คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 680

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 723 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากไม่โต้แย้งสิทธิอุทธรณ์ระงับ เมื่อศาลพิพากษาแล้วไม่อาจอุทธรณ์ได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้คู่ความฝ่ายใดนำสืบก่อนหรือหลังนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากคู่ความฝ่ายใดไม่เห็นชอบ จะต้องโต้แย้งไว้จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ เมื่อศาลพิพากษาแล้ว หากไม่โต้แย้งไว้ ก็ไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันหนี้เกินวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ทำให้ไม่ต้องรับผิด
วัตถุประสงค์ของห้างจำเลยซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่จดทะเบียนไว้มีว่าเพื่อประกอบพานิชการในประเภททำการค้าสินค้าพื้นเมืองทำการสั่งสินค้าเข้าและส่งสินค้าออกทำการค้าเครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ ทำการเป็นนายหน้าและตัวแทนต่างๆดังนั้น เมื่อผู้จัดการของจำเลยไปทำสัญญาค้ำประกันหนี้ จึงเป็นการกระทำนอกวัตถุประสงค์ของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการหลุดพ้นจากความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อมีการประนอมหนี้และชำระหนี้แล้ว
โจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาจำเลยร้องขอให้ศาลปล่อทรัพย์ที่ยึดโดยมีผู้ค้ำประกันต่อมาศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินโจทก์ จำเลยไม่ชำระโจทก์ขอให้ศาลบังคับผู้ค้ำประกัน เมื่อปรากฏต่อศาลว่าโจทก์จำเลยได้ทำหนังสือประนอมหนี้โอนที่ดินของจำเลยใช้หนี้โจทก์ไปแล้ว ผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องรับผิดใช้หนี้โจทก์
ผู้ร้องได้ยื่นระบะพยานอ้างเอกสารไว้แล้ว แต่เรียกมาไม่ได้ คงส่งศาลได้แก่สำเนาเพิ่งปรากฏว่าจำเลยได้นำต้นฉบับเอกสารมาส่งศาลเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้วผู้ร้องจึงขอให้ศาลฎีกาสั่งให้สืบพยานเกี่ยวกับต้นฉบับเอกสารนั้น ศาลฎีกามีอำนาจสั่งรับต้นฉบับเอกสารและสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานประกอบเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ประกอบด้วยมาตรา 240(2) และ (3) ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราและนิติกรรมอำพราง: การกู้เงินที่มีข้อตกลงให้ชำระหนี้สูงเกินจริง
การกู้เงินกันรายเดียว แต่ทำหนังสือเป็นหลักฐานสองฉบับโดยผู้ให้กู้ให้ผู้กู้ยืมเงิน 7,000 บาท และตกลงกันว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดให้ผู้ให้กู้ฟ้องเอาได้14,000 บาทนั้น เห็นได้ว่าประโยชน์ที่ผู้ให้กู้ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควร จึงเป็นการที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายการเรียกดอกเบี้ยและกำไรอื่นจึงเป็นโมฆะ ผู้กู้จึงยังคงต้องรับผิดเฉพาะเงินต้น 7,000 บาทที่กู้ไปเท่านั้นส่วนผู้ค้ำประกันเงินกู้ 14,000บาท มิใช่ค้ำประกันเงินกู้ 7,000 บาทจึงหาต้องรับผิดด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้เงินดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย: สัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้าม
การกู้เงินกันรายเดียว แต่ทำหนังสือเป็นหลักฐานสองฉบับ โดยผู้ให้กู้ให้กู้ยืมเงิน 7,000 บาท และตกลงกันว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดให้ผู้ให้กู้ฟ้องเอาได้ 14,000 บาทนั้น เห็นได้ว่าประโยชน์ที่ผู้ให้กู้ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรจึงเป็นการที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดขกฎหมาย การเรียกดอกเบี้ยและกำไรอื่นจึงเป็นโมฆะ ผู้กู้จึงยังคงต้องรับผิดเฉพาะเงินต้น 7,000 บาทที่กู้ไปเท่านั้น ส่วนผู้ค้ำประกันเงินกู้ 14,000 บาท มิใช่ค้ำประกันเงินกู้ 7,000 บาท จึงหาต้องรับผิดด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนเวลาตามกฎหมาย: ต้องมีข้อตกลงผ่อนเวลาที่ชัดเจน เจ้าหนี้สละสิทธิเรียกร้องระหว่างผ่อนเวลา
การที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะทำให้ผู้คำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้น หมายถึงการตกลงผ่อนเวลากันแน่นอนและมีผลว่า ในระหว่างผ่อนเวลานั้น เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องหรือฟ้องร้างไม่ได้เท่านั้นจึงหาเป็นการผ่อนเวลาแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนเวลาหนี้และการหลุดพ้นจากความรับผิดของผู้ค้ำประกัน ต้องมีการตกลงผ่อนเวลาที่ชัดเจน
การที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้นหมายถึงการตกลงผ่อนเวลากันแน่นอนและมีผลว่า ในระหว่างผ่อนเวลานั้น
เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องหรือฟ้องร้องไม่ได้ฉะนั้น เพียงแต่เจ้าหนี้ยังไม่ได้ใช้สิทธิฟ้องร้องเท่านั้น จึงหาเป็นการผ่อนเวลาแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เงินเบิกเกินบัญชี, ดอกเบี้ยทบต้นผิดสัญญา, และขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
การที่ลูกหนี้นำเงินเข้าบัญชีและถอนไปในระยะเวลาที่ยังมีการเบิกเงินเกินบัญชีกันอยู่ หาเป็นการชำระหนี้เงินเบิกเกินบัญชีแต่อย่างใดไม่
จะนำข้อตกลงในการเบิกเงินเกินบัญชีที่ให้คิดดอกเบี้ยทบต้นทุกเดือนไปใช้ในกรณีที่มีการผิดนัดไม่ชำระหนี้แล้วไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกัน - ความรับผิดของผู้ค้ำประกันต่อการทุจริตของลูกจ้างที่ได้รับมอบหมาย
จำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันผู้มีชื่อคนหนึ่งในการเข้าทำงานเป็นลูกจ้างโจทก์ว่า ถ้าผู้มีชื่อทำให้โจทก์เสียหายด้วยประการใดๆ แล้ว จำเลยยินยอมชำระค่าเสียหายให้นั้น เมื่อผู้มีชื่อได้รับมอบหมายให้ไปทำงานและได้บังอาจเบียดบังเอาเงินของโจทก์ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแล้วหลบหนีไป เช่นนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันก็ย่อมต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเพิ่มเติมจากสัญญาค้ำประกันและการยึดโฉนดที่ไม่เข้าข่ายจำนอง
เจ้าหนี้เงินกู้จะนำพยานบุคคลมาสืบว่ามีข้อตกลงว่าผู้ค้ำประกันยอมให้เจ้าหนี้ยึดโฉนดที่นาไว้เป็นประกันหนี้นั้นอีกได้แม้ข้อตกลงนั้นจะไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสารสัญญาค้ำประกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94(ข) เพราะข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาซึ่งตกลงต่างหากจากสัญญาค้ำประกัน และไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
การที่ผู้ค้ำประกันตกลงให้เจ้าหนี้เงินกู้ยึดโฉนดไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนดังกล่าวนั้นไม่เข้าลักษณะจำนอง
of 73