พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,570 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการคิดดอกเบี้ยทบต้น ศาลยืนตามสิทธิเรียกร้องเดิมในต้นเงิน
แม้จำเลยยอมรับตามหนังสือขอผ่อนผันการชำระหนี้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวนเงินตามเช็คทั้งสองฉบับกับดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 71,058.78 บาท ก็ตามแต่ในหนังสือดังกล่าวก็ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงจะขอชำระหนี้จำนวน 20,000 บาท ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2524และขอผ่อนชำระหนี้ที่เหลือเดือนละ 2,000 บาท ภายในสิ้นเดือนของทุกเดือนเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2524 หากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปีตามปกติ กับขอให้โจทก์งดคิดดอกเบี้ยในระหว่างผ่อนชำระและลดหย่อนให้บ้าง หาได้รับสภาพหนี้ในต้นเงิน71,058.78 บาท โดยยินยอมให้โจทก์เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้นเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้วคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา655 ไม่ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในต้นเงิน30,000 บาท ตามเช็คทั้งสองฉบับรวมกัน ซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีอยู่เดิมต่อจำเลยผู้เป็นลูกหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ดอกเบี้ยเมื่อเจ้าของที่ดินไม่ยอมรับราคาที่ไม่เป็นธรรม และจำเลยไม่วางเงินต่อศาล
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 กำหนดเกี่ยวกับการชำระค่าทดแทนการเวนคืนที่ดินกรณีเจ้าของที่ดินไม่ยอมรับราคาที่เจ้าหน้าที่เวนคืนของจำเลยเสนอไว้ว่าให้นำเงินไปวางต่อศาลเมื่อปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เวนคืนของจำเลยมิได้นำเงินดังกล่าวไปวางต่อศาล และการที่เจ้าของที่ดินไม่ยอมรับราคาที่เสนอก็เพราะเห็นว่าเป็นราคาที่ไม่เป็นธรรมอันเป็นมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ซึ่งถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินตกเป็นผู้ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ดังนั้น จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยในต้นเงินค่าทดแทนแก่โจทก์ นับแต่วันที่เข้าครอบครองที่ดินของโจทก์ ตามมาตรา 224.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเวนคืนที่ดิน: ดอกเบี้ยเมื่อจำเลยไม่วางเงินตามประกาศ คปต. แม้โจทก์ไม่ยอมรับราคา
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 กำหนดเกี่ยวกับการชำระค่าทดแทนการเวนคืนที่ดินกรณีเจ้าของที่ดินไม่ยอมรับราคาที่เจ้าหน้าที่เวนคืนของจำเลยเสนอไว้ว่าให้นำเงินไปวางต่อศาล เมื่อปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เวนคืนของจำเลยมิได้นำเงินดังกล่าวไปวางต่อศาล และการที่เจ้าของที่ดินไม่ยอมรับราคาที่เสนอก็เพราะเห็นว่าเป็นราคาที่ไม่เป็นธรรมอันเป็นมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ซึ่งถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินตกเป็นผู้ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ดังนั้น จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยในต้นเงินค่าทดแทนแก่โจทก์ นับแต่วันที่เข้าครอบครองที่ดินของโจทก์ ตามมาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าทดแทนที่ดินเวนคืน แม้เสนอราคาแล้วแต่ไม่วางเงินต่อศาล เจ้าของที่ดินไม่ถือเป็นผู้ผิดนัด
แม้จำเลยจะแสดงเจตนาชำระค่าทดแทนที่ดินที่เวนคืนให้แก่โจทก์แล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับโดยจะเอาให้มากกว่านั้นจำเลยก็หาได้นำเงินตามที่จำเลยเสนอไปวางต่อศาลตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น อันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในเงินที่วางไม่ทั้งการที่โจทก์ไม่ยอมรับราคาที่เสนอก็เพราะเห็นว่าเป็นราคาที่ไม่เป็นธรรมอันเป็นมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ ซึ่งถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินตกเป็นผู้ผิดนัด ดังนั้น แม้ต่อมาศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยถึงที่สุดว่า จำนวนเงินค่าทดแทนที่จำเลยเสนอให้โจทก์เป็นราคาที่เป็นธรรมแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายที่จะต้องเสียดอกเบี้ยในต้นเงินค่าทดแทนดังกล่าวให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2687-2688/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าบำเหน็จถือเป็นการทวงถามเตือนแล้ว จำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดต้องเสียดอกเบี้ย
การฟ้องศาลให้จำเลยชำระเงินบำเหน็จแก่โจทก์ถือได้ว่าเป็นการทวงถามเตือนให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวอยู่ในตัว จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดแล้ว และจะต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากรและภาษีอากร การอุทธรณ์ และเงินเพิ่มตามกฎหมายภาษีอากร
จำเลยนำสินค้าของเด็กเล่นจากเมือง ฮ่องกง เข้ามาในราชอาณาจักรเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบแล้วปรากฏว่าจำเลยสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงแจ้งการประเมินให้จำเลยชำระภาษีอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มเติม เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินที่ประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร จึงต้องถือว่าการประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นเป็นอันชอบแล้ว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ผู้ประกอบการค้าต้องชำระเงินเพิ่มตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระภาษีการค้าภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นทางแก้กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้โดยเฉพาะแล้ว จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาภาษีอากรที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และผลของการไม่อุทธรณ์การประเมินภาษีการค้า
จำเลยนำสินค้าของเด็กเล่นจากเมืองฮ่องกงเข้ามาในราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบแล้วปรากฏว่าจำเลยสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงแจ้งการประเมินให้จำเลยชำระภาษีอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มเติม เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นต่อคณะกรรมการพิจารณา อุทธรณ์ตาม ป. รัษฎากรจึงต้องถือว่าการประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นเป็นอันชอบแล้ว.
