พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6539/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม แม้เจ้าหนี้จะผ่อนผันการชำระหนี้ก็ยังคงมีอยู่
จำเลยที่ 1 ที่ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยอมชำระเงินให้โจทก์ที่ 1 ที่ 2 โดยผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือน เดือนละ 20,000 บาทศาลพิพากษาตามยอม ผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว ศาลออกคำบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 4 ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ชำระหนี้ให้ตรงตามระยะเวลาเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิบังคับคดีได้ทันที การที่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ยังไม่บังคับคดีและรับชำระหนี้ต่อมาเป็นเพียงการผ่อนผันให้เท่านั้น ไม่ใช่การสละสิทธิในการบังคับคดีหรือสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 154 วรรคสอง โจทก์ที่ 1 ที่ 2 จะบังคับคดีเมื่อใดก็ได้ตามสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมายและเมื่อต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ชำระหนี้งวดที่ 13 และ 14 โจทก์ที่ 1 ที่ 2 จึงขอบังคับคดี การที่ศาลออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมาย แม้ภายหลังผู้ร้องจะชำระหนี้งวดที่ 13 และ 14 โจทก์ที่ 1 ที่ 2 รับไว้ ก็เป็นสิทธิของโจทก์ที่ 1ที่ 2 ผู้เป็นเจ้าหนี้จะรับชำระหนี้ ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและไม่ทำให้หมายบังคับคดีกลับเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่มีเหตุที่ศาลจะเพิกถอนหมายบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3669/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันยังผูกพันตราบใดที่จำเลยยังมีหนี้ แม้จะขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์และฎีกา
สัญญาค้ำประกันหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย ที่ผู้ค้ำประกันทำไว้ต่อศาลชั้นต้นอันเกี่ยวเนื่องกับการขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ มิได้ระบุเงื่อนเวลาสิ้นสุด หรือเงื่อนไขบังคับ หลังไว้ ดังนั้นจะแปลความหมายว่าสัญญานี้สิ้นผลเมื่อศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาย่อมไม่ได้ ฉะนั้น ตราบใดที่จำเลยยังมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่โจทก์อยู่ สัญญาค้ำประกันก็ยังมีผล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3653/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันมีผลต่อเนื่องจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษากลับ หรือมีการทำสัญญาค้ำประกันใหม่
สัญญาค้ำประกันที่ผู้ร้องทำต่อศาลชั้นต้นในชั้นขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ผู้ร้องเป็นผู้รับผิดชอบแทนจำเลย โดยยินยอมชำระเงินตามคำสั่งศาลแทนจนครบ สัญญาค้ำประกันดังกล่าวมิได้ยุติเพียงศาลอุทธรณ์พิพากษาเท่านั้น หากผู้ร้องประสงค์จะ ผูกพันตนเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ก็ควรเพิ่มเติมข้อจำกัดความรับผิดชอบ นั้นไว้ในสัญญาโดยชัดแจ้ง ดังนั้นความรับผิดของผู้ร้องตามสัญญา ค้ำประกันดังกล่าวจะสิ้นไปก็ต่อเมื่อศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา ศาลใดศาลหนึ่งพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์หรือในระหว่างฎีกา ได้มีการทำหนังสือสัญญาค้ำประกันขึ้นใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษา: เงื่อนไขการสิ้นสุดความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดย ให้จำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้อง ชำระตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ย จนถึง วันฟังคำสั่งมาวางศาล ผู้ค้ำประกันนำที่ดินมาวางต่อศาลชั้นต้น และทำหนังสือค้ำประกันจำเลยโดย มีหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นประกันว่า ถ้า จำเลยแพ้คดีโจทก์และไม่นำเงินมาชำระให้ตามคำพิพากษาเป็นจำนวนทั้งสิ้นเท่าใด ผู้ค้ำประกันยอมให้บังคับคดีเอาจากหลักทรัพย์ที่นำมาวางไว้เป็นประกันได้ ทันที ดังนี้ความรับผิดของผู้ค้ำประกันตาม หนังสือค้ำประกันฉบับนี้จะสิ้นไปก็ต่อเมื่อศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาศาลใด ศาลหนึ่งพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ หรือในระหว่างฎีกาได้ มีการทำหนังสือค้ำประกันขึ้นใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกันที่ผูกพันต่อเนื่องจนถึงการฎีกา
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยให้จำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยจนถึงวันฟังคำสั่งมาวางศาล ผู้ค้ำประกันนำที่ดินมาวางต่อศาลชั้นต้นและทำหนังสือค้ำประกันจำเลยโดยมีหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นประกันว่าถ้าจำเลยแพ้คดีโจทก์และไม่นำเงินมาชำระให้ตามคำพิพากษาเป็นจำนวนทั้งสิ้นเท่าใดผู้ค้ำประกันยอมให้บังคับคดีเอาจากหลักทรัพย์ที่นำมาวางไว้เป็นประกันได้ทันที ดังนี้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันตามหนังสือค้ำประกันฉบับนี้จะสิ้นไปก็ต่อเมื่อศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาศาลใดศาลหนึ่งพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ หรือในระหว่างฎีกาได้มีการทำหนังสือค้ำประกันขึ้นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันหลังคำพิพากษายืน และผลของการไม่นำหลักประกันมาวางศาล
