พบผลลัพธ์ทั้งหมด 225 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร่วมกันจากสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้เป็นหนี้รายบุคคล และการรับผิดจากสัญญาแม้ไม่ได้ลงชื่อ
โจทก์หลายคนฟ้องจำเลยโดยอาศัยหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำให้โจทก์ในฉบับเดียวรวมกัน มิได้แยกการชำระหนี้ไว้ต่างหากจากกัน ในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นว่าจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ทุกคนรวม 6,664 บาท แม้มูลหนี้เดิมของโจทก์แต่ละคนจะเป็นหนี้คนละราย คนละจำนวนไม่ใช่เจ้าหนี้ร่วมก็ดี แต่โดยที่ผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถือได้ว่า จำเลยได้ยอมรับว่าได้เป็นหนี้โจทก์แต่ละคนแล้ว โจทก์ทุกคนจึงมีอำนาจเข้าชื่อร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในสำนวนเดียวกันได้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีว่า จำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์รวม 22 คน เป็นกรณีที่เกิดจากการที่โจทก์บางคนได้ร้องทุกข์กล่าวหาในคดีอาญาว่า จำเลยฉ้อโกง แม้โจทก์ที่ไปร้องทุกข์นั้น จะไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์คนอื่นให้ทำสัญญายอมนั้นก็ตาม ในการดำเนินคดีแพ่งตามสัญญายอมนั้น โจทก์ไม่จำต้องอาศัยคำร้องทุกข์ในคดีอาญานั้นเลย เมื่อจำเลยทำหนังสือสัญญายอมไว้ว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามรายชื่อรวม 22 คน จำเลยก็ต้องรับผิดต่อบุคคลเหล่านั้นตามสัญญานั้น แม้ว่าเจ้าหนี้บางคนจะมิได้ลงลายมือชื่อในสัญญายอมดังกล่าว เจ้าหนี้บางคนเช่นว่านั้น ก็มีอำนาจฟ้องความตามสัญญานั้นได้ ไม่เกี่ยวกับว่าเจ้าหนี้ทั้ง 22 คน จะต้องมอบฉันทะให้ผู้หนึ่งผู้ใดทำสัญญายอมดังกล่าว กับจำเลยด้วยหรือไม่
สัญญาประนีประนอมยอมความมีว่า จำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์รวม 22 คน เป็นกรณีที่เกิดจากการที่โจทก์บางคนได้ร้องทุกข์กล่าวหาในคดีอาญาว่า จำเลยฉ้อโกง แม้โจทก์ที่ไปร้องทุกข์นั้น จะไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์คนอื่นให้ทำสัญญายอมนั้นก็ตาม ในการดำเนินคดีแพ่งตามสัญญายอมนั้น โจทก์ไม่จำต้องอาศัยคำร้องทุกข์ในคดีอาญานั้นเลย เมื่อจำเลยทำหนังสือสัญญายอมไว้ว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามรายชื่อรวม 22 คน จำเลยก็ต้องรับผิดต่อบุคคลเหล่านั้นตามสัญญานั้น แม้ว่าเจ้าหนี้บางคนจะมิได้ลงลายมือชื่อในสัญญายอมดังกล่าว เจ้าหนี้บางคนเช่นว่านั้น ก็มีอำนาจฟ้องความตามสัญญานั้นได้ ไม่เกี่ยวกับว่าเจ้าหนี้ทั้ง 22 คน จะต้องมอบฉันทะให้ผู้หนึ่งผู้ใดทำสัญญายอมดังกล่าว กับจำเลยด้วยหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ร้องสอดเป็นจำเลยย่อมผูกพันตามคำพิพากษา แม้ไม่ได้ยึดครองที่ดิน ศาลบังคับให้งดเว้นการขัดขวางการส่งมอบที่ดินคืน
ผู้ที่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยในคดียกข้อต่อสู้พิพาทต่อโจทก์นั้นย่อมถือได้ว่าได้เข้ามามีฐานะเป็นจำเลยตามที่ตนขอ ต่อมาเมื่อคดีถึงที่สุดในชั้นบังคับคดี จะมาอ้างข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ไม่ได้ เพราะเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ เพื่อลบล้างข้อเท็จจริงในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว
ในกรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมขอให้ศาลออกคำบังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดที่เข้ามาเป็นจำเลยนั้นในประเด็นที่ได้ยกขึ้นพิพาทกับโจทก์ได้ (แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมให้บังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดหลังจากที่ได้มีการร้องสอดเข้ามาแล้วก็ตาม)
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลย ผู้ร้องสอดร้องเข้ามาว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง คดีถึงที่สุดว่าจำเลยต้องคืนที่ให้แก่โจทก์ ศาลย่อมออกคำบังคับผู้ร้องสอดไม่ให้มาเกี่ยวข้องขัดขวางการได้คืนที่ดินของโจทก์ได้
ในกรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมขอให้ศาลออกคำบังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดที่เข้ามาเป็นจำเลยนั้นในประเด็นที่ได้ยกขึ้นพิพาทกับโจทก์ได้ (แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมให้บังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดหลังจากที่ได้มีการร้องสอดเข้ามาแล้วก็ตาม)
