คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ม. 17

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฐานภาษีการพนัน: การคำนวณภาษีเพิ่มร้อยละ 2.5 จากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายสำหรับผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17
พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 16 และมาตรา 17 บัญญัติให้ ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ในบัญชี ข. จะต้องเสียภาษีตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวจากฐานที่ไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. เสียภาษีจากยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 18 ในบัญชี ข. เสียภาษีจากยอดสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย และผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีจากยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้ว ดังนั้น การที่มาตรา 16 วรรคสอง บัญญัติให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละสองครึ่งเพื่อให้เป็นรายได้แก่เทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาต โดยมิได้ระบุว่าให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกร้อยละสองครึ่งจากฐานใดนั้น จึงหมายความว่าให้ผู้รับใบอนุญาตหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ดังกล่าวเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละสองครึ่งแห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายหรือยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้ว แล้วแต่กรณีว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นเป็นผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลขใดในบัญชี ข. ซึ่ง รมว.กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 17 (พ.ศ.2503) กำหนดภาษีตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง ไว้ในข้อ 12 วรรคหนึ่ง (1) (ก) ว่า ให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นการเล่นหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีร้อยละ 10 แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย และกำหนดในข้อ 12 วรรคสองว่า นอกจากภาษีดังกล่าวแล้วให้ผู้รับใบอนุญาตเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามมาตรา 16 วรรคสอง อีกร้อยละสองครึ่งแห่งยอดที่ต้องเสีย เพื่อเป็นรายได้ของเทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาต ดังนั้น คำว่า "ยอดที่ต้องเสีย" ตามข้อ 12 วรรคสอง แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 17 (พ.ศ.2503) ดังกล่าว จึงหมายถึงยอดที่เป็นฐานในการเสียภาษีตามวรรคหนึ่ง (1) (ก) คือยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย ความในวรรคสองของมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 นั้น ต้องอ่านต่อเนื่องจากความในวรรคหนึ่ง ฐานในการจัดเก็บภาษีคือยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย ซึ่งในกรณีนี้คือสลากม้าแข่งที่สนามม้าได้รับไว้ทั้งสิ้น เมื่อจำเลยผู้รับใบอนุญาตการเล่นโตแตไลเซเตอร์สำหรับการแข่งม้าซึ่งเป็นการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. จำเลยจึงต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามมาตรา 16 วรรคสอง ในอัตราร้อยละสองครึ่งของยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียภาษีเงินได้ของสมาคมผู้จัดพนันโตแตไลเซเตอร์: ภาษีคำนวณจากรายรับก่อนหักรายจ่าย หรือรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย
โจทก์จัดให้มีการเล่นพนันโตแตไลเซเตอร์ สำหรับการเล่นแข่งม้าตามบัญชีข.ข้อ17แห่งพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478เงินที่โจทก์ได้รับจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรมาตรา40(8)เพราะเป็นเงินได้จากการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน(1)ถึง(7)ของมาตรา40แห่งประมวลรัษฎากรและมิใช่รายได้ตามมาตรา65ทวิ(13)แห่งประมวลรัษฎากรเพราะมิใช่เงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้จากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หาโจทก์ซึ่งเป็นสมาคมจึงต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ2ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆตามที่มาตรา4แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่168)พ.ศ.2529บัญญัติไว้โจทก์ได้รับเงินจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดให้แก่ผู้เล่นมาแต่ต้นจำนวนเงินดังกล่าวจึงเป็นเงินได้ของโจทก์ซึ่งโจทก์จะต้องนำไปเสียภาษีตามหน้าที่ที่พระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478บัญญัติไว้รวมทั้งเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรและจ่ายรางวัลแก่ผู้เล่นที่แทงผลการแข่งม้าถูกตามลักษณะข้อจำกัดและเงื่อนไขในใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้าข้อ4และข้อ5ที่กำหนดไว้ซึ่งล้วนเป็นรายจ่ายของโจทก์ที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับจำนวนเงินดังกล่าวมาแล้วนอกจากนี้ตามมาตรา16แห่งพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดให้ผู้รับอนุญาตการเล่นหมายเลข17ในบัญชีข.