พบผลลัพธ์ทั้งหมด 723 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันโมฆะเนื่องจากขาดพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ค้ำประกัน
สำเนาสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ส่งพร้อมฟ้อง มีลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน ผู้ให้กู้ และลายมือชื่อ ผู้เขียนสัญญาและพยาน ตามต้นสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างและส่งศาลมีลายพิมพ์นิ้วมือและเขียนบอกชื่อผู้ค้ำประกันกับมีพยานลงชื่อไว้ 3 คนซึ่งโจทก์ไม่ได้อ้างพยานเหล่านั้นเป็นพยาน แต่กลับนำพยานอื่นมาสืบว่าผู้ค้ำประกันลงลายพิมพ์นิ้วมือไว้ โดยมีพยาน 3 คนลงชื่อไว้ กับมีพยานอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อไว้ในฐานะผู้เขียนสัญญาแต่อย่างเดียว หาได้มีฐานะเป็นพยานด้วยไม่ ส่วนลายมือชื่อผู้ให้กู้ไม่มีดังนี้ ถือว่าโจทก์นำสืบขัดแย้งกับฟ้องของตนเพราะสำเนาสัญญาค้ำประกันเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง และต้องฟังว่า สัญญาค้ำประกันอันเป็นหลักฐานฟ้องผู้ค้ำประกันไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ค้ำประกันตามบทบัญญัติมาตรา 9 ป.พ.พ. มีผลเท่ากับผู้ค้ำประกันมิได้ลงลายมือชื่อไว้ ไม่เป็นหลักฐานที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้ตาม มาตรา 680 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันที่ไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ค้ำประกัน ย่อมไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
สำเนาสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ส่งพร้อมฟ้อง มีลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน ผู้ให้กู้ และลายมือชื่อ ผู้เขียนสัญญาและพยานตามต้นสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างและส่งศาลมีลายพิมพ์นิ้วมือและเขียนบอกชื่อผู้ค้ำประกันกับมีพยานลงชื่อไว้ 3 คนซึ่งโจทก์ไม่ได้อ้างพยานเหล่านั้นเป็นพยานแต่กลับนำพยานอื่นมาสืบว่าผู้ค้ำประกันลงลายพิมพ์นิ้วมือไว้โดยมีพยาน 3 คนลงชื่อไว้ กับมีพยานอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อไว้ในฐานะผู้เขียนสัญญาแต่อย่างเดียว หาได้มีฐานะเป็นพยานด้วยไม่ส่วนลายมือชื่อผู้ให้กู้ไม่มีดังนี้ ถือว่าโจทก์นำสืบขัดแย้งกับฟ้องของตนเพราะสำเนาสัญญาค้ำประกันเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องและต้องฟังว่าสัญญาค้ำประกันอันเป็นหลักฐานฟ้องผู้ค้ำประกันไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ค้ำประกันตามบทบัญญัติมาตรา 9 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีผลเท่ากับผู้ค้ำประกันมิได้ลงลายมือชื่อไว้ไม่เป็นหลักฐานที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้ตาม มาตรา 680 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพลาดเรื่องตัวการกู้ยืมและการรับผิดของผู้ค้ำประกัน: เจ้าหนี้ต้องพิสูจน์ความรู้ของเหตุสำคัญผิด
ถ้าเจ้าหนี้สำคัญผิดว่าลูกหนี้มีอำนาจทำการกู้ยืมแทนบริษัทได้ ซึ่งความจริงลูกหนี้ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้ เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตาม ป.พ.พ. มาตรา 681 วรรค 3.
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697.