ตาม ป. รัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ผู้ประกอบการค้าต้องชำระเงินเพิ่มตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระภาษีการค้าภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อันเป็นทางแก้ กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้โดยเฉพาะแล้ว จะนำ ป.พ.พ. มาตรา 224ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกหาได้ไม่.
ตาม ป. รัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ผู้ประกอบการค้าต้องชำระเงินเพิ่มตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระภาษีการค้าภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อันเป็นทางแก้ กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้โดยเฉพาะแล้ว จะนำ ป.พ.พ. มาตรา 224ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีอากรและการชำระเงินเพิ่ม กรณีจำเลยไม่โต้แย้งการประเมินและผิดนัดชำระภาษี
จำเลยนำสินค้าของเด็กเล่นจากเมืองฮ่องกงเข้ามาในอาณาจักรเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบแล้วปรากฏว่าจำเลยสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงแจ้งการประเมินให้จำเลยชำระภาษีอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มเติม เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินที่ประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร จึงต้องถือว่าการประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นเป็นอันชอบแล้ว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ผู้ประกอบการค้าต้องชำระเงินเพิ่มตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระภาษีการค้าภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อันเป็นทางแก้กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้โดยเฉพาะแล้ว จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยสัญญาเช่าซื้อ-ค่าเสียหาย-เบี้ยปรับ: ศาลลดเบี้ยปรับที่สูงเกินไปได้
ค่าเสียหายที่โจทก์ขายทรัพย์สินที่เช่าซื้อ ไม่ได้ราคาเท่ากับราคาค่าเช่าซื้อ ไม่ใช่เงินที่ผู้เช่าซื้อค้างชำระตาม ความหมายของ"ค้างเงินใด ๆ แก่เจ้าของ" ตาม สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยข้อที่ 9 ที่ว่า "ถ้า ผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระหนี้หรือค้างเงินใด ๆแก่เจ้าของ ผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ย สำหรับเงินที่ค้างนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี..." ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ใช้ ดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีคงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ใช้ ดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เท่านั้น สัญญาเช่าซื้อข้อ 10 ที่ว่า "...แต่ ถ้า เจ้าของได้ ขายทรัพย์สินที่เช่าซื้อ ไปแล้ว ยังไม่คุ้ม ราคาค่าเช่าซื้อที่ต้อง ชำระทั้งหมดตาม สัญญานี้กับค่าเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น ผู้เช่าซื้อจะชดใช้ให้เจ้าของจนครบ" นั้น เป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่งมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ เมื่อโจทก์ขอมาสูงเกินไปศาลก็ชอบที่จะลดเบี้ยปรับลงได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายสัญญาเช่าซื้อ-เบี้ยปรับ-ดอกเบี้ยผิดนัด: ศาลลดเบี้ยปรับ-ดอกเบี้ยตามกฎหมาย
ค่าเสียหายที่โจทก์ขายทรัพย์สินที่เช่าซื้อไม่ได้ราคาเท่ากับราคาค่าเช่าซื้อไม่ใช่เงินที่ผู้เช่าซื้อค้างชำระตามความหมายของ"ค้างเงินใด ๆ แก่เจ้าของ" ตามสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยข้อที่ 9 ที่ว่า "ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระหนี้หรือค้างเงินใด ๆแก่เจ้าของ ผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ค้างนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี..." ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี คงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เท่านั้น สัญญาเช่าซื้อข้อ 10 ที่ว่า "...แต่ถ้าเจ้าของได้ขายทรัพย์สินที่เช่าซื้อไปแล้ว ยังไม่คุ้มราคาค่าเช่าซื้อที่ต้องชำระทั้งหมดตามสัญญานี้กับค่าเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น ผู้เช่าซื้อจะชดใช้ให้เจ้าของจนครบ" นั้น เป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่ง มีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ เมื่อโจทก์ขอมาสูงเกินไปศาลก็ชอบที่จะลดเบี้ยปรับลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383