เสียภาษีไม่เกินกว่าร้อยละ10แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายและเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละ2.5เพื่อให้เป็นรายได้ของเทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาตโดยกำหนดในกฎกระทรวงดังนั้นโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้ามีหน้าที่เสียภาษีร้อยละ10แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายตามข้อ12(1)(ก)ของกฎกระทรวงฉบับที่17(พ.ศ.2503)ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478จึงต้องชำระค่าภาษีดังกล่าวด้วยเงินของโจทก์จะอ้างว่าเงินค่าภาษีร้อยละ10แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายที่โจทก์ชำระไปนั้นมิใช่รายได้ของโจทก์หาได้ไม่ที่โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลมาในอัตราร้อยละ2ของรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือของจำนวนเงินที่โจทก์จำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดได้ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆจึงเป็นการเสียภาษีที่ถูกต้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีจากการจัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์: การจัดเก็บภาษีเงินได้และภาษีตาม พ.ร.บ.การพนัน
โจทก์จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์ สำหรับการเล่นแข่งม้า ตามบัญชี ข. ข้อ 17 แห่ง พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 เงินที่โจทก์ได้รับจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวล-รัษฎากร มาตรา 40(8) เพราะเป็นเงินได้จากการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1)ถึง (7) ของมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร และมิใช่รายได้ตามมาตรา 65 ทวิ(13) แห่งประมวลรัษฎากร เพราะมิใช่เงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หาโจทก์ซึ่งเป็นสมาคมจึงต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 2 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามที่มาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล-รัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 168) พ.ศ.2529 บัญญัติไว้ โจทก์ได้รับเงินจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดให้แก่ผู้เล่นมาแต่ต้น จำนวนเงินดังกล่าวจึงเป็นเงินได้ของโจทก์ ซึ่งโจทก์จะต้องนำไปเสียภาษีตามหน้าที่ที่พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ.2478 บัญญัติไว้ รวมทั้งเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร และจ่ายรางวัลแก่ผู้เล่นที่แทงผลการแข่งม้าถูก ตามลักษณะข้อจำกัดและเงื่อนไขในใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้า ข้อ 4 และข้อ 5 ที่กำหนดไว้ ซึ่งล้วนเป็นรายจ่ายโจทก์ที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับจำนวนเงินดังกล่าวมาแล้ว นอกจากนี้ ตามมาตรา16 แห่ง พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. เสียภาษีไม่เกินกว่าร้อยละ 10 แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย และเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละ 2.5 เพื่อให้เป็นรายได้ของเทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาตโดยกำหนดในกฎกระทรวงดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้ามีหน้าที่เสียภาษีร้อยละ 10 แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายตามข้อ 12 (1)(ก) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 17 (พ.ศ.2503) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 จึงต้องชำระค่าภาษีดังกล่าวด้วยเงินของโจทก์ จะอ้างว่าเงินค่าภาษีร้อยละ 10 แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายที่โจทก์ชำระไปนั้นมิใช่รายได้ของโจทก์หาได้ไม่ ที่โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลมาในอัตราร้อยละ 2 ของรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือของจำนวนเงินที่โจทก์จำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดได้ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆจึงเป็นการเสียภาษีที่ถูกต้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8486/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลยุติธรรมรับฟ้องคดีปกครองก่อนมีศาลปกครอง และความชอบด้วยกฎหมายของระเบียบพนันชนไก่
โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา จำเลยคัดค้านว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงปนข้อกฎหมาย ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของมาตรา 223 ทวิ แห่ง ป.วิ.พ. ขอให้ยกคำร้อง ซึ่งตามคำคัดค้านของจำเลยแปลความหมายได้ว่า หากอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยไม่มีปัญหาข้อเท็จจริงปนอยู่ด้วยก็ไม่คัดค้าน เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยไม่คัดค้าน ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาจึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ
โจทก์ฟ้องขอให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพนันชนไก่และกัดปลา พ.ศ.2525 ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกใช้บังคับ โดยอ้างว่ามิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นคดีปกครอง เมื่อยังไม่มีการจัดตั้งศาลปกครอง ศาลยุติธรรมย่อมเป็นสถาบันที่มีอำนาจหน้าที่รับฟ้องคดีปกครองเพื่อเยียวยาตรวจสอบกฎหมายหรือระเบียบที่ฝ่ายบริหารตราออกใช้บังคับโดยมิชอบด้วยกฎหมายได้
การที่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับคำขอเพื่อจัดให้มีการเล่นการพนันชนไก่ของโจทก์ไม่สามารถดำเนินการตามคำขอให้โจทก์ได้เพราะขัดต่อระเบียบของจำเลย เป็นการปฏิบัติภายในขอบอำนาจหน้าที่ตามกฎระเบียบของจำเลย ถือได้ว่าระเบียบดังกล่าวของจำเลยก่อให้เกิดผลกระทบหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์โดยตรงโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยขอให้ยกเลิกระเบียบดังกล่าวต่อศาลยุติธรรมได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพนันชนไก่และกัดปลา พ.ศ.2525 โดยมีพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478 มาตรา 17 ให้อำนาจไว้ และการออกระเบียบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดแหล่งอบายมุข มิให้ประชาชนลุ่มหลงมัวเมาในการพนันอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมและความยากจนของประชาชน โดยลดจำนวนบ่อนและลดวันอนุญาตเล่นการพนันชนไก่และกัดปลา และกำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตว่าต้องมีฐานะมั่นคงพอเชื่อถือได้และมีความประพฤติเรียบร้อย สำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตเดิมให้อนุมัติได้เดือนละหนึ่งครั้ง และห้ามอนุมัติการอนุญาตเพิ่มขึ้นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเหตุผลของพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 ที่ต้องการควบคุมแหล่งอบายมุขโดยมิได้วางระเบียบห้ามเล่นการพนันชนไก่และกัดปลาเสียเลย ระเบียบกระทรวง-มหาดไทยว่าด้วยการพนันชนไก่และกัดปลา พ.ศ.2525 จึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2950/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าธรรมเนียมใบอนุญาต: เจ้าพนักงานมีอำนาจออกใบอนุญาตและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้โดยไม่ต้องมีการแต่งตั้งเพิ่มเติม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15) ที่บัญญัติถึงบุคคลที่ทางราชการได้ตั้งแต่งหรืออนุญาตให้จัดกิจการเฉพาะบางอย่างเรียกเอาค่าธรรมเนียมเพียงที่มิใช่เป็นเงินอันอยู่ในประเภทจะต้องส่งเข้าท้องพระคลัง มีอายุความสองปี นั้น หมายถึง จะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้จัดกิจการนั้น ๆ และเป็นกิจการที่จะต้องมีการออกใบอนุญาตจึงจะสามารถกระทำได้ กฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2507) ข้อ 4(1) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 กำหนดให้ โจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งสารวัตรเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ออกใบอนุญาตเล่นการพนันไพ่ผ่องจีน และรับค่าธรรมเนียมที่จะส่งเข้าเป็นรายได้ให้รัฐและเทศบาล แสดงว่าโจทก์ในฐานะเจ้าพนักงานได้รับแต่งตั้งหรือได้รับอนุญาตจากทางราชการให้มีอำนาจและหน้าที่ออกใบอนุญาตเล่นการพนันไพ่ผ่องจีนและรับค่าธรรมเนียมได้โดยไม่จำต้องให้ทางราชการแต่งตั้งโจทก์ให้มีหน้าที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมอีกชั้นหนึ่งการเรียกเอาค่าธรรมเนียมเพิ่มเพื่อเทศบาลในการออกใบอนุญาตเล่นการพนันจึงมีอายุความสองปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานพยายามขายสลากกินรวบต้องมีเจตนาและลงมือกระทำความผิดแล้ว การเตรียมการยังไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยเขียนเลขสลากกินรวบไว้สำหรับขาย แต่ยังไม่ทันลงมือขายก็ถูกจับ ดังนี้ ยังไม่ผิดฐานพยายามขายสลากกินรวบ
เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นแล้ว พิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามขายสลากกินรวบ ถ้าโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับในข้อกฎหมายว่า ไม่ผิดฐานพยายามขายสลากกินรวบแล้ว โจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงว่าจำเลยลงมือขายแล้วจึงถูกจับ หรือฎีกาว่า จำเลยเป็นผู้เล่นสลากกินรวบ หาได้ไม่