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลย ผู้ร้องสอดร้องเข้ามาว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง คดีถึงที่สุดว่าจำเลยต้องคืนที่ให้แก่โจทก์ ศาลย่อมออกคำบังคับผู้ร้องสอดไม่ให้มาเกี่ยวข้องขัดขวางการได้คืนที่ดินของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยร่วมนิ่งเงียบในคดีแล้วมาอ้างสิทธิใหม่หลังบังคับคดีไม่ได้ ศาลสั่งห้ามขัดขวางการคืนสิทธิให้โจทก์
ผู้ที่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยในคดียกข้อต่อสู้พิพาทต่อโจทก์นั้นย่อมถือได้ว่าได้เข้ามามีฐานะเป็นจำเลยตามที่ตนขอ ต่อมาเมื่อคดีถึงที่สุดในชั้นบังคับคดี จะมาอ้างข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ไม่ได้ เพราะเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่เพื่อลบล้างข้อเท็จจริงในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว
ในกรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมขอให้ศาลออกคำบังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดที่เข้ามาเป็นจำเลยนั้นในประเด็นที่ได้ยกขึ้นพิพาทกับโจทก์ได้ (แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมให้บังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดหลังจากที่ได้มีการร้องสอดเข้ามาแล้วก็ตาม)
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลย ผู้ร้องสอดร้องเข้ามาว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง คดีถึงที่สุดว่าจำเลยต้องคืนที่ให้แก่โจทก์ ศาลย่อมออกคำบังคับผู้ร้องสอดไม่ให้มาเกี่ยวข้องขัดขวางการได้คืนที่ดินของโจทก์ได้
ในกรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมขอให้ศาลออกคำบังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดที่เข้ามาเป็นจำเลยนั้นในประเด็นที่ได้ยกขึ้นพิพาทกับโจทก์ได้ (แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมให้บังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดหลังจากที่ได้มีการร้องสอดเข้ามาแล้วก็ตาม)
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลย ผู้ร้องสอดร้องเข้ามาว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง คดีถึงที่สุดว่าจำเลยต้องคืนที่ให้แก่โจทก์ ศาลย่อมออกคำบังคับผู้ร้องสอดไม่ให้มาเกี่ยวข้องขัดขวางการได้คืนที่ดินของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุค่าเช่า และประเด็นจำเลยรวมสำนวนไม่เป็นเหตุแพ้ชนะ
ฟ้องขับไล่จากที่ให้อาศัย โดยไม่ได้ระบุถ้าให้ที่นั้นเช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละเท่าไร อันจะเป็นข้อชี้ว่าเป็นคดีมโนสาเร่หรือคดีสามัญนั้น ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนมาในคดีเดียวกัน มาในชั้นฎีกาแม้จำเลยจะยังยกเป็นข้อต่อสู้อยู่อีกแต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อต่อสู้นี้ไม่เป็นข้อแพ้ชนะกัน ศาลฎีกาจะไม่วินิจฉัยก็ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนมาในคดีเดียวกัน มาในชั้นฎีกาแม้จำเลยจะยังยกเป็นข้อต่อสู้อยู่อีกแต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อต่อสู้นี้ไม่เป็นข้อแพ้ชนะกัน ศาลฎีกาจะไม่วินิจฉัยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ระบุค่าเช่า และประเด็นรวมฟ้องไม่เป็นเหตุแพ้ชนะ
ฟ้องขับไล่จากที่ให้อาศัย โดยไม่ได้ระบุว่าถ้าให้ที่นั้นเช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละเท่าไร อันจะเป็นข้อชี้ว่าเป็นคดีมโนสาเร่หรือคดีสามัญนั้น ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนมาในคดีเดียวกัน มาในชั้นฎีกาแม้จำเลยจะยังยกเป็นข้อต่อสู้อยู่อีกแต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อต่อสู้นี้ไม่เป็นข้อแพ้ชนะกัน ศาลฎีกาจะไม่วินิจฉัยก็ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนมาในคดีเดียวกัน มาในชั้นฎีกาแม้จำเลยจะยังยกเป็นข้อต่อสู้อยู่อีกแต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อต่อสู้นี้ไม่เป็นข้อแพ้ชนะกัน ศาลฎีกาจะไม่วินิจฉัยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณะ การฟ้องร่วม และค่าเสียหายรวม: การรุกล้ำทางสาธารณะโดยจำเลยหลายคน ผู้เสียหายร่วมกันฟ้องได้
จำเลยหลายคนสมคบกันทำนารุกล้ำและล้อมรั้วปิดทางเดินสาธารณะ มีผู้เสียหายซึ่งต่างก็ใช้ทางสาธารณะนั้นหลายคน ผู้เสียหายเหล่านั้นย่อมรวมกันเป็นโจทก์ร่วมฟ้องจำเลยเหล่านั้นเป็นคดีเดียวกันได้ เพราะว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี และค่าเสียหายจะกล่าวรวมกันมาก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณะ-การฟ้องร่วม-ค่าเสียหาย: การใช้ทางสาธารณะร่วมกันเป็นเหตุให้ฟ้องร่วมได้ และค่าเสียหายรวมกันได้
จำเลยหลายคนสมคบกันทำนารุกล้ำและล้อมรั้วปิดทางเดินสาธารณะ มีผู้เสียหายซึ่งต่างก็ใช้ทางสาธารณะนั้นหลายคน ผู้เสียหายเหล่านั้นย่อมรวมกันเป็นโจทก์ร่วมฟ้องจำเลยเหล่านั้นเป็นคดีเดียวกันได้เพราะว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี และค่าเสียหายจะกล่าวรวมกันมาก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณะ การฟ้องร่วม และค่าเสียหายรวม: กรณีรุกล้ำทางเดินสาธารณะ
จำเลยหลายคนสมคบกันทำนารุกล้ำและล้อมรั้วปิดทางเดินสาธารณะ มีผู้เสียหายซึ่งต่างก็ใช้ทางสาธารณะนั้นหลายคน ผู้เสียหายเหล่านั้นย่อมรวมกันเป็นโจทก์ร่วมฟ้องจำเลยเหล่านั้นเป็นคดีเดียวกันได้ เพราะว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี และค่าเสียหายจะกล่าวรวมกันมาก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และการแบ่งความรับผิดตามพฤติการณ์
ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดนั้น อาจเกิดจากบุคคลหลายคนทำการละเมิดให้เกิดความเสียหายก็ได้ เช่นในคดีขับรถยนต์ชนกันโดยประมาทและแต่ละฝ่ายอาจรับผิดในความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันได้สุดแต่ศาลจะวินิจฉัยตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถของนายจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นคนขับรถของนายจ้าง จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ที่ 4 ขับรถชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายตายผู้ตายเป็นหัวหน้าครอบครัวดังนี้เมื่อโจทก์ต่างเป็นผู้อยู่ในความอุปการะของผู้ตายซึ่งต่างเป็นผู้มีประโยชน์ร่วมกันในคดีย่อมเป็นโจทก์ฟ้องร่วมกันได้ตาม มาตรา59 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฝ่ายจำเลยแม้มิได้มีประโยชน์ร่วมกันก็ต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกันจำเลยทั้ง 4 จึงถูกฟ้องร่วมกันได้
จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถของนายจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นคนขับรถของนายจ้าง จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ที่ 4 ขับรถชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายตายผู้ตายเป็นหัวหน้าครอบครัวดังนี้เมื่อโจทก์ต่างเป็นผู้อยู่ในความอุปการะของผู้ตายซึ่งต่างเป็นผู้มีประโยชน์ร่วมกันในคดีย่อมเป็นโจทก์ฟ้องร่วมกันได้ตาม มาตรา59 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฝ่ายจำเลยแม้มิได้มีประโยชน์ร่วมกันก็ต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกันจำเลยทั้ง 4 จึงถูกฟ้องร่วมกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมจากการละเมิดและสิทธิของโจทก์ร่วม รวมถึงการแบ่งความรับผิดตามพฤติการณ์
ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดครั้งเดียวกันนั้นอาจเกิดจากหลายคนกระทำขึ้นก็ได้และศาลอาจกำหนดความรับผิดให้ฝ่ายหนึ่งรับผิดในเรื่องค่าสินไหมทดแทนหนักกว่าอีกผ่ายหนึ่งก็ได้ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิดที่ต่างได้ทำลง
ภรรยาและบุตรของผู้ตายในการละเมิดอาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีเดียวกันได้เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคดี
นายจ้างและผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายที่ขับรถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้คนตายก็อาจถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกันได้ เพราะทั้งสองฝ่ายย่อมต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกัน
แม้ว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เต็มตามฟ้องแต่ศาลเห็นว่ากรณีมีเหตุสมควรและโจทก์มิได้แกล้งเรียกร้องค่าเสียหายมาเกินสมควรศาลก็อาจสั่งให้จำเลยใช่ค่าธรรมเนียมค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามจำนวนที่โจทก์เสียไปตามฟ้องก็ได้
ภรรยาและบุตรของผู้ตายในการละเมิดอาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีเดียวกันได้เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคดี
นายจ้างและผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายที่ขับรถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้คนตายก็อาจถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกันได้ เพราะทั้งสองฝ่ายย่อมต้องรับผิดในความเสียหายอันเดียวกัน
แม้ว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เต็มตามฟ้องแต่ศาลเห็นว่ากรณีมีเหตุสมควรและโจทก์มิได้แกล้งเรียกร้องค่าเสียหายมาเกินสมควรศาลก็อาจสั่งให้จำเลยใช่ค่าธรรมเนียมค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เต็มตามจำนวนที่โจทก์เสียไปตามฟ้องก็ได้