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อเกิดความสำคัญผิดเรื่องตัวลูกหนี้ และไม่มีสิทธิไล่เบี้ย
ถ้าเจ้าหนี้สำคัญผิดว่าลูกหนี้มีอำนาจทำการกู้ยืมแทนบริษัทได้ซึ่งความจริงลูกหนี้ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681 วรรคสาม
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมเป็นผู้กู้ร่วม แม้เดิมตั้งใจเป็นผู้ค้ำประกัน ย่อมมีผลผูกพันตามสัญญา
แม้ในชั้นต้นจำเลยที่ 1 ตั้งใจเพียงจะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 2-3 ก็ดี แต่เมื่อโจทก์ต้องการให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ด้วย จำเลยที่ 1 ก็ยินยอมและได้ลงชื่อในหนังสือสัญญากู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 แล้ว ก็เท่ากับจำเลยที่ 1 ได้สละความตั้งใจเดิมและยอมเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในฐานเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมเป็นผู้กู้ร่วม แม้เดิมทีตั้งใจเป็นผู้ค้ำประกัน ย่อมมีผลผูกพันตามสัญญา
แม้ในชั้นต้นจำเลยที่ 1 ตั้งใจเพียงจะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 2-3 ก็ดี แต่เมื่อโจทก์ต้องการให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ด้วย จำเลยที่ 1 ก็ยินยอมและได้ลงชื่อในหนังสือสัญญากู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 แล้ว ก็เท่ากับจำเลยที่ 1 ได้สละความตั้งใจเดิมและยอมเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในฐานเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารรับรองหนี้ของผู้อื่น ถือเป็นผู้ค้ำประกัน มีสิทธิไล่เบี้ยภายในอายุความตามมาตรา 164
การที่ธนาคารทำหนังสือรับรองพ่อค้าซึ่งเข้าทำสัญญาส่งของต่อบุคคลที่สามว่า ถ้าพ่อค้านั้นผิดสัญญาประการใด ธนาคารจะรับผิดชอบชดใช้ให้บุคคลที่สามนั้น ถือว่าธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน ฉะนั้น เมื่อธนาคารได้ชำระเงินชดใช้แทนไปแล้ว ย่อมมีสิทธิมาฟ้องไล่เบี้ยเอาต่อพ่อค้าได้ภายในอายุความตามมาตรา 164 กรณีไม่เข้าลักษณะอายุความตาม มาตรา 165(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับรองชดใช้หนี้ ถือเป็นสัญญาค้ำประกัน สิทธิไล่เบี้ยอายุความตาม ม.164
การที่ธนาคารทำหนังสือรับรองพ่อค้าซึ่งเข้าทำสัญญาส่งของต่อบุคคลที่สามว่า ถ้าพ่อค้านั้นผิดสัญญาประการใดธนาคารจะรับผิดชอบชดใช้ให้บุคคลที่สามนั้นถือว่าธนาคารเป็นผู้ค้ำประกันฉะนั้น เมื่อธนาคารได้ชำระเงินชดใช้แทนไปแล้ว ย่อมมีสิทธิมาฟ้องไล่เบี้ยเอาต่อพ่อค้าได้ภายในอายุความตามมาตรา 164 กรณีไม่เข้าลักษณะอายุความตามมาตรา 165(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อชัดเจน การมอบโฉนดหรือยอมรับหนี้ในฟ้องไม่ถือเป็นสัญญาค้ำประกัน
การที่จะให้จำเลยรับผิดฐานเป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้ได้ จะต้องปรากฎว่า จำเลยได้ทำหนังสือลงลายมือชื่อ เพื่อจะชำระหนี้แทนลูกหนี้นั้นให้โจทก์จึงจะได้ เพียงแต่จำเลยได้มอบโฉนดที่ให้ลูกหนี้เอาไปค้ำประกันโจทก์หรือจำเลยฟ้องลูกหนี้ในอีกคดีหนึ่งได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยยอมค้ำประกันลูกหนี้ต่อโจทก์เท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นสัญญาค้ำประกัน
การที่โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่า "จำเลยต้องรับผิดทั้งในทางพฤฒินัย และนิตินัย" เพียงเท่านี้ย่อมไม่มีความหมายถึงข้อความในเอกสาร จ.7-จ.8 ถ้าโจทก์มุ่งจะให้หมายถึงเอกสาร จ.7-จ.8 ถ้าบรรยายเพียงเท่านี้ก็เป็นเคลือบคลุม
การที่โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่า "จำเลยต้องรับผิดทั้งในทางพฤฒินัย และนิตินัย" เพียงเท่านี้ย่อมไม่มีความหมายถึงข้อความในเอกสาร จ.7-จ.8 ถ้าโจทก์มุ่งจะให้หมายถึงเอกสาร จ.7-จ.8 ถ้าบรรยายเพียงเท่านี้ก็เป็นเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันต้องทำเป็นหนังสือชัดเจน การมอบโฉนดหรือยอมรับในฟ้องยังไม่ถือเป็นสัญญาค้ำประกัน
การที่จะให้จำเลยรับผิดฐานเป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้ได้ จะต้องปรากฏว่า จำเลยได้ทำหนังสือลงลายมือชื่อเพื่อจะชำระหนี้แทนลูกหนี้นั้นให้โจทก์จึงจะได้ เพียงแต่จำเลยได้มอบโฉนดที่ให้ลูกหนี้เอาไปค้ำประกันโจทก์หรือจำเลยฟ้องลูกหนี้ในอีกคดีหนึ่งได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยยอมค้ำประกันลูกหนี้ต่อโจทก์เท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นสัญญาค้ำประกัน
การที่โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่า 'จำเลยต้องรับผิดทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัย' เพียงเท่านี้ย่อมไม่มีความหมายถึงข้อความในเอกสาร จ.7- จ.8 ถ้าโจทก์มุ่งจะให้หมายถึงเอกสาร จ.7- จ.8 ถ้าบรรยายเพียงเท่านี้ก็เป็นเคลือบคลุม
การที่โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่า 'จำเลยต้องรับผิดทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัย' เพียงเท่านี้ย่อมไม่มีความหมายถึงข้อความในเอกสาร จ.7- จ.8 ถ้าโจทก์มุ่งจะให้หมายถึงเอกสาร จ.7- จ.8 ถ้าบรรยายเพียงเท่านี้ก็เป็นเคลือบคลุม