลางตามพระราชบัญญัติการประมงซึ่งมิได้ใช้เป็นบทลงโทษจำเลยด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3436/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบทและการริบของกลางที่ศาลสั่งได้เฉพาะในบทที่ใช้ลงโทษ
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อ กฎหมายหลายบทคือผิดตามพระราชบัญญัติการประมงและพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด แต่โจทก์มิได้ขอหรืออ้างบทมาตราเกี่ยวกับการให้ริบของกลางในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ เท่ากับโจทก์ไม่ประสงค์ให้ริบของกลางในความผิดนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติแล้ว ก็จะริบของกลางตามพระราชบัญญัติการประมงซึ่งมิได้ใช้เป็นบทลงโทษจำเลยด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมงผิดกฎหมาย: คำบรรยายฟ้องไม่สอดคล้องกับประกาศกระทรวงเกษตรฯ ทำให้ไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำการประมงโดยใช้เครื่องมือทำการประมงที่ต้องห้ามตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่องกำหนดฤดูปลาทูมีไข่และห้ามมิให้ใช้เครื่องมือบางชนิดจับปลาทูและกำหนดขนาดตาของเครื่องมือบางชนิดในฤดูมีปลาทูขนาดเล็ก ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2518 ข้อ 3 แต่ในคำบรรยายฟ้องของโจทก์ปรากฏว่าเครื่องมือที่จำเลยใช้เป็นคนละประเภทกับเครื่องมือที่ระบุห้ามไว้ในประกาศข้อ 3 ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้เครื่องมือตามที่ระบุห้ามไว้ตามประกาศดังกล่าวข้อ 3 ทำการประมงอันจะเป็นความผิดต่อกฎหมายที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลพินิจศาลในการริบของกลางตาม พ.ร.บ.การประมง และการวินิจฉัยฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 69 ที่กำหนดว่าสิ่งของที่ใช้หรือได้มาโดยการกระทำผิด ศาลจะริบเสียก็ได้ เป็นการให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรือของกลางที่ศาลชั้นต้นให้ริบเป็นไม่ริบก็เป็นการใช้ดุลพินิจและเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้เครื่องมืออวนประเภทติดตา โดยมิได้รับการยกเว้นให้กระทำได้ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยโจทก์แนบประกาศกระทรวงดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วย ประกาศที่แนบมาท้ายฟ้องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง ซึ่งตามประกาศดังกล่าว ยกเว้นให้ใช้เครื่องมืออวนประเภทติดตาที่มีขนาดตาอวน 47 มิลลิเมตร(4.7 เซนติเมตร) หรือโตกว่า และได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมประมงไว้ชัดเจนแล้วรับฟังได้ว่าฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงขนาดตาอวนของกลางที่มีขนาดเล็กกว่า 4.7 เซนติเมตร ที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดคดีนี้ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
of 2