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยให้จำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยจนถึงวันฟังคำสั่งมาวางศาล ผู้ค้ำประกันนำที่ดินมาวางต่อศาลชั้นต้น และทำหนังสือค้ำประกันจำเลยโดยมีหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นประกันว่า ถ้าจำเลยแพ้คดีโจทก์และไม่นำเงินมาชำระให้ตามคำพิพากษาเป็นจำนวนทั้งสิ้นเท่าใด ผู้ค้ำประกันยอมให้บังคับคดีเอาจากหลักทรัพย์ที่นำมาวางไว้เป็นประกันได้ทันที ดังนี้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันตามหนังสือค้ำประกันฉบับนี้จะสิ้นไปก็ต่อเมื่อศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาศาลใดศาลหนึ่งพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ หรือในระหว่างฎีกาได้มีการทำหนังสือค้ำประกันขึ้นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5563/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันระงับสิ้นเมื่อผู้ร้องชนะคดีและไม่มีหนี้ตามสัญญา ศาลคืนโฉนดที่ดินที่วางค้ำประกันได้
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไม่ใช่ของจำเลย และโจทก์ยินยอมให้ผู้ค้ำประกันนำที่ดินมาวางค้ำประกันในการถอนการยึดทรัพย์ของจำเลย โดยถ้าผู้ร้องแพ้ ผู้ค้ำประกันยอมชำระหนี้แทนสัญญาค้ำประกันดังกล่าวไม่มีข้อความระบุว่าผู้ค้ำประกันยอมค้ำประกันตลอดไปจนกว่าคดีถึงที่สุด ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี จึงไม่มีหนี้ที่ผู้ค้ำประกันจะต้องชำระตามสัญญาค้ำประกัน สัญญาค้ำประกันย่อมระงับสิ้นไปทันทีศาลชอบที่คืนโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4772/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันและการบังคับคดีแก่กองมรดกของผู้ค้ำประกันเมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้
จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีในส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ โดยให้จำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นร.ได้เข้ามาทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลชั้นต้นมีใจความว่า เมื่อคดีถึงที่สุดหากจำเลยแพ้คดีและไม่สามารถชำระหนี้แก่โจทก์ได้ร.ยอมให้บังคับคดีเอาจากที่ดินของร.แปลงที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกัน ดังนี้ จึงเป็นการที่ ร.ยอมตนเข้าผูกพันค้ำประกันหนี้ของจำเลยจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ร.จะพ้นความรับผิดก็ต่อเมื่อจำเลยกลับเป็นฝ่ายชนะคดีหรือจำเลยได้ชำระหนี้แก่โจทก์แล้วเท่านั้น ระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด ร.ไม่มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาค้ำประกันโดยที่โจทก์และจำเลยไม่ได้ตกลงยินยอมด้วยเพราะมิใช่เป็นการค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวไม่มีจำกัดเวลาเป็นคุณแก่เจ้าหนี้ ซึ่งผู้ค้ำประกันอาจเลิกเสียเพื่อคราวอันเป็นอนาคตได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 699และแม้ ร.จะถึงแก่กรรมไปก่อนที่ศาลฎีกาจะพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ก็ตามแต่เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้นั้น โจทก์ก็มีสิทธิบังคับเอาแก่ที่ดินอันเป็นกองมรดกของ ร.ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4772/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามสัญญาค้ำประกันหลังเจ้ามรดกเสียชีวิต: สิทธิโจทก์ในการยึดทรัพย์จากกองมรดก
จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีในส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ โดยให้จำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ร. ได้เข้ามาทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลชั้นต้นมีใจความว่าเมื่อคดีถึงที่สุด หากจำเลยแพ้คดีและไม่สามารถชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ร.ยอมให้บังคับคดีเอาจากที่ดินของ ร. แปลงที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกัน ดังนี้ จึงเป็นการที่ ร.ยอมตนเข้าผูกพันค้ำประกันหนี้ของจำเลยจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ร.จะพ้นความรับผิดก็ต่อเมื่อจำเลยกลับเป็นฝ่ายชนะคดีหรือจำเลยได้ชำระหนี้แก่โจทก์แล้วเท่านั้น ระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด ร.ไม่มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาค้ำประกันโดยที่โจทก์และจำเลยไม่ได้ตกลงยินยอมด้วยเพราะมิใช่เป็นการค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวไม่มีจำกัดเวลาเป็นคุณแก่เจ้าหนี้ ซึ่งผู้ค้ำประกันอาจเลิกเสียเพื่อคราวอันเป็นอนาคตได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 699 และแม้ ร.จะถึงแก่กรรมไปก่อนที่ศาลฎีกาจะพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้นั้น โจทก์ก็มีสิทธิบังคับเอาแก่ที่ดินอันเป็นกองมรดกของ ร.ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2930/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเช่าซื้อ vs. สิทธิเจ้าหนี้ – ที่ดินยังเป็นของเจ้าของเดิม แม้ชำระค่าเช่าซื้อครบ
แม้ผู้ร้องทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทจาก ส. และชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วก่อนที่ ส. จะนำที่ดินดังกล่าวมาวางศาลเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยเพื่อขอทุเลาการบังคับคดี แต่สิทธิของผู้ร้องก็เป็นเพียงบุคคลสิทธิซึ่งหาก ส. ผิดสัญญาเช่าซื้อก็เป็นกรณีที่ผู้ร้องต้องว่ากล่าวบังคับเอากับ ส.เมื่อส. ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทจึงยังไม่ตกไปเป็นของผู้ร้องโดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย ส. ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ โจทก์ชนะคดีแล้วยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด.